ตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กในปัจจุบัน นับวันก็ดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากชาวโลกมากขึ้นเรื่อยๆ และทาง KIA ก็ไม่รอช้า ตัดสินใจร่วมตลาดนี้ด้วยเช่นกัน กับการส่ง KIA Syros ลงลุยตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการแข่งขันรถยนต์ในกลุ่มนี้สูงมาก
KIA Syros มาพร้อมขนาดตัวถังด้านยาว 3,995 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง 1,800 มิลลิเมตร, และด้านสูง 1,665 มิลลิเมตร รวมถึงระยะฐานล้ออีก 2,550 มิลลิเมตร ซึ่งตัวเลขทั้งหมดนั้น อยู่ในระดับคั่นกลางระหว่างสองพี่น้อง Honda WR-V และ Honda HR-V พอดิบพอดีเลยทีเดียว
ส่วนงานออกแบบภายนอกตัวรถ จะยังคงเน้นความเหลี่ยมสัน และใช้เส้นสายที่ใกล้เคียงกับทั้ง KIA EV9 / EV5 ไม่ว่าจะทั้งในส่วนกันชนหน้า, กรอบไฟหน้า, กรอบกระจกด้านข้าง, หรือแม้แต่สันไหล่ตัวถัง และกรอบฝาท้ายทั้งหมด ก็ล้วนเป็นการผสมผสานมาจากรถอเนกประสงค์รุ่นพี่ขุมกำลังไฟฟ้าทั้งหมด
ภายในห้องโดยสารเน้นงานออกแบบทันสมัย สะอาดตาด้วยแผงช่องแอร์แบบเส้นตรง คาดยาวตลอดแนวคอนโซล แต่ไม่ถึงกับเป็นสไตล์มินิมอล อาจจะด้วยความที่คนอินเดียยังต้องการใช้งานปุ่มกดแบบ Physical มากกว่า จึงทำให้คอนโซลหน้าของมันยังคงมาพร้อมกับแผงปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ระบบปรับอากาศ และอื่นๆอีกเล็กน้อยอยู่
ส่วนตัวชุดหน้าจออินโฟเทนเมนท์ ก็มีขนาดที่ 12.3 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto โดยจะติดตั้งเป็นแผงชุดเดียวกันกับจอแสดงผลข้อมูลตัวรถแบบ Full-Digital TFT ขนาดเดียวกัน แต่จะคั่นกลางด้วยจอแสดงผลข้อมูลระบบปรับอากาศขนาด 5 นิ้ว ก็เท่านั้น
ด้านออพชันอื่นๆภายในห้องโดยสาร ก็จะมีทั้งชุดกระจกหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, ระบบไฟแวดล้อม 64 เฉดสี, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง, ระบบลำโพงจาก Harman Kardon 8 ตำแหน่ง, แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย และยังมีระบบ ADAS มาให้ปรับใช้อีก 16 ฟังก์ชัน พร้อมโหมดการขับขี่อัตโนมัติระดับ 2
ด้านโครงสร้างตัวรถ จะใช้พื้นฐานแพลตฟอร์มร่วม “K1 Architecture” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ Hyundai บริษัทคู่แข่งแต่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันใช้ใน Hyundai Casper / Inster แต่ด้วยความที่เจ้า Syros เน้นหนักไปที่ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารมากกว่า จึงทำให้มันต้องมากับระยะฐานล้อที่ยาวกว่า และยังถูกปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ เพื่อความผ่อนคลายในห้องโดยสารที่มากกว่านั่นเอง
ขุมกำลังตัวรถ มีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 120 PS และแรงบิดสูงสุด 172 นิวตันเมตร กับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ กำลังสูงสุด 116 PS และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร โดยกำลังทั้งหมดของขุมกำลังทั้งสองแบบ จะถูกส่งไปขับเคลื่อนล้อหน้า ผ่านระบบส่งกำลังที่มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา
ทั้งนี้ เนื่องจากกำหนดการวางจำหน่ายที่แท้จริงของตัวรถรุ่นนี้ คือภายในช่วงต้นปี 2025 จึงทำให้การเผยโฉมตัวรถครั้งนี้ ทางค่ายยังไม่ได้มีการเผยรายละเอียดราคาของมันออกมา แต่ก็คาดว่าจะไม่ได้หนีไปจากคู่แข่งอื่นๆในตลาดอินเดียมากนัก ส่วนมันมีโอกาสจะถูกนำมาทำตลาดในประเทศไทยของเราด้วยหรือไม่นั้น ก็ยังค้องรอติดตามดูกันต่อไป