ช็อควงการไปพอสมควรเมื่อต้นปี ว่า Yamaha YZF-R1 / YZF-R1M จะไม่ได้ไปต่อในยุโรปเนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐาน Euro 5+ แต่ล่าสุด Yamaha USA กลับเผยYamaha R1 2025 และไม่ใช่แค่การปรับสีแค่นั้นเพียงอย่างเดียว
Yamaha YZF-R1 / YZF-R1M 2025มาพร้อมการอัพเดทครั้งใหม่ที่น่าสนใจ และตรงยุคตรงสมัยมากขึ้น แม้หากมองแฟริ่งหลักของมันอาจดูคล้ายเดิมกับโฉมก่อนหน้า ทั้งชุดแฟริ่งหน้า แฟริ่งกลาง และแฟริ่งท้ายที่ ทำให้รถยังคงดูปราดเปรียวเช่นเดิม แล้วปรับเฉดสีใหม่ กับเปลี่ยนวัสดุผ้าหุ้มเบาะนั่งทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อนใหม่ ให้สามารถยึดหน่วงกับกางเกงของผู้นั่งได้ดียิ่งขึ้น ก็เท่านั้น
แต่ในคราวนี้ มันจะได้รับการติดตั้งชุดวิงเล็ท (Winglet) สำหรับเสริมแรงกดอากาศเข้ามา ด้วยวิทยาการจากตัวแข่ง MotoGP ,Yamaha YZR-M1 , เพิ่มความนิ่งของตัวรถขณะขี่ด้วยความเร็วสูงๆ ทั้งตอนเร่งและตอนเบรก หรือแม้กระทั่งตอนเข้าโค้ง เจ้าวิงเล็ทที่เสริมเข้ามานี้ ยังเป็นชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์แท้ๆ และใส่ให้ในตัวรถทั้งรุ่น R1 และ R1M
ชุดเมนเฟรมอลูมิเนียม Deltabox เหมือนเดิม รวมถึงซับเฟรมหล่อขึ้นรูปจากวัสดุแม็กนีเซียม นับว่าเท่านี้ก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นสุดมากพอแล้วสำหรับรถซุปเปอร์ไบค์ในปัจจุบัน
แต่เพื่อให้ผู้ใช้ สามารถควบคุมรถได้ดั่งใจมากยิ่งขึ้น ทาง Yamaha จึงได้ทำการจับมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง KYB ให้ช่วยสร้างโช้กอัพหน้ารุ่นใหม่ขึ้นมา โดยคราวนี้จะเป็นโช้กอัพจะมีการปรับวาล์วคุมการไหลของน้ำมันภายในโช้กให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น
ไส้ในของตัวโช้กยั งแยกส่วนการทำงานกันชัดเจนระหว่างต้นซ้าย กับต้นขวา สังเกตได้จากตัวปรับเซ็ทความหนืดในจังหวะคืนตัว หรือ Rebound ซึ่งอยู่บนโช้กด้านขวาเพียงอย่างเดียว และตัวปรับความหนืดในการยุบตัวของโช้ก หรือ Compression ก็จะอยู่ทางด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว แต่อาจพิเศษกว่าหน่อยตรงที่มันสามารถปรับได้ทั้งค่า Low Speed Compression และ High Speed Compression
ส่วน ตัวรถ YZF-R1M จะยังคงได้ ชุดระบบกันสะเทือนปรับเซ็ทและแปรผันค่าด้วยไฟฟ้าจาก Ohlins ทั้งด้านหน้าและด้านหลังตามเดิม แต่แน่นอนว่าทางค่ายก็ได้มีการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่เล็กน้อย เพื่อความสามารถในการควบคุมตัวรถที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้รับกับชุดวิงเล็ทที่ถูกติดตั้งเข้ามา
สุดท้ายคือตัวปั๊มเบรกที่ในคราวนี้ ได้มีการเปลี่ยนไปใช้ปั๊มเบรกล่าง Brembo Stylema ในทั้ง 2 รุ่นย่อย แบบเดียวกับที่รถซุปเปอร์ไบค์ระดับเรือธงของแบรนด์อื่นๆใช้กัน ซึ่งเมื่อรวมกับการปรับปรุงแม่ปั๊มเบรกบนใหม่ ทำให้ทาง Yamaha ก็ระบุว่า ด้วยการปรับปรุงใหม่นี้จะช่วยเพิ่มแรงเบรกให้กับรถได้อีกมากพอสมควรเลยทีเดียว แม้ว่าจานเบรกคู่หน้าจะยังคงมีขนาดเท่าเดิมที่ 320 มิลลิเมตร ก็ตาม
ด้านขุมกำลังตัวรถ ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 4 วาล์ว/สูบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบ CP4 และมีขนาดความจุที่ 998cc ดังเดิม เช่นเดียวกับพละกำลังสูงสุด ที่ยังคงอยู่ที่ 200 PS ที่ 13,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 113.3 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์คลัทช์มือ 6 สปีด และระบบสลิปเปอร์คลัทช์ พร้อมระบบควิกชิฟท์เตอร์ 2 ทาง ขึ้น/ลง
นอกนั้นในด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หากไม่นับประเด็นเรื่องของการปรับจูนซอฟท์แวร์ใหม่ โดยหลักแล้วฟังก์ชันลูกเล่นต่างๆยังคงมีมาให้ครบครันดังเดิม ทั้งระบบ Riding Mode, Power Mode, Traction Control, Brake Control, Slide Control, Engine Brake Control, Launch Control, Wheelie Control, และอื่นๆอีกมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งระบบ GPS Tracking + Data Log สำหรับบันทึกข้อมูลการขี่ในสนามยังคงมีมาให้เป็นออพชันติดรถสำหรับรุ่น R1M เช่นเดิม
โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ 2025 Yamaha YZF-R1 ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะแบ่งออกตาม 2 รุ่นย่อยดังนี้
- 2025 Yamaha YZF-R1 : 18,999 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 630,000 บาท
- 2025 Yamaha YZF-R1M : 27,699 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 920,000 บาท
ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทย ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น แต่เนื่องจากในประเทศไทยของเราเอง ก็ยังไม่ได้มีการบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับ Euro5+ ตามยุโรป ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ตัวรถ R1 / R1M รุ่นปี 2025 นี้ อาจถูกส่งมาวางจำหน่ายในบ้านเราได้เช่นกัน ซึ่งต้องรอติดตามดูกันต่อไป
ข้อมูล จาก Yamaha Europe