Home » Lotus Hyperdrive สัมผัสแรก รถโลตัส ขับดีขับมันส์ เร้าใจ..
รีวิว

Lotus Hyperdrive สัมผัสแรก รถโลตัส ขับดีขับมันส์ เร้าใจ..

ในช่วงระยะหลัง เราจะเริ่มเห็นแบรนด์รถยนต์จำนวนมาก ถูกนายทุนจีนซื้อไปทำตลาด หลังจาก เอ็มจี อีกแบรนด์ จากฝั่งอังกฤษ วันนี้กลายเป็นของจีน ก็ไม่พ้น Lotus อดีตขวัญใจนักขับสายสมรรถนะ โดดเด่นในเรื่องความมั่นใจในการควบคุม

Lotus ในปัจจุบัน กลายมาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวกันแล้ว เนื่องจากกระแสความนิยมยานยนต์เปลี่ยนไป รวมถึง แม้ว่าเดินทีแบรนด์จะทำสันดาปตอบลูกค้า แต่สุดท้ายก็หันไปใช้เครื่องยนต์ของคนนั้น คนนี้อยู่ตลอดต่อเนื่อง เนื่องจากการพัฒนาเน้นที่แชสซีตัวรถ

ยุคนี้ โลตัสเอง จึงวางตัวในภาพลักษณ์ใหม่ แต่คำถามที่เกิดขึ้นในใจของใครหลายคน คือว่า รถยนต์ไฟฟ้าในยุคนี้จากโลตัส ยังจะคงภาพจำสมัยรถสันดาป หรือไม่ และการโดนกลืนกินจากจีน จะเสียตัวตนไปหรือ เปล่า เป็นคำถามที่หลายคน คงค้างคาใจ

ลอง Lotus Emira สันดาปรุ่นสุดท้าย

ก่อนที่เราจะไปยัง โลกตัวไฟฟ้า เรามาลองรถสันดาปรุ่นสุดท้าย ของ Lotus กันก่อนกับ Lotus Emira

รถรุ่นนี้เปิดตัวไปช่วง 1-2 ปี ก่อน ในฐานะรถสั่งลา สันดาปรุ่นสุดท้ายของแบรนด์ แนะนำตัวครั้งแรก ด้วยเครื่องยนต์ V6 มอบกำลังขับ 405 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันมเตร อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.​ในเวลา 4.3 วินาที รวมถึง ความเร็วสูงสุด 290 ก.ม./ช.ม. อาจกล่าวได้ว่า มันเข้าขั้น น้องๆ ซุปเปอร์คาร์แล้ว

มาวันนี้ โลตัส ประเทศไทย , ประกาศขาย Lotus Emira รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ รุ่นใหม่ 4 สูบแถวเรียง ทำพลังขับสูงสุด 360 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.​ไม่ย่อหย่อน กว่า รุ่นเครื่องยนต์ V6 อยู่ที่ 4.4 วินาที ความเร็วปลายจบที่ 275 ก.ม./ช.ม.

แพ็คเกจรถทั้งหมด โคตรเบา อยู่เพียง 1,405 กก. พร้อมเครื่องยนต์ ที่ลากรอบได้ 7,200 รอบต่อนาที ตอบลูกค้าชาวไทย

Lotus Emira

ราคา 10.99 ล้านบาท นั่นคือ ราคาค่าตัว ของรถที่ผมสัมผัสพวงมาลัยในเวลานี้ เจ้าสปอร์ตวางกลาง เครื่องยนต์ตัวนี้ ทางโลตัส ขอดอยมาจากทาง AMG เป็นเครื่องที่อยู่ใน AMG A45 สปอร์ต 5 ประตู วันนี้ มาอยู่ในฐานะเครื่องวางกลาง มันจะเป็นอย่างไร เราจะได้รู้กัน

อย่างที่ผมกล่าว จุดเด่นของ Lotus คือการควบคุม เจ้าสปอร์ตสิบล้านบาทคันนี้ จะอยู่กับผมในฐานะรถประลอง สถานีจิมคาน่า เราจะได้สัมผัสการควบคุมตัวตัวรถที่ถือเป็นเอกของโลตัส

แม้เครื่องยนต์จะค่อนข้างใหม่ รวมถึง บรรยากาศตัวรถที่ดูสปอร์ต และทันยุคสมัย แต่ โลกตัว ยังให้สัมผัสการเชื่อมต่อรถกับคน ด้วยพวงมาลัยไฮโดรลิก คนทั่วไปจะบอกว่ามันโคตรโบราญเลย รถ 10 ล้านบาท ให้พวงมาลัยแบบนี้อยู่อีก

แต่กับนักขับทั้งหลาย พวงมาลัยแบบนี้จิตวิญญาณพร้อมซิ่ง คิดอย่างไรไปแบบนั้น ไม่ต้องมากะระยเวลา หน่วง หรือสั่งข้อมูลแบบพวงมาลัยไฟฟ้ายุคใหม่ ในวันนี้

