ผ่านไปเพียงราวๆ 1 ปี เท่านั้น หลังการประกาศใช้มาตราการ “ห้ามใช้ยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน ในปี 2035” ล่าสุดกลับมีรายงานระบุว่าตอนนี้ เหล่าผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจบังคับใช้ข้อกฏหมายดังกล่าว กำลังคิดจะผ่อนผันมาตราการดังกล่าวลงเสียอย่างนั้น
จากการรายงานข้อมูลโดยสื่อใหญ่อย่าง Reuters ระบุว่า ในตอนนี้ กลุ่ม “The European People’s Party” หรือ กลุ่มการเมืองขวากลาง ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรป ที่มีการถือเสียงข้างมากเยอะที่สุด กว่า 188 เสียง จากทั้งหมด 720 เสียง ได้มีการเสนอแนวคิดใหม่ ซึ่งจะเป็นการผ่อนปรนข้อบังคับการห้ามใช้ยานพาหนะขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน ในปี 2035 ของสหภาพยุโรปที่พึ่งประกาศไปเมื่อปีก่อนให้เบาลง
ซึ่งแนวคิดที่ว่าก็คือ พวกเขาอยากเสนอให้มีการเปลี่ยนข้อบังคับ จากการ “ห้ามใช้” เป็น “งดเว้น” สำหรับยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน “ในบางกรณี”
โดยคำว่า “ในบางกรณี” ในที่นี่ หมายถึง การงดเว้นให้ยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน ที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ หรือ e-Fuel ยังสามารถใช้งานต่อไปในปี 2035 ได้
เพราะอาจจะจริงอยู่ว่ามันยังคงมีการปลดปล่อยไอเสียออกมาจากการเผาไหม้ แต่ไอเสียที่ว่า ก็ยังคงมาจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาจากคาร์บอนที่มีอยู่แล้วบนผืนดินโลก ไม่ใช่คาร์บอนที่ถูกขุดขึ้นมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เมื่อถูกใช้งานแล้ว ก็จะเท่ากับว่าเป็นการเอาคาร์บอนที่เคยอยู่ใต้ดินออกสู่ชั้นบรรยากาศโลก จนทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
โดยแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ถึงสาเหตุอื่นๆว่าเหตุใดทางกลุ่ม EPP ถึงยังคงอยากให้ยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน สามารถใช้งานต่อไปได้ในปี 2035
แต่เชื่อว่าเหตุผลอื่น นอกจากที่ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการปลดปล่อยมลพิษจากดินสู่อากาศ ที่ทำให้เกิดปัญหาโลกร้อน เพราะยานพาหนะเหล่านี้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์อีกต่อไป ก็คือเมื่อมองในภาพรวมแล้ว เหล่าผู้คนที่ต้องใช้ยานพาหนะในการเดินทาง อาจจะเริ่มตระหนักได้บ้างแล้วว่าท้ายที่สุด ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า 100% ก็ยังคงไม่สามารถรองรับการใช้งานของทุกคนได้แบบครอบคลุมหมดจดจริงๆอยู่ดี
ดังนั้นยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจึงยังคงจำเป็นต้องมีอยู่ เพื่อความสะดวกของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
และในความเป็นจริง แม้ทางสหภาพยุโรปจะมีการประกาศบังคับใช้มาตรการแบนยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายในไปเมื่อปีก่อนแล้วก็ตาม แต่บางประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป กลับมีการออกมาตราการแย้ง นั่นคือยังอนุญาตให้ยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน ยังคงสามารถขาย และใช้งานต่อไปได้หลังปี 2035 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศเยอรมัน
ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในตอนนี้ หลายผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน เช่น BMW กับ Porsche ที่เริ่มมีการแสดงออกถึงความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ หรือ e-Fuel ที่ชัดเจนขึ้นมาก ว่ามันจะสามารถใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้
โดยแม้เบื้องต้น ตอนนี้น้ำมัน e-Fuel จะถูกระบุว่า มันอาจมีราคาวางจำหน่ายที่ค่อนข้างสูง และอาจเหมาะสำหรับการใช้งานกับรถยนต์สมรรถนะสูง พวกรถซุปเปอร์คาร์ที่ผู้ใช้มีอันจะกินเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีหลายฝ่ายมองว่ามันยังสามารถพัฒนาให้สามารถทำราคาต่อหน่วยที่ถูกลงมาได้อีกมาก หากมีการสนับสนุนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง