แม้ในไทย Honda Rebel อาจมียอดขายอยู่ในระดับทรงๆ แต่ในญี่ปุ่น มันกลับเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ขายดีที่สุดของค่ายในคลาสไม่เกิน 250cc และในปี 2025 นี้ พวกเขายังเสริมความน่าสนใจของมันเพิ่มอีกด้วยการใส่ระบบ E-Clutch เข้าไป
Honda Rebel 250 รุ่นปี 2025 ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ Honda โมเดลที่ 3 ที่ได้รับการติดตั้งระบบ Honda E-Clutch เข้าไปหลังจากที่ก่อนหน้านี้ มันถูกสงวนไว้ให้เฉพาะ Honda 650-Series ทั้ง CBR650R และ CB650R มาเป็นระยะเวลาปีกว่า
ซึ่งลักษณะกลไกของระบบ E-Clutch ที่อยู่ใน Rebel 250 ใหม่นี้ ก็มีหน้าตาและหลักการทำงานที่ไม่ต่างจากตอนที่มันอยู่ใน Honda 650 Series มากนัก นั่นคือจะเป็นระบบที่ใส่เข้ามาเพื่อคุมการทำงานของคลัทช์ด้วยตนเอง โดยอาศัยการทำงานของ เซนเซอร์คันเกียร์ (ชิฟท์เตอร์), กล่องประมวลผล, และมอเตอร์ 2 ตัว ที่ใช้คุมก้านกดคันเกียร์ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้งานกับระบบนี้เท่านั้น
เพื่อให้มันกลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องมากรอคลัทช์เพื่อออกตัว เข้าจอด หรือกำคลัทช์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง อีกต่อไป แล้วให้ผู้ขี่สนใจแค่เรื่องของการบิดคันเร่ง และต่อเกียร์เพียง 2 อย่างเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นลูกเล่นที่เหมาะมากสำหรับนักขี่มือใหม่ (อ่านบทความอธิบายกลไกและหลักการทำงานของระบบ Honda E-Clutch โดยละเอียดได้ที่นี่)
นอกจากการใส่ลูกเล่นที่เหมาะสำหรับนักขี่มือใหม่ หรือนักขี่มือเก๋ารักสบาย Honda Rebel 250 รุ่นล่าสุด ยังมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนบางรายการ อย่างการเปลี่ยนแฮนด์ใหม่ ให้แคบลง จาก 820 มิลลิเมตร เหลือ 810 มิลลิเมตร และปรับตำแหน่งใหม่อีกเล็กน้อย เพื่อความเป็นมิตรกับผู้ขี่ไซส์เล็กมากขึ้น
และเครื่องยนต์ที่แม้จะมีการติดตั้งระบบคลัทช์ไฟฟ้าเสริมเข้ามา รวมถึงได้รับการปรับจูนใหม่เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น จาก 33.7 กิโลเมตร/ลิตร เป็น 34.9 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน WMTC แต่ก็ยังคงเป็นเครื่องยนต์สูบเดียว DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 249cc ให้กำลังสูงสุด 26 PS ที่ 9,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 22 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ซึ่งอาจจะไม่ได้มากมายนัก แต่ก้เพียงพอแล้วสำหรับลักษณะการใช้งานของตัวรถ ที่เน้นการขี่ชิวๆหล่อๆตามสไตล์รถบ็อบเบอร์
ส่วนรายละเอียดจุดอื่นๆของตัวรถ ล้วนยังคงเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้าโคมกลม พร้อมดวงไฟ LED Projector 4 ดวงภายใน, ระบบไฟท้าย LED เช่นเดียวกับทั้งไฟเลี้ยวคู่หน้าและคู่หลัง, ถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาด 11 ลิตร, ชุดโครงเหล็กถัก, เบาะนั่งแบบแยกส่วนระหว่าง เบาะผู้ขี่ขนาดใหญ่ สูง 690 มิลลิเมตร และเบาะนั่งผู้ซ้อนขนาดเล็ก ที่อาจจะไม่ได้นั่งสบายมากนักในการเดินทางระยะยาวๆ
หรือหากเป็นตัวรถรุ่น S ก็จะได้ชุดเบาะนั่งคนขี่ลายพิเศษ, ชุดโม่งครอบไฟหน้า, ครอบแกนโช้กบน-ล่าง, กับการทำสีล้อหน้า-หลังเป็นสีทอง เพื่อบ่งบอกความพิเศษของตัวรถ
ระบบช่วงล่างเอง ก็ยังคงเป็นแบบโช้กตะเกียบคู่หัวตั้งทางด้านหน้า และโช้กคู่ทำงานร่วมสวิงอาร์มเหล็กแขนคู่ทางด้านหลัง, ระบบห้ามล้อแบบดิสก์เบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, ชุดล้ออัลลอยด์รัดด้วยยางขนาด 130/90-16 M/C 67H และ 150/80-16 M/C 71H ตามลำดับหน้า-หลัง
ส่วนการทำตลาดในไทยเอง ก็ต้องเรียนกันตามตรงว่าเป็นไปได้ยาก เพราะในไทยเราก็มีการทำตลาดคู่แฝดของมันอย่าง Honda Rebel 300 อยู่แล้ว แต่เนื่องจากอันที่จริง Rebel 250 ก็ใช้พื้นฐานชิ้นส่วนร่วมกันไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องยนต์ ดังนั้นการจะเอาระบบ E-Clutch มาใส่ใน Rebel 300 จึงไม่น่าใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก
และมีความเป็นไปได้สูงมากๆที่ทาง Thai Honda จะทำการวางจำหน่าย Rebel 300 รุ่นใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับระบบ E-Clutch ในเร็วนี้ๆด้วย ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจ ก็รอติดตามชมกันได้เลย
ข้อมูลจาก Honda.jp