Home » Maxus eTerron 9 กระบะไฟฟ้า 442 แรงม้า ประเดิมลุยตลาดยุโรป
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

Maxus eTerron 9 กระบะไฟฟ้า 442 แรงม้า ประเดิมลุยตลาดยุโรป

Maxus บริษัทผู้ผลิตสัญชาติจีนภายใต้ชายคา SAIC ร่วม MG เผยโฉมรถกระบะไฟฟ้าโมเดลแรกของแบรนด์ กับ Maxus eTerron 9

Maxus eTerron 9 ไม่ได้เป็นเพียงรถกระบะไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นรถกระบะไฟฟ้าคันแรกของตลาดยุโรปด้วยหลังจากที่มันถูกเผยโฉมไปในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา

โดยจุดขายของมันก็เริ่มกันได้เลยตั้งแต่งานออกแบบภายนอก ซึ่งเน้นความเหลี่ยมสัน บึกบึนไปทุกสัดส่วน แม้แต่ชุดไฟหน้ายังเป็นแบบ C-Lamp แนวตั้งพร้อมขอบไฟ DRL ซึ่งดูไปดูมาก็แอบคล้ายกับ Ford F-150 Lightning อยู่ไม่น้อย นอกนั้นในส่วนกันชนหน้าจะเป็นงานพลาสติกด้านทนรอยขีดข่วน เช่นเดียวกับชายล่างตัวถังรอบคัน และขอบซุ้มล้อ แม้กระทั่งกันชนท้าย

หากทั้งหมดดูธรรมดาเกินไป ในความเป็นจริงแล้วมันยังมาพร้อมกับลูกเล่นที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งพื้นที่เก็บของใต้ฝากระโปรงไฟฟ้าด้านหน้าขนาด 236 ลิตร

และยังมีฝากระบะท้ายไฟฟ้า บวกกับผนังกั้นห้องโดยสารด้านหลังที่สามารถพับเก็บได้ ซึ่งทำให้ความยาวของพื้นที่เก็บสัมภาระบนกระบะท้ายเพิ่มขึ้นจนมีตัวเลขสูงสุดที่ 2,400 มิลลิเมตรอีก จากความยาวตัวรถทั้งหมด 5,500 มิลลิเมตร

ภายในห้องโดยสารเน้นงานออกแบบที่ดูทันสมัย แต่ไม่หวือหวาจนเกินไป ด้วยการตกแต่งเฉดสีภายในห้องโดยสารแบบทูโทน พวงมาลัยแบบ 2 ก้าน กรอบ D-Shape พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชัน, ติดตั้งหน้าจอแสดงผลข้อมูลตัวรถ และจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์แบบกึ่งลอยตัว, ใช้กรอบแอร์แนวนอนปรับทิศทางด้วยมือ โดยที่ด้านล่างยังคงมีแผงปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศอยู่, และคอนโซลกลางเองก็เป็นแบบลอยตัวแยกส่วนมาจากคอนโซลหน้าพร้อมถาดชาร์จโทรศัพท์มือถือไร้สาย 2 ตำแหน่งซึ่งถูกคั่นกลางด้วยสวิทช์ปรับตำแหน่งเกียร์

สิ่งอำนวยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารยังมีทั้ง ช่องเก็บของ 20 ตำแหน่ง, เบาะนั่งผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบระบายความร้อนและระบบนวด โดยตัวเบาะคู่หน้าทั้งสองฝั่งยังสามารถปรับเอนราบเสมอแนวเบาะรองนั่งแถวหลัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการนอนได้ยาวสุด 1,700 มิลลิเมตรอีกด้วย

ด้านสมรรถนะตัวรถ ด้วยความเป็นรถกระบะไฟฟ้า จึงต้องเริ่มจากตัวแบตเตอรี่ ซี่งคราวนี้มันใช้แบตเตอรี่แบบ Lithium Iron Phosphate หรือ Li-Po ขนาด 102 kWh ซึ่งอาจจะดูใหญ่ แต่ด้วยขนาดตัวรถที่ใหญ่ตาม จึงทำให้มันมีระยะทางในการวิ่งสูงสุดต่อชาร์จเพียง 430 กิโลเมตร เท่านั้น ตามมาตรฐาน WLTP แต่ถึงกระนั้นมันก็สามารถชาร์จไฟกลับจาก 20% – 80% ได้ภายในเวลา 40 นาที จากขีดความสามารถในการรองรับกำลังไฟชาร์จกลับสูงสุด 115 kW

และเนื่องจากมันเป็นรถกระบะที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ มันจึงมาพร้อมกับขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ช่วยกันขับเคลื่อนชุดล้อทั้งหมดแบบ All-Wheel Drive และให้กำลังรวมกันสูงสุดกว่า 442 PS ซึ่งช่วยให้มันสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 5.8 วินาที

โดยแม้ตัวรถจะมาพร้อมกับตัวถังแบบ Monocoque ซึ่งให้ทั้งความนุ่มนวล และแข็งแรงในพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากเป็นพิเศษ แต่มันก็ยังคงถูกวางบนโครงสร้างตัวรถแบบ Body on Frame ซึ่งให้ความถึกทน และบึกบึนในการใช้งานที่สมบุกสมบันมากกว่า

เมื่อประกอบกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงข้างต้น จึงทำให้มันสามารถรองรับน้ำหนักในการลากจูงได้สูงสุดถึง 2,500 กิโลกรัม และสามารถรับน้ำหนักในการบรรทุกได้สูงสุดที่ 620 กิโลกรัม

อย่างไรก็ดี เนื่องจากการเผยโฉมตัวรถในครั้งนี้ ยังเป็นเพียงแค่การเปิดเผยรายละเอียดตัวรถคร่าวๆเท่านั้น จึงทำให้เรายังขาดข้อมูลรายละเอียดตัวรถอื่นๆอีกหลายจุด แม้กระทั่งราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการก็ด้วย ซึ่งเราต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันต่อไป จนกว่าจะถึงกำหนดการวางขายจริงในทวีปยุโรป ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ข้อมูลจาก Maxus EU

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.