ชั่งใจอยู่นาน ว่าจะเขียนดีไหม ..​ แต่บอกตามตรงว่า ผมรู้สึกเป็นห่วง เจ้า Mitsubishi Triton ใหม่ จริงๆนะ

รถเปิดตัวขายมาเกือบปีแล้ว แต่เห็นบนถนนน้อยมาก!! และน้อยเกินไป เมื่อนับว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขับไปรีวิว ที่หัวหิน ไปกลับเสน้ทางนี้ เราแทบ จะเป็นไทรทัน ใหม่ คันเดียวบนถนน !!

—–

ย้อนไปในอดีต มิตซูบิชิ เป็นขวัญใจกระบะ ผมอยากซื้อ ตอนเรียนจบ ตอนปี 2007 มิตซูบิชิ เปิด ตัว ไทรทัน รุ่นแรกมาขาย

ด้วยหน้าตาฉีกจากกระบะทุกค่าย มาทรงโค้ง ตั้งแต่ช่วงห้องเครื่อง ห้องโดยสาร แม้แต่กระบะท้าย

ใครเห็นก็ต้องว้าว จนมาวันนี้ หน้าตา รุ่นแรกของมัน ยังมองแล้ว “เออ ล้ำว่ะ”

(ถึงท้ายที่สุดพอปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์แล้วจะต้องยอมกลับมาใช้กระบะเหลี่ยม เพราะลูกค้าติงเรื่องพื้นที่เก็บสัมภาระที่น้อยเกินไป จากฝากระบะและแนวกระบะช่วงท้ายที่เตี้ยก็ตาม)

แถมยังทำเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร รุ่นใหม่ ใหญ่ที่สุด แรงที่สุด 4M41 ออกมา จนเป็นรถกระบะแห่งยุค แม้แต่เจ้าตลาด ยังต้องมอง

มิตซูบิชิ มาปังต่อ ด้วยรุ่น Plus หรือ ขับสองยกสูง ท่ามกลางยุคที่ ตลาดรถกระบะ มีตัวเลือกแค่ แบบตัวเตี้ยขับสอง ไม่ก็ตัวสูงขับสี่เท่านั้น (ตัวแรกจริง ไม่แน่ใจแบรนด์ไหน)

เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ใช้รถกระบะที่อยากได้แค่สไตล์ ความหล่อบึกบึน แต่ไม่ได้ต้องการรถขับสี่ที่เปลืองน้ำมันจากการแบกน้ำหนักเพลาขับหน้า กับชุดเกียร์ฝาก

จนค่ายอื่นๆทำตาม และปัจจุบันก็มีกันครบทุกแบรนด์

ตัวนี้เกิดขึ้นมาก็ปังใช้ได้ แถม ตอนหลัง ได้พี่ตูน บอดี้สแลม มาเป็น พรีเซ็นเตอร์อีก รถยิ่งปังหนักเขาไปใหญ่ จนขายแทบไม่ทัน

โดยเฉพาะ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 178 ม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร กลายเป็นของดีประจำยุค แรงที่สุดในคลาส “บล็อกกลาง” (มาจนวันนี้ มิตซูบิชิ ก็ยังครองสถิตินี้ อยู่ในเครื่องยนต์ตัวใหม่ 2.4 ลิตร )

ทำให้ ไทรทัน กลายเป็นหนึ่งในกระบะขวัญใจมหาชน ณ ช่วงเวลานั้น

พอ Mitsubishi Triton Gen 2 ออกวางจำหน่าย มีการปรับมาใช้ เครื่อง 4N15 เป็น เครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งในแง่วิศวกรรม ถ้าเราเจาะลึกจริงๆ มิตซูบิช คิดมาอย่างถี่ถ้วน เพื่อลดไอเสีย ตามคอนเซปต์แบรนด์ในเวลานั้น

รวมถึง Triton หรือ L200 ในต่างประเทศ กำลังโดนเรื่องกฏไอเสียในยุโรปที่เข้มเล่นงาน

แต่ในมุม คนไทยสายแต่งรถ เครื่องใหม่ ช่างไทยไม่รู้จัก กว่าจะหาสูตรสำเร็จโมให้ขับสนุก มันอีกพักใหญ่ ระยะหลัง กระบะซิ่งมิตซูบิชิ หายไป

แถม ค่ายเจ้าตลาดเจ้าของเครื่องยนต์ 1.9 กลับมีสูตรโมได้ แรงด้วย แค่จูนๆ ก็แรงทันใจ วัยรุ่นนิยม (แต่หลังๆก็มีคนรับจูน รับทำนะ 4 N15)