ผมเริ่มออกตัว ตอนเร่งจากหยุดนิ่งเสียงเครื่องให้ความรู้สึกเร้าใจ เร้าอารมณ์ เริ่มต้นด้วยสถานีสลาลอม ซ้าย-ขวา ซ้าย-ขวา จากนั้น เข้าสถานีเปลี่ยนเลน

พูดตามตรงว่าในอาชีพ นักทดสอบรถ รถที่หาขับยากที่สุด คือรถแบบเครื่องวางกลาง โดยส่วนใหญ่จะมี ซุปเปอร์คาร์ ,​ ที่ได้สัมผัสบ่อยหน่อย ก็จะเป็น Porsche Boxster แต่ก็ไม่ใช่รถที่ได้สัมผัสบ่อยนัก

Lotus Emira

จากที่ผ่านมา 2 สถานี ผมสัมผัสได้ถึงการควบคุมตัวรถที่ทำออกมาได้ดี อาจจะเรียกว่าดีที่สุด เท่าที่เคยสัมผัสรถวางกลางระดับคอมแพ็คมา เวลาคุณใช้พวงมาลัยเร็วๆ รถจะตามแบบทันใจ การเอี้ยวตัว เซทตัวไปต่อ ค่อนข้างเร็วเป็นไปตามใจ

เราผ่านมาเจอโค้งกว้าง จุดนี้ อาการรถถ้าเข้าเร็ว จะมีนิสัยแบบ เครื่องยนต์วางกลาง คือท้ายขวางเอาง่ายๆ คนทั่วไปจะมองว่าคุมยาก แต่สายขับจะชอบ และ ระบบของโลตัสเอง จะแอบปล่อยให้ไหลนิดๆ เพื่อดูว่า คุณจะคุมเองหรือไม่ ซึ่งเพียงสวนพวงมาลัยเล็กน้อย ก็อยู่ สามารถคุมได้อยู่หมัดสบายๆ

ยิ่งพอมาเจอ ด่าน ฟันปลา โยกซ้ายไปขวา ก่อนจอด หยุดสนิทปลายทาง ยิ่งทำให้มั่นใจว่า ดีเอ็นเอ โลตัส ที่เขาว่า รถที่ควบคุมดี มันเป็นอย่างไร

ลองตัวไฟฟ้า … แรงเราใจแต่ยังคุมดี

จาก รถสันดาป มาวันนี้โลตัส เปลี่ยนมาในทางรถยนต์ไฟฟ้า โดย วางขายรถ 2 รุ่นในปัจจุบัน คือ Lotus Electre และ Lotus Emeya

คันหนึ่ง เป็นรถอเนกประสงค์พลังขับไฟฟ้า ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ตามยุคสมัย เน้นซิ่งไม่เน้ลุย ,​อีกคัน เป็นเก๋งคันใหญ่ ตอบโจทย์สายครอบครัวนักขับที่ต้องการรถมั่นใจในแบบ โลตัส

ทั้ง 2 รุ่น เหมือนกัน ทั้งในเรื่องพลังขับ โดยแบ่งเป็น 2 ตัว คือ

  • ตัว S กำลังขับสูงสุด 603 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร
  • ตัว R กำลังขับสูงสุด 905 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 985 นิวตันเมตร

ความแตกต่างที่เหลือ ก็จะเป็นเรื่องของ อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.​และ ความเร็วสูงสุด ซึ่งรถทั้งสองรุ่นมีความแตกต่าง กันอยู่พอสมควร

โดย Electre R ทำความเร็วมากที่สุดในกลุ่ม สูงสุด 265 ก.ม./ชม. จนกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่แรงเร้าใจ ในราคาเพียงครึ่งเดียวของปอร์เช่ ไม่แปลกใจเลย ที่มันจะขายดี และคนสนใจ

คันแรกที่ลอง ผมได้ Lotus Emeya R จุดเด่น คือตัวรถที่มาพร้อมการออกแบบ GT เป็นเก๋ง 5 ประตูท้ายลาด เน้นความนั่งสบาย ขับสนุกตอบตลาด

จุดเด่นสำคัญ ของรถรุ่นนี้ คือระบบเลี้ยว 4 ล้อ ที่ออกมาเอาใจสาวก ซึ่งเป็นสิ่งที่มันเหนือกว่ารุ่น S อย่างมาก จะเห็นผลชัดเวลา คุรมาเร็วๆ แล้วต้องหักหลบอะไรกระทันหัน รถกระชับขับง่าย

ส่วนพลังขับที่มากกว่ารุ่น S ก็ไม่ใช่อย่างเดียว เพราะเบรกชุดหน้า 6 พอท หลัง 2 พอท กลายเป็นจุดเด่น ช่วยให้คุณเอาอยู่ยามหน้าสิ่วหน้าขวา

