Home » Hybrid + ระบบไฮบริดน้องใหม่ จาก MG มันทำงานอย่างไร
Bust Technic เคล็ดลับเรื่องรถ

Hybrid + ระบบไฮบริดน้องใหม่ จาก MG มันทำงานอย่างไร

การมาของค่ายรถยนต์ชาวจีน ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้แบรนด์รถญี่ปุ่น ตกที่นั่งลำบาก และควักการ์ด เราขาย รถไฮบริดออกมาชูโรง

แต่ในอีกไม่นานนี้ ค่ายชาวจีน อย่าง MG จะนำเสนอ ระบบ Hybrid + ระบบไฮบริดพันธุ์ใหม่ จากทางค่าย เอ็มจี ที่เตรียมออกมาวางจำหน่าย ทำตลาด และพวกเขา มั่นอกมั่นใจว่า มันจะขายดี โดนใจลูกค้า รวมถึง ยังประหยัด ขับสนุก ในคันเดียว ซึ่ง จะอยู่ใน รถยนต์ MG 3 รุ่นใหม่ ที่เตรียมเปิดตัวทำตลาด ในอีกไม่นานนี้

All New MG 3 Hybrid+

ระบบใหม่ Hybrid + จากข้อมูล ในอังกฤษ ที่เริ่มมีการขายรถรุ่นนี้ ระบุ ตามรายละเอียด ทางเทคนิคว่า ทาง เอ็มจี ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ร่วมกับ การทำงาน ของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า

ระบบเครื่องยนต์ มีกำลังขับ สูงสุด 102แรงม้า ในส่วนของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังขับสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตันเมตร

เมื่อทำงาน ควบรวมกัน มีกำลังขับสูงสุด 194 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด มากถึง 250 นิวตันเมตร

All New MG 3 Hybrid+

ระบบ มาพร้อมกับ ระบบเกียร์รุ่นใหม่ EDU สามารถทำงานได้ 3 ระดับ พกแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ 1.83 กิโลวัตต์ ติดตัว โดย มีการทำงาน มากถึง 8 โหมด และทำงานได้หลักๆ 3 รูปแบบ คือ

  • ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
  • ไฮบริดคู่ขนาน
  • ไฮบริด อนุกรม

ทางเอ็ม จี ประเทศไทย ได้เผยข้อมูล ในเบื้องต้น ของระบบไฮบริดดังกล่าว กับเราว่า ระบบ ไฮบริดใหม่นี้ จะทำงาน ตามรูปแบบ สภาพการใช้งาน ความเร็ว ซึ่ง มีรายละเอียดดังนี้

1.โหมดจอดหยุดนิ่ง

ระบบจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง (HV BATTERY) จ่ายไฟฟ้า ให้ระบบปรับอากาศและระบบอื่นๆ ทำงานได้ ในขณะที่เครื่องยนต์หยุดการทำงาน

2.โหมดวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนจนถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เมื่อออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ในช่วงความเร็วต่ำ 0 – 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน (Pure EV) ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและเงียบเหมือนรถไฟฟ้า พร้อมอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ทันใจ

3.โหมดความเร็วที่วิ่งในถนนที่มีการจราจรหนาแน่น 

เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 30 – 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงความเร็วต่ำ ใช้งานในเมือง ระบบจะสลับไปยังโหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid)เครื่องยนต์จะทำหน้าที่แค่เพียงปั่นไฟ และส่งกระแสไฟไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวรถ ทำให้ได้ความรู้สึกนุ่มนวล ตอบสนองฉับไวแบบรถไฟฟ้า และรถมีความคล่องตัวมากขึ้น

4.โหมดความเร็ววิ่งในเมือง

เมื่อ ความเร็วไต่ระดับไปที่ 50 – 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มักจะเป็นช่วงสำหรับใช้งานเดินทางออกนอกเมือง ความเร็วปกติทั่วไป ด้วยความเร็วปานกลาง โหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) จะยังช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงแรงบิดสูงอย่างต่อเนื่อง โดย เครื่องยนต์ จะทำหน้าที่ ปั่นไฟฟ้าให้มอเตอร์ และ ปั่นไฟฟ้า ไปเก็บในแบตเตอร์รี่

5. โหมดความเร็ววิ่งคงที่

เมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ ตั้งแต่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงการขับขี่ระยะไกล ระบบจะสลับเป็นการใช้งานเครื่องยนต์ที่รอบความเร็วต่ำโดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องยนต์จะตัดต่อการทำงานผ่าน Hybrid Transmission มี 3 อัตราทด โดย อัตโนมัติ มาขับเคลื่อนที่ตัวล้อโดยตรง ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถแบบ Series Hybrid ทั่วไป ที่เครื่องยนต์ทำหน้าที่เพียงปั่นไฟอย่างเดียวตลอดเวลา

6. โหมดวิ่งทางไกล และเร่งแซง

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรถอยู่ในช่วงเร่งความเร็ว 80 – 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงขับขี่ทางไกล หรือขึ้นทางลาดชัน เมื่อต้องการเร่งแซง เพียงแค่กดคันเร่งเบาๆ ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฮบริดกำลังสูงจะทำงานร่วมกัน (Parallel Hybrid) ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ในทันที ให้อัตราเร่งสูงสุดและตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดี เหนือกว่ารถไฮบริดทั่วไป

7.โหมดความเร็วสูง

เมื่อใช้ความเร็วสูงกับการขับทางไกลบนไฮเวย์ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์จะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยขณะที่รถขับเคลื่อนไป ระบบจะแบ่งกำลังส่วนที่เหลือจากเครื่องยนต์ไปหมุนเจนเนเรเตอร์ เพื่อปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่

8.โหมดลดความเร็ว Regenerative

เมื่อผ่อนคันเร่งลดความเร็วลงมาในช่วง 120-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือช่วงขับขี่ลงทางชัน ระบบ HYBRID+ จะใช้มอเตอร์เป็นตัวหน่วงกำลัง ซึ่งจะทำหน้าที่ชาร์จไฟเป็นระบบ Energy Regeneration 3 ระดับ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระดับการรีเจนได้แบบรถไฟฟ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้สูงสุด

จากทั้ง 8 โหมดการทำงาน เราจะเห็นได้ว่า ระบบไฮบริด ใหม่ของ MG นี้ สามารถตอบสนองในการทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่เหมือน กับที่เราคุ้นชินกันมา ทำให้มันน่าจะมีความประหยัดน้ำมัน และขับสนุกอยู่ไม่น้อย โดยตัวระบบนี้มีกำหนดการเปิดตัวในรถยนต์ MG 3 ใหม่

ที่มีความเป็นไปได้สูงว่า มันกำลังจะเปิดตัวในไตรมาส 3 นี้ หลังจากเริ่มวางจำหน่ายในประเทศ อังกฤษไปแล้ว

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.