Home » ล้อใหญ่ ยางแก้มเตี้ย เทรนด์ใหม่ยุคนี้ เน้นดูดี แต่… ไม่ประหยัด
Bust topic เคล็ดลับเรื่องรถ

ล้อใหญ่ ยางแก้มเตี้ย เทรนด์ใหม่ยุคนี้ เน้นดูดี แต่… ไม่ประหยัด

การสร้างจุดขายในรถยนต์สักคัน เป็นสิ่งที่นักการตลาดต่างพยายามจุดความต้องการนี้มาอย่างยาวนาน หนึ่งในหลายสิ่งที่ถูกปรับแต่งให้รถสักคันขายได้คือรูปลักษณ์ภายนอก ด่วยงานออกแบบที่ดูดีและลงตัว หนึ่งในนั้น รวมถึง ล้อและยาง ที่ถูกติดตั้งเข้ามา

หลายปีที่ผานมา ถ้าเราจะสังเกต จะพบว่า รถสมัยใหม่ นิยมให้ชุดล้อและยางใหญ่ขึ้น นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อผู้ผลิตต้องการปรับตัวรถให้ดูดี ลงตัวสมบูรร์มากขึ่น เช่นกันคนซื้อก็ถูกใจ ซื้อรถไม่ต้องคิดไปต่อมอง ว่าจะไปแต่งอย่างไร

ทำให้เทรนด์ การทำล้อให้ใหญ่ และยางมีแก้มเตี้ยลง บางลง ไม่ได้จำกัดเพียงในบรรดารถยุโรปเท่านั้น มันขยายตัวมาทางรถญี่ปุ่นได้ 3-4 ปี แล้ว และ ดูท่าจะไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใด ที่ลูกค้ายังเห้นดีเห็นงามอยู่ต่อเนื่อง

กระแสดังกล่าว เราจะเห็นได้ในรถยนต์ระดับบน ทั้งหลาย ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มซีดานกลาง อย่าง Toyota Camry เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน เดิมที ในรุ่นเริ่มต้น จะใช้ล้อขนาด 16 นิ้ว ด้วย ยาง 205/60/16 ปัจจุบัน ขยับมาเป็น 17 นิ้ว ใช้ยาง 215/55/ 17

ไม่เว้นกระทั่งกลุ่ม รถกระบะ ปัจจุบัน มีบางแบรนด์ เริ่มขยับ จากล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ที่ใช้มานาน และได้รับการยิมรับว่า เหมาะสม เพียงพอต่อการใช้งานของรถกระบะ ก็เริ่มมีขยับมาล้อ 20 เทียบเท่า รถกลุ่ม PPV เนื่องจาก เล็กว่า รถดังกล่าวเป็นรุ่นพิเศษ และ อาจเน้นใช้งานทั่วไปบนถนน มากกว่า จะเอามันไปลุยสมบุกสมบัน

ในกลุ่ม Compact Car และ Crossover ก็มีทิศทางเดียวกัน ขยับขนาดล้อ รุ่นละ 1 เบอร์ เพื่อให้ มีขนาดเต็มซุ้มมากขึ้น ดูลงตัวมากขึ้น ตามกระแสความต้องการจากตลาด

แง่การวิศวกรรม ล้อขนาดใหญ่ และยางที่มีการปรับให้แก้มเตี้ยลง ช่วยให้สัมผัสรถกับพื้นถนน ดูมั่นคงขึ้น รวมถึง การตอบสนองต่อการขับขี่ โดยเฉพาะ การโคลงตัวของตัวรถดีขึ้น สร้างความมั่นใจ และถูกใจลูกค้าที่มองหาสมรรถนะในการขับขี่ด้วยอีกทาง

แม้ว่าจะ มีข้อดีมากมาย ในทางกลับกัน ในฐานะผู้ซื้อสมควรรู้และเข้าใจว่า ล้อใหญ่ และ ยางแก้มเตี้ย อันสวยงามเหล่านี้ จะมาพร้อม ค่าใช้จ่ายมูลค่าสุงในอนาคต

เรื่องที่เราพูดนั้น อาจไม่เกิดขึ้ทันทีหลังจากรับรถไป ในขวบแรก จนเมื่อเราใช้รถไปจนขึ้นปีที่ 3 หรือ 4 พบว่ายางหมดสภาพ ถึงเวลาต้องบำรุงรักษา ด้วยการเปลี่ยนยาง

ตอนนั้น นั่นแหละครับ ที่เราจะรู้ว่า โอ้โห ยางติดรถราคาไม่ธรรมดา เปลี่ยนทีหน้ามืด และเราหลีกเลี่ยงจะไม่เปลี่ยนมัน ก็ไม่ได้เสียด้วย

อันที่จริง , น้อยคน จะเลือกซื้อรถ โดยพิจารณา ขนาดยางเป็นองค์ประกอบ แต่ถ้าต้องการซื้อรถ อย่างชาญฉลาด ขนาดล้อและยาง ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะละเลย เมื่อต้องพิจารณา ในการซื้อรถ

ผมขอยกตัวอย่าง ถ้าเรา จะเลือกซื้อรถ 2คัน โดยเราเปรียบเทียบระหว่างรุ่นย่อย ยกตัวอย่างเช่น รุ่นล่าง ใช้ล้แ 17 ยางขนาด 215/55/17 กลับกัน รถรุ่นสูงกว่าใช้ล้อ 18 พร้อมยาง 235/50/18

พอไปมองราคายางต่อเส้ย อาจจะต่างกันเพียง 700-800 บาท แล้วแต่รุ่นและ ยี่ห้อ แต่ในการเปลี่ยนยาง คุรต้องเปลี่ยนทั้งหมด 4 เส้น ทำให้ มันอาจจะแตกต่างกันถึง 3,000-4,000 บาท ต่อครั้งเลยทีเดียว และอาจมากกว่าใน ในบรรดายางระดับไฮเอนด์