นี่อาจเป็น อย่างแรกของจุดเริ่มต้นทุกอย่าง

ไม่เพียงเท่านั้น หน้าตา ของไทรทัน ตัว 2 เหมือนมิตซูบิชิ พยายาม จะทำมาในทางหรูนิดๆ ยังจำได้รถเปิดตัว ด้วยสีเขียว มาพร้อมกระจังโครเมี่ยม ผมยังเกาหัวยิกๆ

แอดจอห์น เรียก หน้าตาตัวนี้ว่า เต้ยโศก เพราะเคยเป็นรถในบ้าน คุณพ่อใช้

จนการเปลี่ยนแปลงในปี 2018 เป็นหน้าตาใหม่ กลับมาโทนสปอร์ต ทำให้ เออ น่าสนใจ

แต่ก็แลดูจะช้าไปนิด ด้วยเทรนด์ งคนไทยที่เปลี่ยนไป หันมาชอบหน้าสไตล์ ดุดันไม่เกรงใจใคร แนวค่ายมะกันมากขึ้น ตั้งแต่ ปี 2016 จนกวาดยอดไปเยอะ พอตัว

______________________

ข้ามเวลามาปี 2024 ไทรทัน ตัวใหม่ เกิดอะไรขึ้น

ย้อนไปตอนเปิดตัวต้นแบบ XRT Concept ที่มอเตอร์โชว์ หลาย คนโคตรชอบ โคตรโดนใจ จากความที่มันมาพร้อมกับตัวถังสุดบึกบึน พลิกไปจากรุ่นพี่ชัดเจน แถมยังมีโป่งซ้ายขวาสุดมหึมา หลายคนยอมรับว่ามันคือโป่งที่ช่วยเสริมความขึงขังให้ตัวรถได้เป็นอย่างดี

เรื่องนี้พิสูจน์ได้จาก ยอดการเข้าชมคลิป Youtube ของ สื่อ ยานยนต์ทุกเจ้า ที่มีโอกาสไปแอบดูรถต้นแบบคันจริงบนเวที

แต่พอเปิดผ้าคลุม ในอีก 4-5 เดือน ต่อมา ปรากฏสถานการณ์พลิก … ไม่เป็นดั่งคาด

ตัวรถเห็นน้อยมาก จนคุณเห็นไทรทันใหม่ อาจตื่นเต้น ไม่ต่างจากถูกหวย และสงสัยว่า ทำไมคนๆนั้น ถึงยังซื้อกระบะคันนี้

ให้วิเคราะห์ดู ผมว่า “หน้าตา” คือปัจจัยแรก มันคือสิ่งแรกที่เราสัมผัส รับรู้ได้

ผมก็ยอมรับ มองรถ หลายครั้งจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ชิน มันก็ยังไม่ชิน จะมีก้ส้มคันนี้ ที่ดูโอเค

ด้วยความต้องการทำให้มันดูมีดีเอ็นเอรถแรลลี่มั้ง นักออกแบบเลย ทำกระจังหน้าให้มันมีขนาดใหญ่ จนดูแปลกๆ ไฟหน้า ถูกยกสูง แต่ไม่ใช่ตำแหน่งที่แปลก เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่น

นักออกแบบ ภาคภูมิใจ เรียกแนวทางนี้ว่า “Beast Mode” เอาตามความ มิตซูบิชิ อธิบายว่า มันผสมผมสานความรู้สึก แข็งแกร่ง , ความสปอร์ต และ ดูโปร

ทั้งหมดก็เป็นหน้าตาที่เราเห็นในรถต้นแบบอยู่แล้ว ติดแค่เพียง ตัวโป่งข้างสุดดุดัน ที่ลูกค้าหลายคนคาดหวัง กลับไม่ได้ถูกทำมาด้วยในตัวขายจริง แล้วมีเพียงแผ่นแปะคิ้วซุ้มล้อบางๆเท่านั้นที่ถูกใส่มาให้แทน เท่านั้น

..

