หลังการทำตลาดด้วยร่างขุมกำลัง PHEV/ICE อยู่พักใหญ่ ล่าสุดในปี 2025 แบรนด์สิงโตฝรั่งเศสก็พร้อมแล้วสำหรับการทำตลาด Peugeot E-408 ซึ่งมาพร้อมขุมกำลังพลังงานไฟฟ้า 100%
Peugeot E-408 มาพร้อมกับงานออกแบบที่ไม่ได้มีความแตกต่างจากตัวรถขุมกำลังอื่นใดเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะทั้งงานออกแบบภายนอกอันเป็นเอกลักษณ์และงานออกแบบภายในที่ดูล้ำสมัย เว้นเพียงชุดล้อทั้ง 4 เท่านั้น ที่ดูไปดูมากลับมีลวดลายก้านซึ่งดูลงตัวกว่าเดิม
ดังนั้นไฮไลท์สำคัญของมันจริงๆ จึงมีแค่เพียงเรื่องของระบบขับเคลื่อนและขุมกำลังพลังงานไฟฟ้า 100% ที่พึ่งถูกใส่เข้ามาในตัวรถรหัส 408 เป็นครั้งแรก
และไม่เหมือนกับหลายๆแบรนด์ ทางค่ายกลับเลือกที่จะวางจำหน่าย E-408 ด้วยทางเลือกขุมกำลังเพียงแบบเดียวเท่านั้น นั่นคือ รุ่นมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 210 แรงม้า ต่างจากแบรนด์อื่นที่มักมีททางเลือกขุมกำลังหลากหลายระดับให้เลือกซื้อ
ซึ่งการที่ตัวรถมาพร้อมกับมอเตอร์ขับเคลื่อนแบบเดียว ก็หมายความว่ามันมาพร้อมกับทางเลือกขนาดแบตเตอรี่เพียงแบบเดียวเช่นกัน นั่นคือแบตเตอรี่ขนาด 58.2 kWh ซึ่งทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลสุด 453 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP
โดยแม้ตัวเลขระยะทางดังกล่าวอาจจะดูน้อยไปหน่อยในสายตาของใครหลายๆคน แต่ทาง Peugeot ก็ระบุว่าจากการศึกษาผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดคอมแพ็ค หรือกลุ่ม C-Segment มักใช้รถในระยะทางเฉลี่ยไม่เกิน 45 กิโลเมตรต่อวัน ดังนั้นระยะทางการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จเท่านี้จึงถือว่าเพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้จริงแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะน้อยไปหน่อย แต่ทางค่ายก็ระบุว่าพวกเขาคิดมาดีว่ามันเหมาะสมกับผู้ใช้แล้ว ก็คือความสามารถในการชาร์จไฟกลับของแบตเตอรี่ ที่สามารถรองรับความแรงของกระแสไฟชาร์จกลับสูงสุดได้เพียง 120 kW และทำให้มันสามารถชาร์จไฟด้วยโหมด DC Fast Charge ระยะเวลา 10 นาที โดยได้ระยะทางสำหรับการวิ่งเพิ่มขึ้นมาเพียง 100 กิโลเมตรเท่านั้น
และเช่นเดียวกัน ในส่วนของระยะเวลาในการชาร์จไฟจาก 20-80% ก็ยังใช้เวลาที่ราวๆ 30 นาที ซึ่งดูช้ากว่าคู่แข่งสำคัญๆหลายๆคันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะ KIA EV6 ซึ่งสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ภายในเวลา 18 นาที โดยที่ขนาดแบตฯใหญ่กว่าเกือบเท่าตัว ด้วยตัวเลข 84 kWh
ถึงกระนั้น อาจด้วยความที่ Peugeot มองว่าลูกค้าที่ใช้รถยนต์ของพวกเขา จะใช้รถและกลับไปชาร์จไฟที่บ้านมากกว่า จึงทำให้อย่างน้อยพวกเขาก็ยังให้ความสามารถในการชาร์จไฟด้วยระบบ AC ที่สูงถึง 11 kW (ปกติจะอยู่ที่ราวๆ 7 kW)
ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวรถ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมา เนื่องจากกำหนดการวางขายตัวรถจริงๆ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ส่วนแนวโน้มการถูกนำมาทำตลาดในไทยของเรา ตามร่าง PHEV ยังต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันต่อไป