ชื่อของ Nissan Juke อาจเงียบหายไปเลยจากประเทศไทย หลังการมาของ Nissan Kicks แต่แท้จริงแล้วมันยังคงถูกทำตลาดต่อไปในทวีปยุโรป และล่าสุด มันก็ได้รับการปรับโฉมใหม่อีกครั้งในปี 2024 นี้
2024 Nissan Juke โฉมใหม่ แท้จริงแล้วยังเป็นโฉมเดียวกันกับตัวรถเจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2019 ทว่าด้วยอายุอานามของตัวถัง ที่ล่วงเลยมาจนถึงหลักปีที่ 5 จึงทำให้ทางค่ายต้องปรับโฉมตัวรถใหม่เล็กน้อยเพื่อคงความน่าสนใจของตัวมันเอาไว้ ให้ยังคงถูกใจลูกค้าชาวยุโรปกันอยู่
เริ่มจากความเปลี่ยนแปลงภายนอก ซึ่งอันที่จริง ก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมเท่าไหร่นัก เว้นเสียแต่ว่า ในคราวนี้ ตัวรถจะมาพร้อมกับเฉดสีใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสีเหลืองที่พึ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับตัวรถเจเนอเรชันนี้ หลังจากที่ทางค่ายได้เคยทำขายมาก่อนใน Juke โฉมแรก และทางค่ายยังได้ทำการปรับสูตรสีขาวมุก กับสีดำเมทัลลิคใหม่ เพื่อเพิ่มความสวยงามให้ถูกใจลูกค้ามากขึ้นด้วย
อีกจุดที่เปลี่ยนไปคือ ชุดล้อขอบ 19 นิ้วลายใหม่ ซึ่งดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม และหากเท่านั้นยังไม่พอ คราวนี้ทาง Nissan ยังเพิ่มรุ่นย่อย Juke N-Sport เข้ามา ซึ่งจะกลายเป็นตัวท็อปที่ได้รับการตกแต่งให้โดดเด่นกว่าที่เคย ด้วยหลังคาสีดำ, เสา A สีดำ, ล้อสีดำ, ซุ้มล้อสีดำ, และกระจังหน้าสีดำ พร้อมกับการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยชิ้นงานเดินตะเข็บได้สีเหลือง ตัดกับโทนหนังอัลคันทาร่ารีไซเคิลสีดำ
ส่วนการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ของตัวรถรุ่นย่อยอื่นๆ ทาง Nissan ก็ระบุว่าพวกเขาได้มีการปรับวัสดุหนังหุ้มกรอบพวงมาลัยใหม่ ให้มีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น, ช่องเก็บของ หรือเก๊ะหน้า สามารถจุของได้มากกว่าเดิม, เบาะโดยสารดีไซน์ใหม่ ควบคู่ไปกับแท่นวางแขนตรงกลาง ที่ถูกปรับตำแหน่งให้ผู้ใช้สามารถวางแขนได้สบายกว่าเดิม
ส่วนลูกเล่นภายในห้องโดยสาร และฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามา ก็มีทั้ง ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold, แท่นไวร์เลสชาร์จ, พอร์ทชาร์จแบบ USB-A และ USB-C สำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง และหน้าจอแสดงผลมาตรวัดใหม่ ขนาด 12.3 นิ้ว กับหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว เท่ากัน ซึ่งนอกจากจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแล้ว ยังได้รับการอัพเกรดระบบสั่งการด้วยเสียงให้ฉลาดกว่าเดิม และอัพเกรดให้รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สายได้ทั้งคู่อีกด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของระบบขุมกำลังและระบบขับเคลื่อนข้องตัวรถ จะยังคงมี 2 ตัวเลือกดังเดิม ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้ง รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 117 PS และแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะจับคู่กับระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 สปีด (ย้ำว่าแม้จะใช้เครื่องยนต์เดียวกันกับ Almera Turbo แต่ใช้เกียร์ DCT ไม่ใช่ CVT)
ขระที่รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดเอง ก็ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 94 PS ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 49 PS และใช้แบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 1.2 kWh เป็นแหล่งพลังงาน และจะมีตัวเลือกระบบส่งกำลังเพียงแบบเดียวเท่านั้น นั่นคือระบบเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งสามารถปรับโหมดการทำงานได้ และจะมีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้เนื่องจาก Nissan ประเทศไทย มีนโยบายในการทำตลาด Nissan Kicks แทน Nissan Juke จึงทำให้โอกาสที่เราจะได้เห็นตัวรถรุ่นนี้ถูกนำกลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้ง มีน้อยมากๆ หรืออาจจะไม่มีเลย ตราบใดที่เจ้ารถครอสโอเวอร์ขุมกำลัง e-Power ยอดนิยมนี้ ยังคงเป็นที่สนใจในหมู่ชาวไทยส่วนใหญ่ต่อไป