ความประหยัดที่แตกต่างกัน

ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยาง เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เท่านั้น ขนาดหน้ากว้างและขนาดล้อที่แตกต่างกัน ยังมีผล ถึงปัจจัยสำคัญ ถึงการตอบสนองของเครื่องยนต์ด้วย เช่น อัตราเร่ง , และสำคัญกว่านั้น อัตราประหยัด ที่คุณจะได้จากการขับขี่

ยกตัวอย่างเช่น ฮอนด้า จะเปิดเผยว่า อัตราประหยัดสูงสุดของ Honda CR-V e:hev สูงสุด อยุ่ที่ 20.8 ก.ม./ลิตร แต่ ถ้าดูตรง เครื่องหมายดอกจันทร์ ก็จะเปิดเผยว่า รุ่นที่ทำได้ตัวเลขนี้ คือ Honda CR-V e:hev ES ขับเคลื่อนสองล้อ ขณะที่ รุ่นยอดนิยม Honda CR-V e:hev RS ที่มาพร้อมล้อขนาด 18 นิ้ว รวมถึงยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาด้วย จะทำอัตราประหยัดได้เพียง 19.2 ก.ม./ลิตร จากการทดสอบผ่านห้องปฏิบัติการณ์ UN R101

แม้ว่า ในความจริง จะมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นผล ทำให้รถประหยัดน้ำมันแตกต่างกันไป แต่ก็เป็นที่ยอมรับ อย่างกว้างขวางว่า ขนาดหน้าสัมผัสยาง หรือ หน้ากว้างยาง มีผลต่อการขับขี่ด้วยส่วนหนึ่ง

ถึงความแตกต่าง จะฟังดูน้อยนิดมาก เพียง 1.6 ก.ม./ลิตร ที่แตกต่างกัน แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเราเอา ปริมาณน้ำมันทีเราใช้ต่อถัง มาคูณเข้าไป เช่น ถัง 47 ลิตร ใช้ได้จริง 40 ลิตร X 1.6 = 64 กิโลเมตร ต่อถัง

แล้วนี่เป็นเพียงการประมาณในเบื้องต้น ในการใช้งานจริง ความแตกต่างนี้ อาจจะมากกว่านี้ โดยเฉพาะ ทุกวันนี้ ราคาน้ำมันค่อนข้างแพงเอาเรื่องอยู่พอสมควร

มันไม่เหมาะสม กับรถบางแบบ

นอกจานี้ เราต้องพูดกันอย่างเปิดอกว่า ล้อใหญ่ ยางใหญ่ ไม่ได้เหมาะกับรถทุกรุ่นทุกแบบ อย่างที่หลายคนเข้าใจนัก

โดยเฉพาะ ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ และรถกระบะ ที่ต้องขับในเส้นทางสมบุกสมบัน รถแบบนี้อาจไม่เหมาะตอบโจทย์

ข้อดีของล้อใหญ่ พร้อมยางแก้มบาง อยู่ที่ความมั่นคงในการขับขี่ และความสวยงาม

แต่ในรถที่ต้องลุยสมบุกสมบัน พวกมันต้องการล้อที่มีความหนาของช่วงแก้ม เพื่อซับแรงสะเทิอนกระแทกจากถนน เป็นปราการด่านแรก ก่อนส่งแรงเข้าสู่ระบบกันสะเทือน ยิ่งยางแก้มสูง ยิ่งลดแรงสั่นสะเทือนได้มาก โดยไม่ต้องพึ่งการทำงานของระบบช่วงล่าง

Ford Ranger V6 เป็นรถกระบะ รุ่นแรกที่มาพร้อมล้อ 20 นิ้ว ด้วยเหตุผลในการรับแรงบิด และ ความสวยงาม

รถกระบะ หรือรถสายลุย จำเป็น และสมควร ต้องใช้ยางแก้มสูง เพื่อทำให้การโดยสารสบายสูงสุดในทางสมบุกสมบัน หรือแม้แต่ในถนนปกติธรรมดา ด้วยโครงสร้าง Body On Frame ทำให้ล่องใหญ่ ยางแก้มเตี้ย สร้างผลกระทบ ต่อความสบายในการโดยสารมากพอสมควร

เช่นกัน มันยังลดปัญหายางได้รับความเสียหาย เมื่อขับผ่านทางลุยต่างได้ดี

รถกลุ่มนี้ จึงไม่สมควร หรือจำเป็นจะต้องติดตั้งล้อขนาดใหญ่ และยางแก้มบาง เพื่อเอาใจลูกค้า ที่มองถึงแต่ความสวยงาม เนื่องจากเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ ทั้งที่ในการใช้งานจริง อาจมีปัญหา โดยเฉพาะ คนที่ใช้รถในทางสมบุกสมบันมาเสมอ

วันนี้เราต้องยอมรับว่า ล้อใหญ่ยางแก้มเตี้ย กำลังมาแรงเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่ชืื่นชอบ เป็นปลื้มอย่างมาก แต่ เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า พวกมันมีข้อเสียมากมาย เช่นกัน อาทิ ราคายางแพง, มีผลกระทบ ต่ออัตราประหยัด และยังต้องระมัดระวังในการใช้งานอย่างมาก

ทั้งหมดนั้น ไม่มีใครมาบอกคุณหรอก จนกว่าจะรู้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจงเลือกที่เหมาะกับเรา ความสวยงามมันอาจเป็นสิ่งที่สัมผัสได้งาาน แต่การใช้งานได้จริง โดยไร้ปัญหา และกังวลใจ ก็สำคัญ​ไม่แพ้กันครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.