หลังการเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ล่าสุดทางสื่อญี่ปุ่นหลายๆเจ้าก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับตัวรถ All-New Honda Freed ตัวเป็นๆกันแล้ว และมีภาพตัวรถคันจริง ที่ไม่ใช่ภาพโปรโมทมาให้เราได้ชมกัน
All-New Honda Freed มาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนตัวรถใหม่ทั้งหมดเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 3 อย่างเป็นทางการ ดังนั้น เราก็จะเห็นความแตกต่างของตัวรถ ได้ชัดเจนเลยตั้งแต่งานตกแต่งภายนอก
ซึ่งคราวนี้ มันได้ถูกปรับใหม่ให้ดูมีความ “เป็นกล่อง” และ “มินิมอล” มากกว่าเดิม จากที่เคยใช้เส้นสายแบบ หน้าลิ่ม ติดแหลมนิดๆ ในเจเนอเรชันที่ 1 และ 2 คราวนี้ช่วงหน้าตัวรถ จะดูมีความป้าน และเป็นเหลี่ยมสันมากกว่าเดิม
ตัวชุดกรอบโคมไฟหน้าเอง ก็ถูกปรับกรอบให้ดูเรียบง่ายกว่าเดิม แต่มีการปรับลูกเล่นดวงไฟภายในใหม่ให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้น และแบ่งโซนกันชัดเจนระหว่างไฟ DRL กับดวงไฟหน้าตัวหลัก
เส้นสายด้านข้างกับหลังคา ก็มีความเป็นเหลี่ยมตัดตรง จากแนวเสา A ไปจนถึงเสา D แม้แต่กรอบกระจกบานข้างช่วงท้ายเองก็เช่นกัน ซึ่งเข้าใจว่านั่นก็เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของผู้โดยสารแถวหลังสุด
ส่วนด้านท้ายตัวรถเอง ก็มีจุดเปลี่ยนหลักเลยคือชุดไฟท้าย ที่เปลี่ยนจากการติดตั้งแบบแนวนอน เป็นแนวตั้ง และยังมีการแบ่งโซนชัดเจน ระหว่างโซนไฟหรี่ กับโซนไฟเบรก และโซนไฟเลี้ยว โดยที่ฝาท้ายเอง ก็มาพร้อมกับกระจกบานใหญ่ และมีการปั๊มช่วงครึ่งล่างให้นูนออกมาจากแนวท้ายรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตรงจุดปลายล่างสุดจะยังคงเสมอชอบกันชนท้ายพอดิบพอดี ไม่มีการเยื้องหลบเข้าไปเล็กน้อยเหมือนรุ่นพี่เจเนอเรชันที่ 1 และ 2
นอกจากนี้ Honda Freed ยังมีรุ่น Crosstar ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกตกแต่งในลักษณะรถครอสโอเวอร์เผื่อเอาไปแคมป์ปิ้งเพิ่มเติมด้วย ซึ่งมันจะมาพร้อมกับกันชนหน้าดีไซน์เฉพาะตัว โดยครึ่งล่างจะเป็นงานพลาสติกด้าน, ซุ้มล้อพลาสติกด้าน, ชายล่างพลาสติกด้าน เช่นเดียวกับกันชนท้าย ซึ่งก็จะเป็นงานพลาสติกด้านเช่นกัน โดยทั้งหมดนั้นมีไว้เพื่อให้มันทนทาน และสามารถรับการถูกขีดข่วนได้เป็นอย่างดี รวมถึงชุดล้อแบบเฉพาะรุ่นก็ด้วย
ด้านมิติตัวรถเอง มันก็มาพร้อมกับด้านยาว 4,310 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง 1,695 มิลลิเมตร, และด้านสูง 1,755 มิลลิเมตร กับระยะฐานล้ออีก 2,740 มิลลิเมตร ซึ่งเท่ากับว่ามันจะมีตัวถังยาวขึ้นกว่าเดิม 45 มิลลิเมตร และสูงกว่าเดิมราวๆ 40 มิลลิเมตร โดยที่ระยะฐานล้อยังคงเท่าเดิม
ฝั่งงานออกแบบภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยพวงมาลัยทรงน่ารัก ที่ยกมาจาก Honda Fit (Jazz) เจเนอเรชันล่าสุด และยังมีการปรับงานออกแบบคอนโซลหน้าใหม่ ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แถมยังลงตัวกว่าเดิม ด้วยการย้ายและปรับหน้าจอแสดงผลข้อมูลตัวรถใหม่ ให้เป็นแบบ Full Digital TFT ฝังอยู่หลังแนวคอพวงมาลัยเหมือนรถยนต์ปกติ ไม่ได้ยกไว้ติดกระจกไกลๆเหมือนพี่ๆ
ตัวจอระบบอินโฟเทนเมนท์เองก็ถูกติดตั้งไว้แบบกึ่งลอยตัว และช่องแอร์คู่กลางที่เคยขนาบอยู่ข้างจอ ก็ย้ายมาอยู่ใต้จอ ซึ่งไม่แน่ใจว่ามันจะมีปัญหากับคันเกียร์ที่อยู่ตรงด้านหน้าช่องแอร์เลยหรือไม่ และนอกนั้นในส่วนของปุ่มควบคุมเบรกมือไฟฟ้า ควบคุมโหมด ECON และควบคุมการทำงานระบบปรัะบอากาศของตัวรถทั้งคัน ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมกับรุ่นก่อนหน้า โดยที่หน้าตาตัวฐานปุ่มเหล่านี้มีการปรับใหม่ให้ดูทะมัดทะแมงมากขึ้น และแยกตัวจากแนวคอนโซลออกมาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทว่าเรากลับยังไม่เห็นแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือไร้สายแต่อย่างใดในตอนนี้
ส่วนตัวเบาะนั่ง เบื้องต้นเท่าที่เห็นตอนนี้ ยังมีเฉพาะลูกเล่นเบาะผ้า เนื่องจากเป็นออพชันที่นิยมใช้กันในรถญี่ปุ่นอยู่แล้ว โดยตัวเบาะคู่หน้า ดูเหมือนจะเป็นเบาะปรับมือทั้งคู่ และมีที่วางแขนแบบพับเก็บได้มาให้ทั้งสองฝั่ง ส่วนเบาะแถวกลางลำดับถัดมา ก็จะเป็นเบาะนั่งแบบกัปตันซีท ซึ่งมีที่วางแขนมาให้ทั้งสองฝั่งของตัวเบาะแต่ละชุด
และท้ายสุดคือเบาะแถว 3 ที่ไม่สามารถปรับตำแหน่งใดๆได้ นอกจากการพับพนักราบเพื่อเก็บของ หรือพับพนักและยกกลางเบาะขึ้นไปแขวนไว้ทางด้านข้าง เพื่อการเก็บสัมภาระขนาดใหญ่เท่านั้น และเท่ากับว่าตอนนี้เรายังมีแค่เพียงภาพของตัวรถรุ่น 6 ที่ นั่ง เท่านั้น ยังไม่เห็นภาพของตัวรถที่เป็นรุ่น 7 ที่นั่งแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ทาง Honda ยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลตัวรถ All-new Honda Freed โดยละเอียดออกมา เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นแค่เพียงการเผยให้ชาวโลกได้พบเห็นตัวรถก่อนจะวางขายจริงอีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งหากใครสนใจ ก็โปรดรอติดตามข้อมูลกันต่อไปครับ
ภาพจาก Yahoo.jp