ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าในปัจจุบัน ผู้ผลิตหลายค่ายต่างพยายามสร้างรถยนต์ไฟฟ้าร่างแฮชท์แบกตัวแรง ไว้เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของค่าย เพื่อดึงดูดลูกค้า และดูเหมือนว่า BYD เอง ก็อยากจะร่วมวงด้วยเช่นกัน กับการเผยโฉม BYD Ocean-M Concept คันนี้ออกมา
BYD Ocean-M Concept คือต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ ที่ทางค่ายพึ่งมีการเผยโฉมออกมาในงาน Beijing Motor Show 2024 ที่กำลังจัดอยู่ในประเทศจีน ณ เวลานี้
โดยสำหรับงานออกแบบของตัวรถ หากให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ มันก็เปรียบเสมือนกับการเอารถแฮชท์แบกยอดออนิยมอย่าง BYD Dolphin มาปรับปรุงเส้นสายใหม่ให้ดูใหญ่โตมากขึ้น และเน้นการใช้เส้นสายที่ดูมีความโค้งมนพลิ้วไหวมากขึ้น รวมถึงปรับรูปทรงตัวถัง ให้ดูแบน แต่กว้างกว่าเดิมตามฉบับของรถยนต์สมรรถนะสูง
แน่นอน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การออกแบบชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทรอบคัน ให้ดูสมกับความเป็นตัวแรง ตัวเร็ว ทั้งในส่วนของชุดกันชนหน้า และชายล่าง กับกันชนท้ายพร้อมดิฟฟิวเซอร์ชิ้นเขื่อง ที่ยื่นยาวออกจากแนวตัวถังมากกว่าเดิม เพื่อการจัดเรียงอากาศรอบคัน
รวมถึงสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ เพื่อการสร้างแรงกดอากาศในช่วงความเร็วสูง ซึ่งแม้เมื่อถึงเวลาขายจริง มันอาจจะไม่ได้เป็นสปอยเลอร์ชิ้นใหญ่โตขนาดนี้ แต่ทางค่ายก็ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะให้สปอยเลอร์งานคาร์บอนไฟเบอร์ไล่เบามาตั้งแต่ออกโรงงาน
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ก็คือการที่ทางค่ายก็ได้ประกาศตนอย่างชัดเจนว่ามันจะกลายเป็นรถฮอทแฮชท์รุ่นสำคัญที่มีคู่แข่งหลักเป็นรถ MG4 Xpower ซึ่งตอนนี้กำลังสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะโซนทวีปยุโรป และออสเตรเลีย มาจนถึงล่าสุดอย่างประเทศไทย
และแม้จะน่าเสียดายอยู่พอสมควรที่ทางค่ายยังไม่ยอมปริปากเลยสักนิดว่าตัวรถ Ocean-M คันนี้ จะมาพร้อมกับขุมกำลังที่ให้แรงม้าในระดับใด แต่พวกเขาก็ระบุว่าเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลายกว่าคู่แข่ง ตัวรถจึงจะมีทั้งรุ่นย่อยที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์เดี่ยว หรือขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์คู่
และด้วยการระบุว่าคู่แข่งตัวสำคัญของมันคือ MG4 Xpower ดังนั้นพละกำลังที่มอเตอร์ไฟฟ้าติดรถควรทำได้จึงต้องอยู่ในหลักใกล้เคียง 400 แรงม้า ซึ่งไม่แน่ว่าอาจเป็นการยกเอามอเตอร์คู่ พละกำลังรวม 530 แรงม้า PS ของ BYD Seal Performance มาใช้ทั้งชุดเลยก็เป็นได้ รวมถึงในฝั่งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเอง ก็อาจจะใช้มอเตอร์กำลัง 313 แรงม้า PS ของ BYD Seal Premium เช่นกัน
ส่วนตัวแบตเตอรี่เอง ก็ยังไม่มีการระบุตัวเลขความจุเอาไว้เช่นกัน รวมถึงยังไม่มีการระบุว่ามันจะเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้เทคโนโลยี Blade Battery เจเนอเรชันแรก แบบที่ทำขายอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ ณ เวลาปัจจุบัน หรือ Blade Battery เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งทางค่ายพึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน พร้อมระุบคร่าวๆว่ามันจะสามารถทำให้รองรับระยะทางในการใช้งานได้มากสุดถึง 1,000 กิโลเมตร/ชาร์จ กันแน่
ทั้งนี้ สำหรับใครที่สนใจ และอยากจับจอง พวกเราก็อาจจะไม่ต้องตั้งตารอกันนานเท่าไหร่นัก เพราะทางค่ายระบุว่าพวกเขาจะพร้อมเปิดตัวและทำร่างขายจริงออกมา ภายในช่วงกลางปีนี้เป็นอย่างเร็ว หรือไม่เกินสิ้นปีนี้เป็นอย่างช้า (ไม่รวมโอกาสที่อาจะถูกเลื่อนออกไปได้ออีกเล็กน้อย แต่คาดว่าจะไม่ไได้มีความคลาดเคลื่อนมากนัก)
ขณะที่ราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศจีน ก็คาดว่าจะอยู่ในช่วง 150,000 – 200,000 หยวน หรือราวๆ 780,000 – 1,000,000 บาท เท่านั้น ส่วนในไทย จะมีการนำตัวรถเข้ามาวางจำหน่ายด้วยหรือไม่ และจะมีการวางขายด้วยราคาเท่าไหร่ ยังต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันต่อไป