Kia AD

Home » เกียร์ CVT พังง่ายกว่า เกียร์ออโต้ ปกติ จริงหรือเปล่า

Kia AD

Suzuki AD

ข่าวสารยานยนต์

เกียร์ CVT พังง่ายกว่า เกียร์ออโต้ ปกติ จริงหรือเปล่า

ทุกวันนี้ รถยนต์สมัยใหม่ หลายรุ่นนิยมแนะนำระบบเกียร์ CVT หลายรุ่น ด้วยข้อดีต่างๆ รอบด้าน โดยเฉพาะด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม และ ความประหยัดน้ำมันจนเป็นมาตรฐานใหม่ ในวันนี้

มีเรื่องหนึ่งที่ผม มักได้ยินจากคนที่ใช้รถเกียร์ CVT มักกังวล ต่อเรื่องความทนทานในการใช้งานระยะยาว โดยเฉพาะความคิดว่า มันจะพังง่ายกว่า เกียร์ออโต้ดั้งเดิม ทำให้หลายคนพยายามเลี่ยง หรือเลือกรถที่มีระบบเกียร์อื่นๆ เป็นทางเลือก

หลักการทำงานของ CVT

สาเหตุหนึ่งมที่คนไทย จำนวนมาก เชื่อว่า CVT ทนทานน้อยกว่า เกียร์ออโต้ ปกติ ก็มาจากหลักการทำงานจองมัน นั่นเอง

ชุดเกียร์ CVT สมัยใหม่ที่นิยมในวันนี้ ส่วนใหญ่ เป็นระบบสายพาน แล้วใช้ ลูกรอก 2 ตัว เป็นตัวแปรในการทำงาน สร้างอัตราทดเสมือนขึ้นมา และอัตราทดนี้จะปรับไปอย่างต่อเนื่อง ตามจังหวะของลูกรอก และสายพาน ตามโปรแกรมเกียร์ที่วางเอาไว้

โดนที่การส่งกำลังยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม เรียกการทดแบบนี้ ว่า Continious Variable Transmission นั่นเอง

และด้านการใช้สายพานนี่แหละ ทำให้หลายคน กังวลว่า มันจะพังง่ายในระยะยาว โดยเฉพาะชุดเกียร์ที่เป็นสายพาน ผิดกับ เกียร์ออโต้ทั่วไป จะเป็นชุดเฟือง ซึ่งมีความทนทานต่อแรงบิดมากกว่า ในการใช้งาน

อะไรเสี่ยงทำให้ CVT พัง

แม้ว่าสานพาน อาจจะดูเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ​ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ทำให้ CVT พินาศ คาบาทา จากที่เราเห้นกันมาหลายต่อหลายรอบ โดยเกือบทั้งหมด แทบจะอยู่ที่การใช้งานทั้งนั้น ปัจจัยเสี่ยง ทำให้ ระบบเกียร์แบบนี้กลับบ้านเก่ามีมากมาย ได้แก่

1.สภาพน้ำมันเกียร์ น้ำมันเกียร์ CVT เป็นหัวใจสำคัญ​ เพราะตัวลูกรอก และสายพาน จะแช่อยู่ในน้ำมันเกียร์ในระหว่างการทำงาน เมทื่อเราใช้งานไปนานๆ ความร้อนสะสม จะทำให้น้ำมันขุ่นขึ้น มีครายตะกรัน จากการใช้งานต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการขับขี่ โดยเฉพาะ อาการเกียร์สะดุด เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด

ตามปกติแล้ว น้ำมันเกียร์ควรถ่ายทุกๆ 40,000 กิโลเมตร และไม่ควรเกินไปจากนี้ แต่ถ้าคุณขับรถแรงๆ บ่อยๆ การถ่ายน้ำมันเกียร์เร็วกว่านั้น อาจจะเป็นเรื่องที่จำเป็นครับ

2.พฤติกรรมการใช้งาน ที่จริงประเด็นหลักที่ เกียร์ CVT พัง โดยมากก็มาจากการใช้งาน ระบบเกียร์แบบนี้ไม่เหมาะ ต่อการใช้งานบางประเภท เช่น บรรทุกหนักเกินไป​, ลากจูงสิ่งของ

