ด้วยการแข่งขันในตลาดรถสกู๊ตเตอร์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก ทำให้ไม่แปลกนักที่ 2025 Yamaha Xmax TechMax+ จะได้รับการปรับโฉมใหม่อีกครั้งในปีนี้ แม้มันจะพึ่งถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ไปได้เพียง 2 ปีนิดๆเท่านั้น
2025 Yamaha Xmax TechMax+ มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ตามจุดเล็กๆต่างๆของตัวรถ เพื่อให้มันมีความครบสมบูรณ์ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบครันมากขึ้น โดยในคราวนี้จะเริ่มกันตั้งแต่ การปรับเปลี่ยนชุดแฟริ่งช่วงหัวรถใหม่ ซึ่งอยู่บริเวณเหนือดวงไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ให้มีความหนา และนูนออกมาเด่นชัดมากขึ้น
ซึ่งเหตุผลก็เพื่อให้มันรับกับแนวของชิวหน้าและช่วยปิดลมที่ช้อนเข้าใต้แนวชิลด์หน้าได้ดียิ่งขึ้น โดยเจ้าชิลด์หน้าที่ว่านี้ ยังมาพร้อมกับระบบปรับระดับสูง-ต่ำด้วยไฟฟ้าแล้วสักที ด้วยระยะปรับตั้ง 95 มิลลิเมตร หลังจากที่ปล่อยให้คู่แข่งใช้ไปล่วงหน้าตั้งแต่ก่อน 4 โฉมก่อนแล้ว
และนอกจากชิ้นแฟริ่งหัวรถเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ชิ้นแฟริ่งกรอบไฟเลี้ยวคู่หน้าที่อยู่ข้างชิลด์หน้าเอง ก็มีการเพิ่มความสูงให้มากขึ้น เพื่อการตัดลมออกจากตัวผู้ขี่ที่ดีกว่าเดิม
ส่วนปลายท่อไอเสียก็มีการปรับงานออกแบบใหม่ โดยเปลี่ยนจากท่อทรงแบนสูงหนา ที่ลากใช้มาตั้งแต่ Xmax 300 เจเนอเรชันแรก ให้เป็นแบบท่อกลม ยาว พร้อมการ์ดกันความร้อนแบบใหม่ ที่ทำให้มันดูสวยงาม ทันสมัยยิ่งขึ้น และยังมีการปรับงานออกแบบสวิงอาร์มหลังใหม่ เพื่อให้รับกับดีไซน์ท่อที่เปลี่ยนไป รวมถึงเป็นการลดน้ำหนักใต้สปริงด้วยไปในตัว
อีกสิ่งที่เปลี่ยนไป คือการเปลี่ยนงานออกแบบชุดจอใหม่ โดยจากเดิมที่เคยเป็นจอ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว สำหรับแสดงผลรอบเครื่องยนต์, ระบบ GPS นำทางจาก Garmin, ระบบแจ้งเตือนสายโทรเข้า-ออก, ฯลฯ แยกกับจอ LCD ขนาด 2.8 นิ้ว สำหรับแสดงผลระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทาง ODO Meter, และความเร็ว โดยแบ่งกันเป็นจอด้านล่าง กับจอด้านบนตามลำดับ
คราวนี้ชุดจอทั้งสอง จะถูกปรับ และขยับให้มาอยู่ในกรอบเดียวกัน แบ่งเป็นจอขวา และจอซ้ายตามลำดับ และยังคงมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบครันดังเดิม แต่เพิ่มเติมคือความสะดวกในการมองข้อมูลต่างๆของผู้ใช้ที่ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องกลอกตาขึ้น-ลงไปๆมาๆอีกต่อไป
ส่วนสิ่งที่ปรับไปเป็นอย่างสุดท้าย คือระบบ TCS หรือระบบป้องกันล้อหลังลื่นไถลเวลาเปิดคันเร่ง ที่ได้ถูกปรับจูนการทำงานใหม่ ให้สามารถทำงานได้อย่างถูกจังหวะ และเรียบเนียนยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ได้อีกมากเลยทีเดียว
นอกนั้นด้วยความเป็นรถตระกูล TechMax มันจึงมาพร้อมกับลูกเล่นเสริมยิบย่อยอื่นๆอีกมากมาย ทั้ง เอมเบลมประจำรุ่นตามจุดต่างๆของตัวรถ, เบาะนั่งแบบพิเศษนั่งกระชับกว่าเบาะรุ่นปกติ, ระบบเบาะอุ่นก้นและแฮนด์อุ่นมือ, กระจกมองข้างก้านอลูมิเนียมสวยงาม, ตุ้มปลายแฮนด์กัดลาย, และ เพลทอลูมิเนียมรองเท้า เป็นต้น
ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของตัวรถยังคงเดิมแทบทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของระบบกันสะเทือน ที่ยังคงเป็นแบบโช้กอัพตะเกียบคู่หัวตั้งด้านหน้า ส่วนด้านหลังโช้กคู่ทำงานร่วมสวิงอาร์มแบบ Unit-Swing, ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์เดี่ยว 267 มิลลิเมตร ทำงานร่วมโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 2 พอท – ด้านหลังดิสก์เดี่ยว 245 มิลลิเมตร ทำงานร่วมโฟรทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 1 พอท, และใช้ชุดล้ออัลลอยด์ รัดด้วยยางขนาด 120/70-15 กับ 140/70-14 ตามลำดับหน้า-หลัง
แม้กระทั่งเครื่องยนต์ ที่ได้รับการปรับจูนใหม่จนผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro5+ ก็ยังคงเป็นแบบสูบเดียว SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีความจุเท่าเดิม ที่ 292cc พร้อมความสามารถในการเรียกกำลังสูงสุดที่ 28 แรงม้า PS ที่ 7,250 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 29 นิวตันเมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT เพื่อให้ล้อหลังช่วยขับเคลื่อนน้ำหนักตัวรวมของเหลวพร้อมขี่ 183 กิโลกรัม ดังเดิม
ทั้งนี้ สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย คาดว่าทาง Yamaha ประเทศไทย จะมีการเปิดตัว Xmax 2025 ภายในช่วงไม่เกินกลางปีนี้ ส่วนมันจะเป็นการเปิดตัวรถพร้อมสเป็คเต็มทุกระเบียดนิ้ว ในแบบที่รถ Xmax TechMax+ เป็นข้างต้น หรือจะเป็นเพียง Xmax 300 สเป็คลูกครึ่งเกือบเต็มเหมือนในโฉมที่แล้วมา ก็ยังต้องรอลุ้นกันต่อไป