_______________________

หน้าตาที่เราไม่ชอบ จริง คือ Evolved Mitsubishi ness จากรุ่นที่แล้ว

ย้อนความอีกที มิตซูบิชิเนส คือ การสะท้อนความเป็น มิตซูบิชิ อย่างชัดเจน เน้น การใช้งานมากกว่าความสวยงาม

เราเลยเห็นไฟหน้าในตำแหน่งสูง เวลาลุย หรือขับกลางคืน จะได้ประโยชน์มาก ไฟส่องไกล ไม่มีเสียกวนใจเวลาลุย

กันชนหน้า ที่ดูเหมือนสูงกว่าปกติ เพื่อให้มีมุมไต่ มุมปะทะมากกว่า ทุกอย่าง เรียกว่าออกแบบมาได้ใช้แน่ ไม่ใช่เพียงแค่สวยงามอย่างเดียว

พอมาภายใน แม้จะพยายามทำงานออกแบบ มาให้ดี ใช้งานหยิบจับสะดวก แต่ยอมรับกันอย่างเปิดอกว่า ข้าวของที่มันคุ้นหน้าตา จากนิสสัน ทำให้หลายคนรู้สึกไม่ดี

ส่วนตัวผมไม่แปลกใจ ก็เขาเป็นเครือพันธมิตรกันแล้ว แต่ความชัดเจนโจ่งแจ้ง เปิดเผย เราเลยไม่รู้สึกถึง ตัวตนของมิตซูบิชิ

ทั้งที่จริงๆ ทันก็อยู่ตรงหน้าเราไม่ว่าจะ ปุ่มใหญ่ๆ ใช้งานง่ายๆ ท่านั่งสบาย ห้องโดยสารทีมีขนาดใหญ่ และยังคงความนั่งสบาย มีพื้นที่ในการโดยสาร เหลือเฟือ

บางอย่าง ก็ดูเป็น ไอเดียดี เช่นแอร์หลังคา ใครไม่ชอบ ผมชอบ แม้มันจะแอบน่ารำคาญ จากเสียงพัดลม ที่หมุนตลอดเวลา เวลาใช้งานจริงอยู่บ้าง

รวมถึงบางคนแปลกใจ รุ่นท๊อป ไม่ให้เบาะหนัง ทั้งที่จริงๆ มันเป็นหนังกลับ แต่คนไทยไม่เกท จริงๆ หนังกลับ มันดี ตรง มันจะดูดเสื้อผ้าเราดีกว่า แต่พวกเรา กลับรู้สึกว่า หนังล้วนดีกว่า

แถม แอทลีท ยังเป็น เบาะนั่งทูโทน บางคนก็ว่าสวย แต่บางคนอยากได้ดำล้วนมากกว่า เหมือนที่ขายในญี่ปุ่น

__________________________

ถึงงานออกแบบจะทำให้หลายคนมองข้าม แต่ผม กล้าพูดว่า สมรรถนะขับขี่มันค่อนข้างดี ตามสไตล์มิตซูบิชิ

เครื่องยนต์ โบคู่ ตัวนี้ ตอบสนองดี อาจไม่แรงที่สุด เมื่อเราคุยเรื่องตัวเลขพลังขับ แรงม้าแรงบิด แต่มันแรงกำลังดี ไม่มากจนคุมยาก หรืออืดอาดเกินงาม

0-100 12 วินาที กับ กระบะ 200 ม้า ถือว่าโอเค และ อาการ เทอร์โบคู่ แบบ ซีเควนเทียล คือ ลูกเล็กทำตลอด ลูกใหญ่คอยเสริมพลัง ทำให้เดินรอบได้ลึก ขับ 120 เพื่อมาเล่น จะเร่งไป 160 ก็สบายๆ ไป นิ่งๆได้เลย ก็ไม่แปลก ด้วยแรงบิดระนาบต่อเนื่องยาวสุด ในดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร

เดิมที ผมไม่ชอบช่วงล่างTriton ตัว อัลตร้า มันติดแข็งกระด้าง ตอนนั้นลองตัวพลัส

พอมาจับ แอทลีท โห คนละโลก ช่วงล่างแอทลีท ขับสบายมากๆนะ สบายที่สุดในกระบะช่วงล่างแหนบ ทุกคันในประเทศไทย

เดี๋ยวนี้ขับรถไปหัวหิน บางทีก็นึกว่าไปเขาค้อ เพราะใช้ระยะทาง 200 กว่า กม. กับเวลาอีกราว 4-5 ชั่วโมงบ้าไปแล้ว

แต่ปรากฏว่าพอลงมาจากแอทลีท ร่างกลับไม่ช้ำ ผู้โดยสารไม่มีใครบ่นว่านั่งไม่สบาย แถมยังหลับสบายใส่คนขับอีกต่างหาก อันนี้ดีงาม

พวงมาลัยไฟฟ้า ที่ให้มาก็เป็นรุ่นเดียวในกระบะญี่ปุ่นเวลานี้ น้ำหนักกำลังดี ใช้งานสะดวก มอบความสบายในการขับขี่ ตัดพวงมาลัย นิดเดีย วรถก็เปลี่ยนทิศทางไปตามต้องการ สะดวกสบาย เวลาเข้าจอด ไม่ต้องมานั่งเย่อ

