Home » Nissan Magnite ครอสโอเวอร์ไซส์รอง Kicks ผลิตอินเดีย เตรียมลุยตลาดโลกใน 65 ประเทศ
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

Nissan Magnite ครอสโอเวอร์ไซส์รอง Kicks ผลิตอินเดีย เตรียมลุยตลาดโลกใน 65 ประเทศ

Nissan Magnite คือรถครอสโอเวอร์ที่ได้รับความนิยมสูงมากในอินเดีย และหลายๆประเทศในทวีปแอฟฟริกา แม้แต่ในประเทศภูมิภาคอาเซียนเองก็ด้วย

โดยหลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2020 ล่าสุด Nissan Magnite ก็ได้รับการปรับโฉมใหม่ระดับ Minor Change สำหรับตัวรถโมเดลปี 2025 ซึ่งในคราวนี้มันมาพร้อมกับทั้งกันชนหน้าใหม่ ซึ่งถูกปรับให้ดูแข็งแกร่งบึกบึนมากขึ้นแถมยังเข้ากันดีกับกันชนท้ายเดิมอย่างลงตัว พร้อมกันนี้ยังมีการปรับโคมไฟท้ายใหม่ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าหลอดข้างในก็เป็นหลอด LED, และท้ายสุดคือการปรับดีไซน์ชุดล้อใหม่ให้ดูโดดเด่นสะดุดตามากกว่าเดิม

ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คือออพชันการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ซึ่งในคราวนี้มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนังสี Brownish Orange พร้อมลวดลาย 6 เหลี่ยม ละม้ายคล้ายคลึงกับ Nissan Navara Pro-Series, เช่นเดียวกับแผงคอนโซล, แผงประตู ที่มีการตกแต่งด้วยวัสดุหุ้มหนังสีเดียวกัน

นอกนั้นก็มีการปรับปรุงชุดจอแสดงผลมาตรวัดใหม่เป็นแบบฟูลดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และปรับปรุงจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 8 นิ้วใหม่เช่นกัน ด้วยการเพิ่มฟังก์ชันเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สายทั้งคู่เข้ามา

นอกนั้นในส่วนของออพชันยิบย่อยต่างๆ ยังคงมีให้เลือกแล้วแต่รุ่นย่อย ทั้ง ระบบเสียงจาก Arkamays, กล้องติดรถบันทึกเหตุการณ์ฉึกเฉิน, ระบบแสดงแวดล้อมภายในห้องโดยสารเปลี่ยนสีได้, และระบบกรองอากาศด้วยประจุไฟฟ้า, รวมถึงระบบความปลอดภัยพื้นฐานกับถุงลมนิรภัย 6 จุด โดยที่ระบบ ADAS ยังคงไม่ถูกใส่มาให้แต่อย่างใด

ด้านโครงสร้างตัวรถ แน่นอนว่าเนื่องจากเป็นรุ่นปรับเล็ก มันจึงยังคงใช้แพลตฟอร์ม CMF-A+ ดังเดิม แต่แพลตฟอร์มนี้ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้กับรถยนต์ขนาดเล็กของแบรนด์พันธมิตรอย่าง Renault Triber และ Renault Kiger ด้วย และหมายความว่ามันก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ 3 สูบเรียงขนาด 1 ลิตร เป็นหัวใจหลักดังเดิม

โดยหากเป็นรุ่นไม่ติดเทอร์โบ ก็จะมีแรงม้าสูงสุด 72 PS ที่ 6,250 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 96 นิวตันเมตร ระหว่าง 3,400 – 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด

และหากเป็นรุ่นติดเทอร์โบ ก็จะมีพละกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้น เป็น 100 PS ที่ 5,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดอีก 160 นิวตันเมตร ระหว่าง 2,800 – 3,600 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือจะลดแรงบิดลงเหลือ 152 นิวตันเมตร ระหว่าง 2,200 – 4,400 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ก่อนส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าเหมือนกับทุกรุ่นย่อย

ระบบช่วงล่าง ยังคงเป็นแบบด้านหน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังทอร์ชันบีม ส่วนระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม และใช้ชุดยางขนาด 195/60 R16 เพื่อแบกน้ำหนักตัวรถพร้อมขับราวๆ 1,019 – 1,103 กิโลกรัม

จุดน่าสนใจของตัวรถรุ่นนี้ คือการที่มันมีขนาดมิติตัวรถที่ยาวเพียง 3,994 มิลลิเมตร, กว้าง 1,758 มิลลิเมตร, สูง 1,572 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อยาวเพียง 2,500 เมตร และความสูงใต้ท้องรถอีก 205 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กกว่า Nissan Kicks ลงมาอีกระดับหนึ่ง และอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ Honda WR-V ซึ่งแน่นอนว่าในไทยของเราทางแบรนด์ Nissan ยังไม่เคยทำตลาดรถยนต์ไซส์นี้มาก่อนด้วย

และในขณะเดียวกัน จากการเปิดตัวรถครั้งล่าสุด ทาง Nissan ยังระบุอีกว่า พวกเขามีแผนที่จะทำตลาดเจ้า Nissan Magnite ให้เป็น Global Model มากขึ้น โดยจากที่ในปัจจุบัน มีการทำตลาดไปแล้วใน 47 ประเทศ พวกเขาก็เตรียมส่งไปทำตลาดในประเทศอื่นๆเพิ่มเติมอีก จนมีตลาดรวมกว่า 65 ประเทศ (แต่น่าเสียดายที่ยังไม่รวมไทยอยู่ดี เนื่องจากมันมีฐานการผลิตเพียงที่เดียวเท่านั้น นั่นคือในประเทศอินเดีย)

โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวรถ ก็จัดว่าย่อมเยาเป็นอย่างมาก เพราะหากตีเป็นเงินไทย ก็จะอยู่ที่ราวๆ 240,000 บาท เท่านั้น ในรุ่นเริ่มต้น และจะขยับขึ้นไปแพงสุดที่ราวๆ 460,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าถูกอยู่ดี

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.