ถ้าพูดถึงช่วงล่างอาการของ Lotus Emeya ออกแนวนั่งสบายกึ่งๆสปอร์ต การซับแรงอาจไม่นุ่มนวลนัก เนื่องจากตัวรถมุ่งเน้นความสปอร์ตมากกว่า

แต่จุดเด่นของตัวรถ คือ ความรู้สึกมั่นใจในการขับขี่ไม่ว่าจะเข้าโค้งด้วยความเร็ว การหักพวงมาลัย หรือการโคลงตัวรถ ทุกอย่างไม่น่าเชื่อว่า เรากำลังขับรถคันใหญ่เบิ้มๆ ที่มีน้ำหนักตัวมหาศาล มันกลับควบคุมได้ดีไม่ได้ต่างจากความรู้สึกของรถสันดาป ที่เราเคยสัมผัสมา

ในรุ่น S การไร้ระบบควบคุมเลี้ยว 4 ล้อ อาจสร้างความยากลำบากในการควบคุมรถทางแคบหน่อย แต่พลังขับน้อยลง ทำให้น้ำหนักตัวน้อยลง การควบคุมรถง่ายขึ้นไปอีกขั้น

โดยส่วนตัวถ้าพูดกันแบบเปิดอกว่า ไม่ได้เน้นพลังขับ รุ่น S ก็ถือว่าเพียงพอแล้วกับการใช้งานทั่วไป เว้นเพียงอยากจ่ายแล้วจัดเต็มก็จัดไปได้เลย

ทางด้าน Lotus Electre เจอบนถนนบ่อยครั้ง ตอนนี้บางคนแอบเรียกมันว่า คุกกี้ไฟฟ้า นั่นเพราะรถคันโตๆแบบนี้ แต่วิ่งแรงแซงทุกคัน รถสปอร์ตมีเสียวหลัง รถซุปเปอร์คาร์ ก็ยังต้องยำเกรง

Lotus Electre

คันนี้เราเริ่มต้นด้วยตัว S กันก่อน พลังขับเท่ากัน อย่างที่ผมกล่าว แต่พออกตัว รู้สึกว่ามันแอบช้ากว่าหน่อย เนื่องจากการต้านลม น้ำหนักตัว และขนาดล้อแอบแตกต่างกัน หากก็ยังวิ่งไว อยู่ เอาเป็น สุดทางตรงในสนาม ยังได้ 160 ก.ม./ช.ม. จัดว่าเป็นรถที่เร็วเอาเรื่องได้ใจ

สิ่งที่ดีงามกว่าตัว Emeya คือ ความรู้สึกในซับแรง นั่นก็คงด้วยจังหวะยืดยุบของโช๊คที่มีช่วงยาวกว่า จากความเป็นรถอเนกประสงค์ อากาะกระแทกจึงน้อยกว่าดีกว่า ไม่ตึงตังเท่า

แต่พอเข้าโค้งเท่านั่นแหละ กลับคิดถึง Emeya ในทันที นั่นก็เพราะ เมื่อรถสูงขึ้น ศูนย์ถ่วงก็ย่อมสูงตามไปด้วย เวลาเข้าโค้ง อาการโคลงจะออกอาการอย่างเด่นชัดมากกว่า

Lotus Electre

ถ้าสองรุ่นนี้ การเข้าโค้งรถเก๋ง ดีกว่าอย่างชัดเจน เนื่องจาก ตัวรถเตี้ยกว่าการเกาะถนนดีกว่า

เรื่องอาการโคลงตัวนี้ เป็นสิ่งที่ 2 รุ่น ต่างสร้างความชัดเจน ในเอกลักษณ์ของตัวเอง ยิ่งในตัว R ที่แรงขึ้น Electre นำเสนอความคล่องตัว แบบที่คุณจะไม่เคยเห็นรถอเนกประสงค์รุ่นใดทำมาก่อน

Lotus Electre

แถมมันยังทำให้ผมแปลกใจว่า ถ้าเป็นรุ่นอเนกประสงค์ ตัวบนกลับเซทรถมาลงตัวขับดีนั่งสบาย กว่าตัวล่างด้วย จนถ้าซื้อรุ่นอเนกประสงค์อยากบอกว่า ตัวบนจบกว่า แต่ตัวล่างก็โอเคเช่นกัน

ภาพรวม หลังจากสัมผัส อย่างเต็มอิ่มในวันนี้ แม้ว่า เราต้องยอมรับความจริงว่า วันนี้ไปอยู่ในทุนจีน แต่จิตวิญญาณของพวกเขาไม่หายไป มันยังเป็นรถที่เปี่ยมด้วย ความดีงามในการควบคุมได้ดั่งใจ ไม่มีจุดไหน ขึ้นมาแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย นี่มันรถจีน

ยิ่งใครชอบรถแรงเร้าใจ ควบคุมมั่นๆ ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อ รุ่นไหน ทั้ง Lotus Emeya หรือ Lotus Electre ก็ยังได้ จิตวิญญาณที่เปี่ยม และพร้อมต่อการขับขี่ เหมือนเดิม

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.