ช่วงนี้ฝนตกบ่อย เวลาถนนลื่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถเลือก 4H ทำงานแบบ AWD ได้ โคตรเจ๋ง เป็นเจ้าเดียวทำได้แบบนี้

บางคนอาจบอกของวงรีสีน้ำเงินก็มี แม้จะมีระบบคล้ายกัน แต่เขาทำมาเพื่อประคองการออกตัวอัตราเร่ง ช่วงการเข้าโค้งบ้างนิดหน่อย ยแต่ามฝนตกถนนลื่น พวกก็ยังเล่นขับสอง เป็นหลักอยู่ดี

ดังนั้น มิตซูบิชิ จึงยืนหนึ่ง ระบบ All Wheel Drive ในสายตาผม

___________________________________

แล้ว ทำไม มันขายไม่ดี ??

โลกวันนี้ถูก Disrupt ด้วย Social Media ซึ่งคนส่วนใหญ่ สามารถหาข้อมูล ประกอบการตัดสินใจได้ เช่น เราจะไปกินอาหาร ในร้านต่างจังหวัด

บางทีเรายังกด ดูรีวิวว่ากี่ดาวเลย จริงไหม ?

เรื่องแบบนี้เกิดกับการซื้อรถเช่นกัน รถราคาไม่ต่างกันมาก เปิดสเป็คมา … อ้า!! เพิ่มอีกนิด ฉันซื้อตัวนั้นดีกว่าไหม จ่ายเท่ากัน ผ่อนเท่ากัน แรงกว่า เท่ห์กว่า เราเอาข้อมูลตัดสินเป้นหลัก ทั้งที่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เท่านั้น

ซึ่งถ้ามองเช่นนั้นสิ่งที่ Triton ให้มา ก็ไม่ได้โดดเด่น มันอยู่แค่ในระดับสูสี

แล้วสิ่งที่มันทำได้ดี กลับไม่ใช่เรื่อง ที่คุณสามารถ สำรวจได้จากข้อมูลบนโบรชัวร์แต่ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง

เช่น พวงมาลัยไฟฟ้าที่มีความสปอร์ต , ช่วงล่างที่นั่งโคตรสบาย

ต่อให้ โชว์รูม จะให้คุณทดลองขับได้ ก็อาจไม่นาน พอจะรู้สึกว่า ของเขาดีจริง

การตอบสนองเครื่องยนต์ก็เช่นกัน มันค่อนข้างจะต้องใช้เวลาคุ้นชิน เมื่อคุ้นมือ รถขับโคตรดี เป็นกระบะล้านสาม ที่ขับมันส์สุดๆ กล้าพูดตามตรง

แต่ทั้งหมดที่ผมพูด หมายถึงลูกค้าต้อง ฝ่าด่านอรหันต์ จากความชอบในงานออกแบบ

แม้ทุกครั้ง ผมจะพูดเสมอว่า งานอกแบบ เป็นเรื่องของส่วนบุคคล แต่พอเอาเข้าจริง มันก็มีงานออกแบบหลายอย่าง ที่ทุกคนชอบและ ไม่ชอบ เหมือนๆกัน อยู่บ้าง หรือ มีความ Majority ทางความคิด

หน้าตาไทรทัน โดยเฉพาะตัวบน พูดเลยว่าส่วนที่คนไม่ชอบ และแอบแปลกใจ คือ กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ

คนใช้กระบะส่วนใหญ่ไม่ชิน แม้แต่ในรถเก๋ง บางรุ่นที่ทำมาแนวนี้ ผมก็ไม่ชินนะ สุดท้าย ก็ยกเลิก ไปตามระเบียบ

มันอาจเป็นเส้นสาย วิธีการออกแบบ ที่เข้ากับคนบางประเทศ แต่ไม่ใช่กับคนไทยแน่

แถมรถ ก็มีแต่สีไว้ทุกข์ ขาวดำ บรอน เทา จำเจ น่าเบื่อ

ทั้งที่ ในญี่ปุ่น ตัวปกติ มีสีแดง ควรมีให้ลูกค้าเลือก ขายได้มากน้อย ก็ไปว่ากันอีกที

—— ——

นอกจากนี้ ไลน์อัพ Mitsubishi Triton ใหม่ ยังไม่ยิบย่อยพอ หรือมีทางเลือกน้อยเกินไป

