หลังการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศจีน ด้วยชื่อ Mazda EZ-6 ในที่สุดตัวรถรุ่นนี้ก็พร้อมแล้วที่จะลุยตลาดยุโรป โดยเปลี่ยนไปใช้ชื่อ Mazda 6e EV แทน

Mazda 6e EV ถูกนับได้ว่าเป็นรถยนต์ซีดานไฟฟ้าคันแรก ที่ทางค่ายตัดสินใจนำมันไปทำตลาดในทวีปยุโรป ซึ่งหากว่ากันตามจริงในด้านรายละเอียดตัวรถแล้ว มันก็คือตัวรถ EZ-6 ที่ถูกนำมาเปลี่ยนชื่อสำหรับการทำตลาดใหม่เท่านั้น

นั่นจึงหมายความว่าในภาพรวม มันก็ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของทาง Mazda ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้แพลตฟอร์มร่วมกับรถยนต์ของ Changan อย่าง Deepal L07 ดังที่เห็นได้จากทรวดทรงตัวถัง และแนวกรอบหลังคาที่อาจจะดูคุ้นตา แต่ก็นับว่าเป็นการหยิบเอาเส้นสายมาใช้งานกันต่อได้อย่างลงตัว

และเพื่อไม่ให้มันดูคล้ายกับตัวรถที่เหมือนจะเป็นร่างต้นมากเกินไป ทาง Mazda จึงได้มีการใช้งานออกแบบช่วงหน้าตัวรถใหม่ตามฉบับของตนเอง โดยแม้มันจะยังคงมีไฟ DRL แบบแยกส่วนจากชุดไฟหน้า LED คล้ายรถของ Deepal แต่ชิ้นส่วนชุดกระจังหน้าจะใช้งานออกแบบแบบ Kodo Design อันเป็นเอกลักษณ์ และเสริมความทันสมัยด้วยกรอบไฟ LED ดังเดิม เช่นเดียวกับไฟท้ายที่ใช้ดวงไฟแบบโดนัท แถมยังมีการเพิ่มสปอยเลอร์หลังแบบพับเก็บไฟฟ้า ซึ่งจะออกแบบให้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งกับช่วงบนของฝากระโปรงท้ายอย่างเรียบเนียน

งานออกแบบภายใน แน่นอนว่า ก็จะมาพร้อมกับการจัดสัดส่วนตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆจะดูใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าของ Deepal แถมตัวหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ตรงกลาง ยังเป็นขนาด 14.6 นิ้ว ซึ่งยกมาจาก L07 เช่นกัน แต่ในส่วนหน้าตาพวงมาลัย กับกรอบช่องแอร์ ยังคงมีความเป็น Mazda ติดตัวมาอย่างชัดเจน และเพื่อความหรูหรา ทันสมัย คอนโซลกลางที่ให้มา จึงเป็นแบบ Dual Layer หุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล เช่นเดียวกับช่วงครึ่งล่างของคอนโซลหน้า

และในฝั่งเบาะนั่งโดยสารทั้งหมด ก็มีการหุ้มด้วยหนัง Nappa เจาะรูอย่างดี โดยที่หัวหมอนของชุดเบาะโดยสารคู่หน้า ก็ดูเหมือนว่าจะมีการฝังลำโพงเอาไว้ด้วย เพื่อสุนทรียภาพในการฟังเพลง และยังมีการให้เบาะรองน่องทางด้านล่าง กับหลังคากระจกทั้งแนวหลังคาอีก

ด้านขุมกำลังตัวรถ จะมีให้เลือกเฉพาะขุมกำลังไฟฟ้าล้วนเท่านั้น โดยทาง Mazda เลือกวางจำหน่ายรถ Mazda 6e ด้วย 2 ออพชัน คือ รุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 68.8 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 483 กิโลเมตร/ชาร์จ และมีความสามารถในการชาร์จไฟด้วยกำลังสูงสุด 200 kW ใช้เวลาในการชาร์จไฟจาก 10-80% ในเวลา 22 นาที หรือชาร์จไฟสำหรับการวิ่งเป็นระยะทาง 233 กิโลเมตร ในเวลา 15 นาที ซึ่งมันจะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 258 PS สำหรับขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วยให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 7.6 วินาที

ส่วนตัวรถอีกรุ่น จะได้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 80 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 555 กิโลเมตร/ชาร์จ และสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ ภายใน 45 นาที ด้วยกำลังไฟสูงสุด 200 kW เช่นกัน แต่จะจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังน้อยลง เหลือ 244 PS เพื่อการทำอัตราสิ้นเปลืองพลังงานที่ดีกว่านั่นเอง

ทั้งนี้ กำหนดการวางขายจริงของ Mazda 6e จะเกิดขึ้นในยุโรปช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ดังนั้นในตอนนี้จึงยังไม่มีการประกาศราคาออกมา แต่ก็นับว่า น่าจับตามองมากเลยทีเดียว ว่ามันจะมีตัวเลขน่าสนใจสักแค่ไหนกัน