Home » ผลวิจัยชี้ คนไทยยังมั่นใจ “รถยนต์ญี่ปุ่น” เหนือ “อเมริกา – จีน”
ข่าวสารยานยนต์

ผลวิจัยชี้ คนไทยยังมั่นใจ “รถยนต์ญี่ปุ่น” เหนือ “อเมริกา – จีน”

แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่ารถยนต์จากผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น ได้ถูกรุกหนักในประเทศไทย ด้วยการโจมตีจากทั้งผู้ผลิตสัญชาติอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ผลิตสัญชาติจีน แต่จากผลงานวิจัยล่าสุด กลับระบุว่าลูกค้าชาวไทยส่วนใหญ่ ยังคงมั่นใจในรถยนต์จากแบรนด์แดนปลาดิบกันอยู่

จากข้อมูลโดย บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษา และวิจัยการตลาด เผยข้อมูลการสำรวจวิจัยความภักดี (Brand Loyalty) ของเจ้าของรถชาวไทยต่อแบรนด์รถยนต์ในปัจจุบัน จากผู้ร่วมตอบแบบสำรวจกว่า 2,500 คน ในปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา

พบว่า ลูกค้ารถยนต์มีความเชื่อมั่นและภักดีต่อแบรนด์ พร้อมเลือกซื้อรถยนต์ยี่ห้อเดิมจากแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นมากที่สุดถึง 48% รองลงมาคือจากอเมริกา 39% และจากจีนน้อยที่สุด 28% 

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความภักดีและผูกพันต่อแบรนด์ ได้แก่ 1) ความพึงพอใจต่อคุณภาพ และการออกแบบ 2) ภาพลักษณ์ของแบรนด์ 3) ความคุ้นเคย และความสะดวกสบาย

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 72% ยังระบุอีกว่า เหตุผลหลักในการเปลี่ยนยี่ห้อเมื่อต้องตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ คือ ความต้องการและความชื่นชอบที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย

นอกจากนี้ ในส่วนแนวโน้มพฤติกรรมการเปลี่ยนไปเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ของกลุ่มเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery EV: BEV) พบว่ามีเพียง 42% ของกลุ่มเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันเท่านั้น ที่วางแผนจะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป ในขณะที่อีก 58% ยังคงมีความคิดที่จะเลือกซื้อรถน้ำมัน และรถไฮบริด เป็นรถคันใหม่ของตนเองมากกว่า

ส่วนกลุ่มเจ้าของรถยนต์น้ำมัน และรถไฮบริด (Non-BEV) พบว่า 48% ยังยืนยันที่จะเลือกซื้อรถน้ำมัน (ICE) ต่อไป โดยปัจจัยหลักที่มีผลต่อการเลือกซื้อรถได้แก่ การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก ยี่ห้อรถยนต์ และการตกแต่งภายใน ตามลำดับ

เมื่อเจาะลึกลงไปถึงเหตุผลการตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ พบว่า 

  • 38% เลือกที่จะเปลี่ยนรถ เนื่องจากรถที่ใช้งานปัจจุบันเริ่มเสื่อมสภาพหนัก หรือไม่สามารถใช้งานต่อได้
  • 17% เปลี่ยนรถไปตามไลฟ์สไตล์หรือความต้องการการใช้รถที่เปลี่ยนแปลงไป
  • 16% ที่เปลี่ยนเพราะกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้น
  • 16% ที่จะเปลี่ยนเพราะรถถึงอายุการใช้งานที่กำหนดไว้
  • 9% เปลี่ยนเพราะรถรุ่นใหม่มีรูปแบบ หรือฟังก์ชันที่มีความน่าสนใจมากกว่า
  • 4% เลือกที่จะเปลี่ยนเพราะรถถึงระยะ (เลขไมล์) ที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์เมื่อรถมีอายุโดยเฉลี่ย 9 ปี

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.