เช่น

รุ่นล่างกว่า ตัว Prime ดันมีขับเคลื่อนสี่ล้อเกียร์ธรรมดาอยู่ … ซะงั้น

ดูเหมือน มิตซูบิชิ พยายาม ดันให้คนซื้อ แอทลีท เหมือน นิสสัน ทำรุ่นโปร 4/ โปร 2

แต่ความหลากหลาย มันเป็นเรื่องสำคัญมากกับลูกค้ากระบะ

บางคนชอบเครื่องในแอทลีท แต่มีแนวทางแต่งรถเอง เครื่องโบคู่ ไม่ควรเป็นแรร์ไอเทม ควรวางในตัว อัลตร้า และ อัลตร้า ควรมีขับสี่ Hyper X2 200 ม้า

ในส่วนของ Triton Athlete ก็ควรมี เครื่องยนต์ 184 ม้า สำหรับ ลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์ แต่ไม่ได้อยากได้รถแรง แล้วทำราคาลงมา สักล้านบาท ต้นๆจะสวยงามมาก มีขับสองขับสี่ให้เลือก ตามสะดวก ฐานลูกค้าจะได้ขยาย

แต่สำคัญที่สุด ต้องทำยังไงก็ได้ ให้คนชินตากับ งานออกแบบมากขึ้น คนไทย ติดภาพจำไทรทันทรงโค้งไปแล้ว วันนี้กลับมาทรงเหลี่ยม เน้นถึกดูลุย ต่างจาก เพื่อนบ้าน เขาทำทรงเหลี่ยมมานาน วันนี้ เป็นเหลี่ยม คนก็เข้าใจได้

แต่กับทางทรีไอมอนด์ วันนี้เปลี่ยนสไตล์ คนเลยไม่ชิน

ทั้งที่จริงๆ หากว่ากันเรื่องสมรรถนะตัวรถ ผมกล้ายืนยัน ขับโคตรดี …. เผลอๆ จะดีสุดในกระบะล้านสาม มันไม่แรงที่สุด

แต่ความกลมกล่อมในการใช้งานที่สุด ช่วงล่าง พวงมาลัย การตอบสนอง ความสบายในการโดยสาร

ทั้งหมด ทำมาได้ดีแล้ว แค่ลูกค้าต้องได้ลองก่อนเท่านั้นถึงจะรู้ ซึ่งคนซื้อหลายคนดันไม่มีโอกาสที่จะสัมผัสถึงจุดนั้นได้ง่ายๆแค่นั้นเอง..

ว่าแล้ว มันก้ทำให้ผม นึกถึงเวลาจีบสาวสมัยหนุ่มๆ ไม่ว่าใคร ก็ต้องมองคนที่หน้าตาก่อน

แต่ นั่นก็ไม่ได้ ปิดช่องว่า คนไม่สวย จะไม่มีคู่ครอง สาวๆ บางคน มากความสามารถ อาจเป็นเชียร์ลีดเดอร์ นักกีฬาตัวโรงเรียน หน้าตาไม่ได้สละสลวย จนผู้ชายรุมจีบห้อมล้อม แต่พอเจอเธอบ่อย เห็นเธอในชุดไปรเวทบ้าง เห็นเวลาแสดงความสามารถบ้าง เล่นกีฬา แล้วแม่งชนะขึ้นโพเดี้ยม

ได้ มีโอกาสเป็นเพื่อนกับเธอ ทำความรู้จักมักจี่

เชื่อว่าใคร หลายคนก้คงเคยมีเพื่อนสาวแบบนี้ บางทีก็คงแปลกใจ คนดีๆแบบนี้ ทำไมสวรรค์ถึงตกสำรวจไปได้ ทำไมมันยังโสด อยู่อีก จนบางที คงคิด กูจีบแม่งเอง เลยดีมั้ย ..

มิตซูบิชิ ไทรทัน เหมือน สาวแนวนี้ …

กลายเป็นคนที่ซื้อ คือคนที่รู้ …​ ภาษาสมัยนี้ อาจเรียกว่า เข้าใจงาน

แล้วจะมี สักกี่คนที่รู้ และเข้าใจ มันอาจถึงเวลา ต้องสู้ เพื่อสร้างยอดขาย

ถึงเวลาที่ มิตซูบิชิ ต้องใช้จิตวิญญาณ สู้ไม่ถอยแล้ว แบบที่เคยต่อสู้กับ ซูบารุ ในยุคก่อน

จนสร้างตำนาน แลนอีโวเอาไว้ ให้โลกจดจำ

แต่เวทีที่ต้องปกป้อง คือ กระบะของพวกเขา อู่ข้าวอู่น้ำ ตลาดหลักของคนไทย