แม้ Mercedes-EQ จะเกิดขึ้นมาได้พักใหญ่ แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเรากลับไม่เคยเห็นทางค่ายอัพเกรดพวกมันให้กลายเป็นรถยนต์ตระกูล Maybach เลยสักครั้ง จนกระทั่งการมาของ Mercedes-Maybach EQS 680 SUV คันนี้
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ Mercedes-EQ ที่พวกเขาตัดสินใจนำมันมาอัพเกรดและทำเป็นรถยนต์ตระกูลหรู Maybach ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องได้รับการปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนหลายๆจุด เพื่อให้มันดูพรีเมียมที่สุดเท่าที่ค่ายจะทำให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟหน้า DIGITAL LIGHT สามารถปรับความสว่างได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมและการจราจร มาพร้อมการติดตั้งระบบประตูแบบ Soft Close พร้อมประตูไฟฟ้า Electric Door ทั้ง 4 บาน
และเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมระบบ KEYLESS-GO Convenience Package Plus สามารถเปิด-ปิดและควบคุมประตูได้ทั้งบานคู่หน้าและคู่หลัง โดยประตูไฟฟ้าสามารถทำงานได้แม้อยู่บนทางลาดชัน และทำงานร่วมกับระบบแจ้งเตือนอันตรายก่อนการเปิด-ปิดประตูรถ ทั้งยังมาพร้อม Rear axle steering 10° โดยที่ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้มากถึง 10° ช่วยให้การขับขี่คล่องตัวและเลี้ยวได้อย่างง่ายดายแม้ในพื้นที่แคบ แม้ล้อที่ติดรถมา จะเป็นล้อลายพิเศษเฉพาะรุ่นขนาด 22 นิ้ว รัดด้วยยางหน้ากว้าง 275/40 R22 ก็ตาม
ภายในห้องโดยสาร ตื่นตาตื่นใจด้วยจอ MBUX Hyperscreen ยาวต่อเนื่องกันถึง 56 นิ้วซึ่งออกแบบตามแนวคิด Zero Layer concept พร้อมกระจกป้องกันรอยขีดข่วนคุณภาพสูง Gorilla® Glass แผ่นเดียวต่อเนื่องตลอดทั้งหน้าจอ โดยแบ่งการใช้งานเป็น 3 ส่วน ได้แก่ หน้าจอ Driver Display แบบ LED matrix backlighting ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอ Central Display แบบ OLED ขนาด 17.7 นิ้ว และ หน้าจอ Co-driver Display แบบ OLED ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งแสดงผลได้คมชัดยิ่งขึ้นผู้โดยสารสามารถใช้หน้าจอ Co-driver Display ในการช่วยเหลือผู้ขับขี่ โดยสามารถตั้งค่า ตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของรถ ค้นหาแผนที่ และใช้งานสื่อบันเทิงได้โดยไม่รบกวนผู้ขับขี่ ผสานการทำงานกับระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชันที่ 2 ภายใต้ระบบ NTG7 ที่รองรับคำสั่งเสียงได้มากถึง 27 ภาษา
กลับมาที่ความสะดวกสบายในการโดยสาร ด้านหน้าผู้ขับจะพบกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Exclusive Nappa Leather พร้อมเบาะนั่งพิเศษ Active Multi-Contour ที่มีระบบนวดกว่า 10 โปรแกรม แบบ ENERGIZING massage function และระบบปรับอุณหภูมิเบาะแบบ Climate seats ได้ทั้งแบบอุ่นและแบบเย็น ทั้งยังมีระบบกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบฟอกอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL พร้อม HEPA FILTER ผสานการทำงานร่วมกับ AIR BALANCE PACKAGE ในการมอบบรรยากาศที่สดชื่นรอบห้องโดยสาร
ฟีเจอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ก็เป็นอีกสิ่งที่ Maybach ให้ความสำคัญ หรือเผลอๆอาจให้ความสำคัญมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ด้วยชุดเบาะนั่งแบบแยกโซน มีคอนโซลกลางกั้นพื้นที่ชัดเจน พร้อมระบบนวดและที่รองน่อง แถมยังมีหมอนรองคอแยกมาให้อีก นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งตู้เย็นบริเวณด้านหลังที่เท้าแขนของผู้โดยสารตอนหลัง ความจุ 10 ลิตร พร้อมปุ่มควบคุมอุณหภูมิ (+7°C ถึง +1°C) ออกแบบพิเศษสำหรับแช่แชมเปญได้ 2 ขวด พร้อมที่วางแก้วแชมเปญสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ในส่วนลูกเล่นเพื่อความบันเทิงและการสั่งการระบบต่างๆของตัวรถ จะเริ่มจากการให้ MBUX rear tablet หน้าจอขนาด 7.4 นิ้ว แบบ HD-resolution Display ที่สามารถสลับการใช้งานได้ระหว่าง MBUX และ Android โดยแท็บเล็ตจะเชื่อมต่อและควบคุมหน้าจอต่าง ๆ ภายในรถผ่านสัญญาณ Wi-Fi สามารถควบคุมการเปิด-ปิดม่าน ระบบปรับอากาศ ระบบ Climate seat และระบบนวดสำหรับที่นั่งตอนหลังได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแบบ MBUX High-End Rear Seat Entertainment จำนวน 2 หน้าจอ ขนาด 11.6 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัสแบบ Multi-touch ที่ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์หรือ YouTube ได้อย่างง่ายดาย สามารถเล่นเสียงผ่านเครื่องเสียงภายในรถ หรือผ่านหูฟังแบบ Bluetooth Audio พร้อมรองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงแบบ Mini HDMI
โดยชุดหน้าจอทั้งหมด จะทำงานร่วมกับระบบเสียง Burmester® 4D surround sound system ด้วยลำโพงคุณภาพสูงกว่า 15 ตัว แบบ Premium Speakers ติดตั้ง Amplifier Channels ให้กำลังขับสูงสุด 790 วัตต์ พร้อมระบบกระจายเสียง Dolby Atmos® และหูฟังไร้สายความละเอียดสูง พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancellation ที่จะมอบประสบการณ์เสียงคุณภาพรอบทิศทาง
รถยนต์คันนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัย Assistance Package อย่างครบครัน อาทิ ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) Active Steering Assist ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และ Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน 360° ฯลฯ
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV รถยนต์ไฟฟ้า BEV (Battery electric vehicle) รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Mercedes-Maybach มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกติดตั้งบริเวณเพลาขับหน้าและหลัง ทำงานร่วมกันในลักษณะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ fully-variable 4MATIC+ all-wheel drive และให้กำลังรวมกันสูงสุดถึง 658 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.4 วินาที และความสามารถในการทำความเร็วสูงสุดที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบ High-voltage ชนิด Lithium-ion ที่มีความจุมากถึง 118.0 kWh สามารถวิ่งได้ไกลถึง 560-608 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (WLTP) รองรับกำลังไฟในการชาร์จด้วยระบบ DC สูงสุด 200 kW ซึ่งช่วยให้มันสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ภายในเวลา 31 นาที
ขณะที่การชาร์จไฟด้วยระบบไฟแบบ AC จะรองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 22 kW และจะใช้เวลาในการชาร์จแบตฯจาก 0-100% ในเวลา 6.25 ชั่วโมง
โดยตัวรถรุ่นนี้ พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 12,500,000 บาท และมีสีตัวถังให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้ง Non-Metallic Paints ที่มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Black) และสีขาว (Polar White), มีสี Metallic Paints ให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีดำ (Obsidian Black) สีน้ำตาล (Velvet Brown) สีน้ำเงิน (Sodalite Blue) สีเงิน (High-tech Silver) สีเขียว (Emerald Green) และสีเทา (Selenite Grey), ส่วน MANUFAKTUR Paints Finish ก็ยังมีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid)
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือก Optional Extra เป็นสีทูโทน อาทิ Selenite Grey/Obsidian Black, Nautic Blue/High-tech Silver, Obsidian Black/High-tech Silver, MANUFAKTUR Kalahari Gold Metallic/Obsidian Black และ Onyx Black/Satin Brown เป็นต้น