ขณะที่ชาวไทย กำลังรอคอยการมาของ Toyota Camry รหัส XV80 หรือ Camry เจเนอเรชันที่ 9 กันอยู่ ล่าสุดกลับมีข้อมูลหลุดออกมาเพิ่มว่าในอนาคตอันใกล้ มันอาจมีทางเลือกขุมกำลังใหม่ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนตามมาด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลโดยสื่อออสเตรเลีย ที่พบกับข้อมูลการจดทะเบียนการค้าชื่อรุ่นรถยนต์ของทาง Lexus ซึ่งว่าด้วยตัวรถ Lexus ES-Series เจเนอเรชันใหม่ ที่พวกเขาจะทำตลาดในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ และมีส่วนหนึ่งของข้อมูลที่อาจเป็นการบ่งบอกว่า นอกจากทางเลือกขุมกำลังแบบไฮบริดแล้ว มันอาจจะมีรุ่นขุมกำลังพลังงานไฟฟ้า 100% ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อด้วย
กล่าวคือ ในการจดทะเบียนการค้าชื่อรุ่นย่อยของ Lexus ES-Series ครั้งนี้ เบื้องต้นทางค่ายได้มีการยื่นจดทั้งหมด 3 ชื่อด้วยกัน ได้แก่ ES500e, ES350e, และ ES350h
ซึ่งหลายคนน่าจะพอทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตัวอักษรห้อยท้ายเลขรุ่นย่อยที่ Lexus ใช้ มักเป็นการบอกถึงรูปแบบขุมกำลัง โดยตัวอักษร “h” ก็บ่งบอกถึงการใช้ขุมกำลังแบบไฮบริด ส่วนในฝั่งตัวอักษร “e” ก็จะหมายถึงการใช้ขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน
นั่นจึงเท่ากับว่าในตอนนี้ Lexus ES เจเนอเรชันใหม่ จะมีรุ่นที่ใช้ขุมกำลังไฮบริดเพียงรุ่นเดียว และมีรุ่นที่ใช้ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนถึง 2 รุ่นด้วยกัน
และเนื่องจากแท้จริงแล้ว Lexus ES คือตัวรถที่ถูกพัฒนา และต่อยอดขึ้นมาจากแพลตฟอร์มโครงสร้างเดียวกันกับ Toyota Camry และยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีกใน 2 เจเนอเรชันล่าสุดของฝั่ง ES
ทำให้มันมีความเป็นไปได้สูงมากๆที่ในเมื่อฝั่งร่าง Grand Premium มีรุ่นรุ่นย่อยพลังงานไฟฟ้าล้วนแล้ว ฝั่งร่าง Mass Premium เอง ก็จะต้องมีการเพิ่มทางเลือกขุมกำลังนี้ด้วยเช่นกัน
และแม้ว่าก่อนหน้านี้ ทั้ง Toyota USA และ Toyota ประเทศอื่นๆที่มีการเปิดตัว และวางจำหน่าย Camry เจเนอเรชันล่าสุด จะเคยระบุว่าตัวรถปี 2025 จะยังไม่มีขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วนให้ลูกค้าได้เลือกซื้อก็ตาม
แต่ก็มีรายงานจากสื่อในต่างประเทศอีกฝั่งหนึ่งระบุว่าแท้จริงแล้ว Toyota บริษัทแม่เอง ก็กำลังซุ่มทำ Camry เจเนอเรชันล่าสุด ที่ใช้ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนกันอยู่ เพียงแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะพร้อมขายจริงเมื่อใด
และนอกจากการพัฒนาตัวเลือกขุมกำลังไฟฟ้า ยังดูเหมือนว่าแท้จริงแล้ว Toyota ได้มีการซุ่มพัฒนา Camry ตัวแรงควบคู่กันไปด้วย หลังจากที่พวกเขาได้ตัดสินใจเลิกทำตลาดรุ่น TRD ที่มาพร้อมขุมกำลัง V6 3.5 ลิตร กำลังสูงสุด 301 แรงม้าไป ในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา เหลือเพียงรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.5 ลิตร ไฮบริด กำลังสูงสุด 232 แรงม้า เท่านั้น
ส่วนขุมกำลังลูกใหม่ที่ถูกพัฒนาอยู่ คาดว่าจะเป็นบล็อค 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 2.4 ลิตร และทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบไฮบริด ซึ่งพละกำลังสูงสุดที่ได้ คาดว่าจะอยู่ในช่วงไม่น้อยกว่า 335 แรงม้า แต่จะพร้อมขายจริงเมื่อไหร่ ยังไม่มีใครสามารถระบุช่วงเวลาได้ทั้งสิ้นในตอนนี้