สื่อออสเตรเลียรายงานว่า GWM เตรียมที่จะเปิดตัวอสยูวีเจเนอเรชันใหม่ที่จะมาแทน HAVAL H6 เจเนอเรชันที่สาม นั่นก็คือ HAVAL Fierce Dragon MAX
ที่เปิดตัวที่จีนตั้งแต่ปีกลายและเป็นรุ่นที่ตั้งใจทำตลาดทั่วโลกด้วยความโดดเด่นล้ำสมัยตั้งแต่ ไฟหน้า LED ดีไซน์เลข 7 ติดตั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime แบบ LED แนวตั้งชุดกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ส่วนด้านท้ายมาหรูด้วยไฟท้าย LED แยกส่วนซ้าย-ขวา คั่นกลางด้วยชุดใส่ป้ายทะเบียนท้าย กันชนหลังมีลิ้นสปอยเลอร์ใต้กันชนขนาดใหญ่ ล้ออัลลอยลายทูโทนขนาด 19 นิ้ว
ภายในอลังการของชุดจอขนาดใหญ่พาดยาวเต็ม 3 จอในชุดแผงคอนโซลหน้ามาพร้อม Coffee OS ระบบปฏิบัติงานในห้องโดยสารอัจฉริยะพร้อมชิปจาก Snapdragon 8155 มาพร้อมกับการอัปเกรดระบบ Firmware Over The Air (FOTA) ทั้งชุดมาตรวัดความเร็วดิจิทัล 12.3 นิ้ว จออินโฟเทนเมนท์ขนาดและจอด้านผู้โดยสาร 12.3 นิ้วควบคุมระบบความบันเทิงและแสดงการทำงานของเครื่องปรับอากาศและจอแสดงผลบนกระจกหน้ารถ HUD ขนาด 10 นิ้ว ฟีเจอร์เหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ยอดเยี่ยมให้แก่เหล่าผู้ขับขี่
ขุมพลังเป็นเบนซินเทอร์โบ Plug In Hybtid 1.5 ลิตร 163 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทั้งหน้าและหลังแบบอีมอเตอร์ให้กำลังล้อหน้า 95 แรงม้า แรงบิด 140 นิวตันเมตร และล้อหลัง 204 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตรและเมื่อทำงานร่วมกันจะได้แรงม้าสูงถึง 279 แรงม้า แรงบิด 585 นิวตันเมตร
จากความจุแบตเตอรี่ 20 kWh สามารถขับเคลื่อนได้ที่ระยะทางสูงสุด 1,200 กิโลเมตรเมื่อมีน้ำมันเต็มถังและชาร์จหนึ่งครั้ง โดยสามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าได้ถึง 83 กิโลเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนล่าสุดที่เรียกว่า GWM Hi4 ซึ่งย่อมาจาก ‘Hybrid Intelligent Four-Wheel Drive’ เหนือชั้นด้วยสมรรถนะการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นบนระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ประกอบด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อน 3 ชุด (เครื่องยนต์ 1 ชุด และ อี-มอเตอร์ 2 ชุด)
มาพร้อมแนวคิดการออกแบบใหม่ที่มีภาพลักษณ์ที่อ่อนเยาว์และล้ำสมัยมากยิ่งขึ้นคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT 2 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 9 โหมดในสองโหมดหลักทั้ง Hybrid และโหมด EV พร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 เบื่องต้นอาจใช้ชื่อ HAVAL H6 เตรียมเปิดตัวที่ออสเตรเลียช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025