เดิมที BMW M3 Touring ก็เป็นรถครอบครัว ที่พ่อบ้านหลายคนต่างก็ยอมรับในความซิ่งของมันอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนในสายตาของแบรนด์ จะยังคงมองว่ามันไม่พอ และเกิดไอเดียในการทำ “ร่าง CS” ขึ้นมา
2025 BMW M3 CS Touring คือรถพ่อบ้านซิ่งโมเดลใหม่ล่าสุดที่ทางค่ายทำขึ้นมา เพื่อยกระดับความแรงจากรหัส “Competition” ที่เปิดตัวเมื่อปีก่อน ให้กลายเป็น “Competition Sport” ตามคำเรียกร้องของลูกค้า หลังจากที่สงวนรหัสนี้ให้เฉพาะตัวรถร่างซีดานเท่านั้นมานานนม
และเช่นเดียวกับตัวรถ M3 CS ร่างซีดาน เจ้าตัวรถร่างเอสเตทคันนี้ ก็จะได้รับการปรับปรุง หรืออัพเกรดจากร่าง Competition ขึ้นมาอีกหลายจุด โดยเริ่มจาก การปรับจูนเทอร์โบทั้งสองตัวที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร ให้สามารถทำแรงดันได้มากขึ้นอีกราวๆ 2.1 บาร์ และปรับเปลี่ยนไส้ในเครื่องยนต์อีกหลายจุด ทั้งเพลาข้อเหวี่ยงฟอร์จน้ำหนักเบา, ฝาสูบ 3D Print, ท่อนล่างเสริมแกร่ง, ท่อไอเสียไทเทเนียมใหม่ ไล่เบา และมีประสิทธิภาพอว่าเดิม
จนมันสามารถทำแรงม้าได้มากขึ้นอีกราวๆ 20 แรงม้า จากรุ่นปี 2024 ขึ้นมาเป็น 550 แรงม้า PS ที่ 6,250 รอ/นาที โดยที่แรงบิดสูงสุดยังคงเท่าเดิมที่ 650 นิวตันเมตร ระหว่าง 2,750 – 5,950 รอบ/นาที และมีเรดไลน์สูงสุดที่ 7,200 รอบ/นาที
เมื่อรวมกับการปรับเซ็ทระบบคลัทช์ และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive พร้อมระบบ Active M Differential ใหม่ ทำให้ความนี้มันมีขีดความสามารถในการเรียกอัตราเร่ง จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 3.5 วินาที, 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 11.7 วินาที, 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 2.7 วินาที ด้วยเกียร์ 4 และ 3.5 วินาที ด้วยเกียร์ 5 ขณะที่ความเร็วสูงสุด ก็จะถูกจำกัดไว้ที่ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากการติดตั้งแพ็คเกจ M Driver มาให้ตั้งแต่ออกโรงงาน
นอกนั้นก็จะมีการปรับจูนระบบควบคุมช่วงล่างไฟฟ้าใหม่ และเพิ่มความแข็งแรงของชุดแพล่างหน้า-หลังใหม่ ให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบเบรกใหม่ โดยมีออพชันจานเบรกเซรามิคให้เลือกซื้อเพิ่ม และชุดล้ออัลลอยฟอร์จน้ำหนักเบาเอง ก็ยังรัดด้วยยางเกรดสนามมาตั้งแต่ออกโรงงาน โดยเป็นยางขนาด 275/35 ZR19 และ 285/30 ZR20 ตามลำดับหน้า-หลัง
ในส่วนงานออกแบบตัวรถ ภายนอกจะเน้นการติดตั้งชิ้นส่วนคาร์บอนเพิ่มเข้าไป เพื่อลดน้ำหนักตัวรถออกไปราวๆ 15 กิโลกรัมด้วยกัน ซึ่งจะประกอบไปด้วย ชุดฝากระโปรงหน้า, ลิปสปอยเลอร์หน้า, ช่องดักลมด้านหน้า, ฝาครอบกระจกมองข้าง, และดิฟฟิวเซอร์หลัง
นอกนั้นยังมีการปรับเปลี่ยนงานออกแบบกระจังหน้าใหม่เล็กน้อย พร้อมติดโลโก้ CS ลงไป, เพิ่มแถบไฟ DRL สีเหลืองเข้ามา ตามฉบับรถตระกูล CS และเพิ่มลิปสปอยเลอร์หลังเข้ามา ส่วนนอกนั้นจะล้วนเหมือนกับตัวรถรุ่น Competition ทั้งหมด
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร การตกแต่งแต่งโดยรวมจะยังคงคล้ายกับตัว Competition เช่นกัน แต่คราวนี้ มันจะได้รับการติดตั้งชุดเบาะนั่งหลังคาร์บอน พร้อมระบบปรับไฟฟ้า และการตกแต่งชิ้นส่วนต่างๆด้วยโลโก้ CS พร้อมเปลี่ยนพวงมาลัยให้เป็นแบบ D-Shape พร้อมหุ้มก้านด้วยหนังอัลคันทาร่าเข้าไป เพียงเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอ เพราะเดิมทีในตัวรถร่างต้นของมันก็ถูกตกแต่งด้วยชิ้นงานคาร์บอนซึ่งมากพอแล้ว
โดยเบื้องต้น ตอนนี้ตัวรถได้มีการประกาศวางจำหน่ายในหลายๆประเทศ ทั้ง ในโซนยุโรป, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, และเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมส่งมอบภายในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ แต่อาจจะมีโควต้าจำกันเพียงไม่กี่สิบคันเท่านั้น เหมือนที่ผ่านๆมาๆ และราคาจะถุกตั้งขายไว้เท่าไหร่ ก็ยังต้องรอติดตามดูกันต่อไป