Home » Tesla Model Y 7 ที่นั่ง เตรียมเปิดจองในยุโรป-จีนเดือนหน้า
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

Tesla Model Y 7 ที่นั่ง เตรียมเปิดจองในยุโรป-จีนเดือนหน้า

หลังเป็นทางเลือกที่จำกัดเอาไว้ให้เฉพาะชาวสหรัฐอเมริกา ล่าสุดก็มีข้อมูลยืนยันว่า Tesla Model Y รุ่น 7 ที่นั่ง ใกล้พร้อมแล้วสำหรับการเปิดตลาดในทวีปยุโรป และประเทศจีน

จากข้อมูลโดยผู้ใช้ X (อดีต Twitter) ชื่อแอคเคาท์ @eivissacopter ระบุว่าในตอนนี้ หน่วยงานรัฐในยุโรปได้มีการออกเอกสารรับรอง ให้ Tesla สามารถวางจำหน่ายรถ Model Y รุ่น 7 ที่นั่ง ในทวีปของตนได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ออพชันนี้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2020 แต่มีไว้วางจำหน่ายเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นในตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้แหล่งข้อมูลต้นทางยังระบุอีกว่า ด้วยการอนุมัติด้านกฏหมายการขายในครั้งนี้ ทำให้ทาง Tesla ไม่รอช้าและตัดสินใจที่จะเตรียมเปิดรับจองตัวรถรุ่นย่อยนี้ภายในเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้ทันที และนั่นอาจรวมถึงประเทศอื่นๆที่โรงงานของ Tesla ในประเทศจีน รับผิดชอบในการผลิตรถเพื่อวางจำหน่าย ซึ่งนั่นรวมถึงประเทศไทยของเราด้วย

อย่างไรก็ดี การทำตลาด Tesla Model Y ร่าง 7 ที่นั่งในครั้งนี้ อาจเป็นการเผยโฉมและทำตลาดที่ไม่ได้มีอายุการตลาดนานเท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้พึ่งจะมีข้อมูลไปว่าทาง Tesla ได้วางแผนที่จะเปิดตัวรถ Model Y ร่างปรับโฉมภายนอก-ภายในใหม่เพื่อวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2025 ภายใต้ชื่อโปรเจ็กท์ว่า “Juniper”

ซึ่งข้อมูลจาก Reuters ยังระบุอีกว่า เจ้า Model Y Juniper รุ่นดังกล่าวนั้น หากเป็นตัวรถที่ผลิตในโรงงานประเทศจีน ก็จะมีรุ่น 6 ที่นั่ง ไว้วางจำหน่ายด้วย โดยจะเป็นการแยกทำตลาดกันกับรุ่น 7 ที่นั่งในสหรัฐอเมริกาอีกที

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าการขาย Model Y โฉมปัจจุบัน ร่าง 7 ที่นั่ง ในโอชีเนีย และยุโรปภายในช่วงปลายปี 2024 อาจมีไว้เพียงเพื่ออุดช่องว่างการตลาดชั่วคราวตามเสียงเรียกร้องของลูกค้าก่อนเท่านั้น แล้วจึงให้ Model Y โฉมใหม่รุ่น 6 ที่นั่ง จะถูกนำมาแทนที่ในช่วงต้นปีหน้า

โดยความเป็นไปได้ด้านรายละเอียดออพชันของ Tesla Model Y รุ่น 7 ที่นั่ง ที่กำลังจะวางจำหน่ายในยุโรป และเอเชียภายในสิ้นปีนี้ แหล่งข้อมูลต้นทางระบุว่า มันจะเป็นทางเลือกย่อยของตัวรถรุ่น Long Range All-Wheel-Drive อีกทีเท่านั้น

และหมายความว่ามันจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 82 kWh ซึ่งแม้ว่าน้ำหนักตัวของมัน อาจจะหนักขึ้นกว่าเดิมราวๆ 45 กิโลกรัม แต่ระยะทางในการวิ่งสูงสุดต่อชาร์จจะยังคงเคลมไว้ที่ 533 กิโลเมตร และเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ราวๆ 5 วินาที ใกล้เคียงเดิม

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.