นอกจาก KIA EV9 เอสยูวีรุ่นใหญ่พลังไฟฟ้าที่จะเปิดตัวในไทย 1 มีนาคม แล้ว KIA Sales Thailand เสริมทัพกลุ่มรถไฟฟ้าให้เข้มข้นด้วย KIA EV5
KIA EV5 เปิดใหม่ต่อจากรุ่น EV6 และ EV9 ถอดแบบมาจากต้นแบบผสมกับความเป็น EV9 รุ่นพี่ในร่างคอมแพ็คเอสยูวี ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์แบบหน้าเสือทรงทึบรับกับคิ้วขอบกระจังหน้าในรูปแบบแถบไฟ LED รูปตัวแอล พร้อมไฟหน้า LED ซ่อนอยู่ข้างใน พาดยาวใต้โลโก้ KIA กับไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED รับกับกันชนหน้าดีไซน์เล่นระดับติดตั้งคิ้วใต้กันชนหน้าสีเงิน ซุ้มล้อสีดำดูทะมัดทะแมง คิ้วชายล่างประตูสีดำใส่คิ้วสีเงิน ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียน กระจกมองข้างทรงปกติ พร้อมไฟเลี้ยว LED
ราวหลังคาเนียนเรียบกับหลังคารถ เสา A ไปจนถึงเสา C ตกแต่งด้วยสีดำและเสา D ขนาดใหญ่ทาด้วยสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้าย LED แนวยาวเรียวทรงรูปตัวซี กันชนหลังลงตัวเสริมคิ้วสีเงินออกแนวบึกบึน สปอยเลอร์บนกระจกหลังดีไซน์ดุดัน เสาอากาศครีบฉลาม ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาดใหญ่เลือกได้ตั้งแต่ขนาด 18-21 นิ้ว จากตัวรถสร้างขึ้นบนพื้นฐาน Electric Global Modular Platform (E-GMP)
ภายในหรูครบครันด้วยคอนโซลหน้าดีไซน์แนวนอนพร้อมจอคู่ขนาดใหญ่แบบลอยตัวที่มีทั้งมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้วและจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Display 5 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ไร้สาย อัปเดทซอฟต์แวร์แบบ OTA พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้าน บรกมือไฟฟ้าพร้อมปุ่ม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สาย จอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า HUD ไฟสร้างบรรยากาศ ambient light มากถึง 64 สี เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมแอร์หลัง มีระบบอุ่นเบาและยังสามารถสั่งสตาร์ทรถในระยะไกลได้ Remote Smart Parking สบายแบบห้าที่นั่งด้วยเบาะนั่งตอนที่ 2 นั่งสบายพับได้แบบ 60/40 พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายจุของได้จุใจมีช่องเก็บของใต้พื้นตัวรถ
ขุมพลังไฟฟ้ามาพร้อมสองทางเลือกสองความแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เริ่มที่รุ่น Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่58 kWh ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 530 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ส่วนรุ่น Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยความจุแบตเตอรี่ 81 kWh ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 720 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC
และรุ่น Long Range AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังมากสุด 306 แรงม้า ด้วยการเพิ่มกำลังของมอเตอร์ล้อคู่หลัง 95 แรงม้า และมอเตอร์คู่หน้า 218 แรงม้า วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 650 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC จากความจุแบตเตอรี่ 81 kWh
ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีทั้งแบบกระแสตรง DC ชาร์จเร็ว 30-80% ชาร์จเร็ว 27 นาที ส่วนการชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า รองรับกำลังไฟในการชาร์จ 7 และ 11 kW โดยหัวชาร์จแบบ CCS Type 2 และ AC แบบ Type 2 สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้หลากหลายทั้งแบบ Normal Mode / ECO Mode / Sport Mode และ Smart Mode ช่วยเพิ่มความสนุกสนานยังชาร์จ V2L สามารถต่อกระแสไฟ จากรถยนต์ไปพ่วงใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้ และเทคโนโลยีความปลอดภัย DRIVE WiSE โดยนำเข้าจากจีนเตรียมมาไทยช่วงไตรมาสที่สามและเป็นหนึ่งในสามรุ่นใหม่ของ KIA ต่อจากรุ่น EV9 และ Sorento