หลังการประกาศขึ้นไลน์ผลิตในไทยไปเมื่อปลายปีก่อน ล่าสุดเราก็ได้รับข้อมูลมาว่า Honda e:N1 ใกล้พร้อมแล้วที่จะวางขายให้ชาวไทยได้จับจองกันจริงๆสักที
จากข้อมูลโดยแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของทีมงาน Ridebuster ระบุว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ รถ Honda e:N1 จะพร้อมวางจำหน่ายให้ชาวไทยได้จับจองกันแล้ว โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2024 หลังจากที่มีการล่าช้าจากกำหนดการเดิม ซึ่งทางค่ายเคยประมาณการณ์ไว้ว่าจะพร้อมขายจริงไม่เกินปลายปีก่อนในตอนแรก
โดยแม้จะยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันว่าตัวรถจะถูกวางขาย จะมาพร้อมกับรายละเอียดออพชันยิบย่อยเป็นอย่างไร และจะมีการวางจำหน่ายด้วยราคาระดับไหน แต่มันก็จะต้องถูกสร้างขึ้นโดยอิงพื้นฐานเดียวกันกับ Honda e:NS1/e:NP1 ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน และ Honda e:Ny1 ที่วางจำหน่ายในยุโรปแน่นอน
และจุดเด่นหลักๆของตัวรถทั้ง 3 รุ่นที่เราเกริ่นถึงนั้น หลักๆแล้วก็จะเริ่มจาก การที่มันใช้โครงสร้าง ซึ่งต่อยอดมาจาก Honda HR-V รถครอสโอเวอร์ไฮบริดที่เราคุ้นเคย มาดัดแปลงใหม่โดยใช้แพลตฟอร์ม “e:N Architecture F” ซึ่งสร้างมาเพื่อการทำเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
ส่งผลให้มันมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว ที่สามารถปั่นแรงม้าสูงสุดได้ 150 kW หรือราวๆ 204 แรงม้า PS กับแรงบิดสูงสุดอีก 310 นิวตันเมตร พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ด้านแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ จะมาพร้อมกับความจุขนาด 68.8 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 412 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และสามารถชาร์จไฟจาก 10% – 80% ด้วยระบบ Fast Charge ได้ภายในเวลา 45 นาที หรือสามารถชาร์จไฟสำหรับการวิ่งด้วยระยะทาง 100 กิโลเมตร ได้ภายใน 11 นาที
หรือหากเป็นการชาร์จไฟจาก 10% – 80% ด้วยแท่นชาร์จ AC ปกติก็จะใช้เวลาราวๆ 6 ชั่วโมง
นอกนั้นในเรื่องงานตกแต่งภายนอก ก็จะเป็นการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนรอบคันต่างๆใหม่ ให้ดูสมกับความเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า, กระจังหน้าแบบปิดทึบ, ชุดล้ออัลลอยด์ก้านถี่, ไฟท้ายแบบแถบยาวคาดตลอดแนวฝาท้าย และใช้โลโก้แบรนด์แบบใหม่ เป็นชื่อเต็มของแบรนด์ ไม่ใช่โลโก้ H Mark อีกต่อไป
ขณะเดียวกันในส่วนงานตกแต่งภายใน มีแค่เพียงเบาะนั่งและแผงข้างประตูเท่านั้น ที่ยังคล้ายเดิม แต่คอนโซลกลางถูกเปลี่ยนใหม่ โดยมีจุดแต่งต่างที่ชัดเจนคือ ไม่มีคันเกียร์อีกต่อไป แต่เปลี่ยนไปใช้สวิทช์ปรับตำแหน่งเกียร์แทน และตอนโซนหน้าก็มีการเปลี่ยนมาใช้จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์แนวตั้งขนาดใหญ่ 15.1 นิ้ว และจอแสดงผลมาตรวัด ก็เป็นแบบ Full Digital TFT แนวนอนขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว ติดตั้งแบบกึ่งลอยตัว ไม่มีฝาครอบบังแสงทางด้านบน (แต่ตัวรถสเป็คไทยอาจมีฝาครอบมาให้ คล้ายๆกับกรณีของ Honda Accord e:HEV รุ่นใหม่)
สุดท้าย การขับขี่จะเป็นอย่างไร สมรรถนะจะดีแค่ไหน และสำคัญสุดๆ ราคาขายจริงจะอยู่ที่เท่าไหร่ โปรดรอติดตามได้ เร็วๆนี้ ครับ