นับเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบสี่ปีของ MG 5 เก๋งซีดานสไตล์สปอร์ตแต่งเข้มขึ้นพร้อมชื่อใหม่ MG5 PRO ในราคาที่จับต้องได้
เป็นการปรับโฉมแบบเดียวกับ MG 5 Scorpio เวอร์ชันจีน เริ่มที่ กระจังหน้า 3 มิติ โครมดำแนวตั้ง 12 จุด ย้ายตราโลโก้ MG ไปอยู่ขอบกันชนหน้าส่วนบนรับกับกันชนหน้าใหม่ สปอยเลอร์หลังสีดำเงา ไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED รูปตัววาย ใหม่ในโคมเดียวกัน พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ล้ออัลลอยดีไซน์ใบพัด 5 ก้านทูโทนขนาด 17 นิ้ว กันชนหลังออกแบบใหม่ด้วยคิ้วทรงกลมคู่ซ้าย-ขวากับแผงทับทิมสีแดงซ้าย-ขวาใหม่ ท่อไอเสียหลอกๆคู่สองฝั่ง พร้อมไฟท้าย LED
ภายในมีจุดเด่นในเรื่องความกว้าง ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในเซกเมนต์ มีพื้นที่เหนือศีรษะ (Headroom) ที่สูงโปร่ง ตกแต่งภายในลุคสปอร์ตสีดำเดินเส้นสายด้วยสีแดง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและฟังก์ชันที่ตอบไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว พร้อมหลังคาซันรูฟ คอนโซลหน้าดีไซน์ เดิมจากรุ่นก่อนปรับโฉม หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว กับ หน้าจอสีระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
เบาะหนังทรงสปอร์ตโอบรับสรีระ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พวงมาลัยหนังมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ลำโพง 6 จุด กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start และระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล พร้อม กรองอากาศ PM 2.5
ขุมพลังเดิมๆด้วย 1.5 ลิตร เบนซิน 114 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้ทั้งประสบการณ์การขับขี่และความมั่นใจด้วย พวงมาลัยหนังมัลติฟังก์ชัน ปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือ ในเมือง มาตรฐาน และสปอร์ต ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION
โดยมีสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีเขียว (Mineral Green) สีแดง (Scarlet Red) สีเหลือง (Nuclear Yellow) สีเทา (Metal Ash Grey) สีขาว (Arctic White) และสีดำ (Black Night) ให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ
- รุ่น PRO D ราคา 629,900 บาท
- รุ่น PRO X ราคา 669,900 บาท