แม้แต่กระทั่ง การขับขี่ที่ต้องกระแทกคันเร่ง หรือ เร่งเครื่องบ่อยๆ ขับขี่ด้วยความเร็ว นานๆ ไม่ใช่พฤติกรรมที่เหมาะสำหรับการใช้งานระบบ เกียร์ CVT

เนื่องจาก ส่วนที่ต้องรับภาระหนัก คือ ลูกรอกและสายพาน เมื่อมีโหลดมาก โอกาส ที่มันจะพังกฌมีมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ เราจะพบว่า รถยนต์ที่มีกำลังขับสูง (แรงบิดสูง) มักไม่นิยมใช้ ระบบเกียร์แบบนี้ เนื่องจากสุ่มเสี่ยงเกียร์จะลากลับโรงงานมากกว่า

3.ภาระความร้อนสูงเกินไป เรื่องนี้ เป็นประเด็น และเกี่ยวข้งกับการใช้งานรถยนต์ในไทย โดยตรง ความร้อนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเสื่อมสภาพ ทั้งอุปกรณ์ และ น้ำมันเกียร์

ความร้อนสะสมในเกียร์ ยิ่งสูง ยิ่งทำให้กาาเสื่อสภาพ ทวีมากขึ้นตามลำดับ และ ส่งผลต่อการใช้งานระยะยาว

ทางเลือกหนึ่งที่คนจำนวนมากนิยม คือการติดตั้ง ระบบระบบายความร้อนน้ำมันเกียร์แยก เพิ่มเติมจากที่มีมาให้จากทางโรงงาน

แม้ว่า จะยังไม่มีใครเคยเก็บข้อมูลว่า มันช่วยยืดอายุเกียร์มากน้อยแค่ไหน แต่ก็เป็นที่นิยม ขอคนที่ต้องการดูแลรถและใช้งานในระยะยาว ครับ

อาการที่มักบ่งบอกเกียร์พัง

อย่างไรก็ดี ,​อาการที่มักบ่งบอกถึงปัญหาในเกียร์ CVT จะพบได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก อาการต่อเกียร์เริ่มีการกระตุกไม่ราบเรียบ จะเป็นตัวบ่งชี้แรกๆ

ต่อมา ชุดเกียร์ จะเริ่มมีอาการกินรอบเครื่อง ต้องใช้คันเร่ง หรือ รอบเครื่องยนต์หนักขึ้น เพื่อใช้กำลังเท่าเดิม อาการนี้อาจเกิดจากการลื่นของชุดสายพานและลูกรอก สมควรหาผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน

ในกรณี ร้ายสุด อาจจะมีเสียงจากการทำงาน ซึ่ง ถ้ามีเสียง หมายถึงอีกไม่นาน ชุดเกียร์ น่าจะลาโลกแน่ โดยมาก อาจะเกิดรอย ที่ลูกรอก และชุดเกียร์เองก้ยังพยายามฝืนทำงาน ซึ่งตามปกติ เสียงการทำงานไม่ควรชัดมาก เนื่องจการะบบทำงานในน้ำมัน ถ้าได้ยินเสียงจากการทำงาน แสดงว่า อาการไม่ปกติ

ท้ายสุด เกียร์ CVT พังงานไหม ตอบว่า ไม่ง่าย แต่ถ้าเทียบความถึก ของเกียร์ออโต้ ที่เราคุ้นเคย มันอาจไม่สมบุกสมบัน ทนทานมากเท่า แต่ กับการใช้งานรถทั่วไป เช่น รถขับเดินทางใช้ความเร็วคงที่ , รถเครื่องเล็กแรงบิดไม่สุง ภาวะโหลดไม่เยอะ

ระบบนี้ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง ต่อการใช้งาน สำคัญที่สุดของเกียร์แบบนี้ คือ น้ำมันเกียร์ต้องเปลี่ยนถ่ายตรงเวลา และไม่ควรใช้น้ำมันเกียร์อื่นๆผสม ทางที่ดีที่สุด ใช้ของผู้ผลิต เพื่อความมั่นใจ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.