แม้จะยังไม่แน่ชัดในเรื่องอนาคตของบริษัท ว่าพวกเขาจะสามารถไปต่อทท่ามกลางปัญหาวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นหรือไม่ ? แต่ทาทง Nisan ยังคงเดินหน้าสร้างความมั่นใจใหม่ๆให้กับสาวกต่อไป ด้วยการประกาศเตรียมเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ๆ ถึง 6 รุ่นด้วยกันในตลาดโลก
นอกจากการประกาศเตรียมเลย์ออฟพนักงานทั่วโลกชุดใหญ่เพื่อประหยัดเงินกว่า 87,340 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานและบริหารธุรกิจต่อไป ในงานแถลงข่าวรอบปิดปีงบประมาณ 2024 ทาง Nissan ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่าพวกเขามีแผนจะเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ๆในตลาดโลกที่หมด 6 รุ่นด้วยกันในระหว่างปีงบประมาณ 2025-2026
โดยหากไม่นับ Nissan N7 ที่ได้มีการชิงเปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เพื่อวางจำหน่ายในประเทศจีนโดยเฉพาะเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 ที่ผ่านมา และจะเริ่มขายจริงในปีนี้ ก็คือรถยนต์โมเดลใหม่ที่ถือเป็นรุ่นไฮไลท์สำคัญของแบรนด์ในปี 2025 อย่าง Nissan Rouge (หรือที่รู้จักในบ้านเราด้วยชื่อ X-Trail) รุ่นใหม่ ซึ่งมาพร้อมขุมกำลัง PHEV
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ จากภาพเงาของตัวรถที่ถูกขึ้นเอาไว้บนภาพประกอบคำบรรยาย สัดส่วนต่างๆของเจ้า Rogue PHEV กลับมีความใกล้เคียงกับ Mitsubishi Outlander ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขุมกำลัง PHEV ของแบรนด์พันธมิตรเป็นอย่างมาก
นั่นจึงททำให้สื่อในสหรัฐอเมริกา มองว่าแท้จริงแล้ว Rouge PHEV อาจเป็น Outlander ที่ถูกนำมาแต่งหน้าทาปากใหม่แล้วใส่โลโก้แบรนด์ Nissan ไปก็เท่านั้น เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว ตัวรถ Rogue รุ่นปัจจุบันที่วางขายอยู่ ก็ใช้โครงสร้างตัวถังแพลตฟอร์มเดียวกันกับตัวรถ Outlander อยู่แล้ว
ส่วนสาเหตุทที่ว่าแล้วทำไมทางค่าย Nissan ถึงไม่คิดจะปรับเปลี่ยนหน้าตาตัวรถ มากกว่าแค่การใส่กันชนหน้า-กันชนท้าย และชุดล้อใหม่เข้าไป เหมือนอย่าง Rogue รุ่นพื้นฐาน ที่แทบไม่มีอะไรเหมือน Outlander เลยนอกจากสัดส่วนในองค์รวม ก็คาดว่าจะเป็นเพราะความต้องการประหยัดงบในการลงทุนและพัฒนาตัวรถ ท่ามกลางสภาวะวิกฤตด้านการเงินที่เป็นอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
ส่วนในปี 2026 ทาง Nissan ยังวางแผนที่จะเสริมทัพ Rogue ด้วยตัวรถที่มาพร้อมกับขุมกำลัง e-Power ออกมาด้วย แต่หน้าตาของมัน กลับจะอ้างอิง หรือใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Rogue รุ่นดั้งเดิมมากกว่า ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยพื้นฐานของ Mitsubishi Outlander มาเปลี่ยนเปลือก เหมือน Rogue PHEV ที่ระบุไว้ข้างต้น
และแม้จะยังไม่มีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับขุมกำลังมากนัก แต่ทาง Nissan ก็ระบุว่า ขุมกำลัง e-Power ใน Rogue e-Power จะถือว่าเป็น เจเนอเรชันที่ 3 ของขุมกำลังนี้ (ใหม่กว่าที่อยู่ใน Kicks รุ่นที่ขายในไทยตอนนี้) ซึ่งมันจะมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีกว่าเดิม 20% เมื่อเทียบกับขุมกำลัง e-Power เจเนอเรชันแรก พร้อมระบุว่าพวกเขาจะนำมันไปใส่ในรถครอสโอเวอร์ยอดนิยมของตลาดสหรัฐอเมริกา และยุโรปอย่าง Nissan Qashqai ในภายหลังด้วย (แต่ยังไม่ใช่ภายในปี 2026 ตามแผนงานล่าสุดนี้)
ในฝั่งรถยนต์ไฟฟ้าเอง ก็จะมีการเปิดตัว Nissan Leaf รุ่นใหม่ในปี 2025 โดยจะเป็นการทำตลาดในฐานะรถยนต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า ที่มีตำแหน่งการตลาดรองลงมาจากรุ่นเรือธงอย่าง Ariya และยังจะเสริมทำด้วยรถแฮชท์แบ็คไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็น Nissan Micra (Nissan March) เจเนอเรชันใหม่ที่ชาวยุโรปให้ความสนใจ และเป็นไปได้สูงมากว่ามันจะใช้พื้นฐานแพลตฟอร์มในการสร้างร่วมกันกับ Renault 5 E-Tech Electric ของแบรนด์ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
ส่วนรถยนต์ตระกูลสุดท้ายที่จะได้รับการปรับโฉมตามแผนงานใหม่นี้ ก็คือรถยนต์ในกลุ่ม Kei Car หรือรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับการใช้งานในประเทศญี่ปุ่น อย่าง Nissan Dayz และรถยนต์ในกลุ่ม MPV อย่าง Elgrand ที่ต้องอัพเดทความสดใหม่ ให้มันสามารถสู้กับคู่แข่งหน้าเก่า และคู่แข่งหน้าใหม่ ที่พากันแข่งขันในตลาดกันอย่างดุเดือดในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมานี้ให้ได้
ขณะเดียวกัน สำหรับความเคลื่อนไหวอื่นๆในประเทศไทย ณ ตอนนี้ทางค่ายยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอื่นใดเพิ่มเติมว่าพวกเขาจะทำตลาดรถยนต์โมเดลใหม่อื่นใดในปี 2025 นี้อีกบ้าง นอกไปเสียจาก Nissan Serena e-Power ตามข้อมูลที่เคยประกาศไว้เมื่อปีก่อน
ส่วนการประกาศปิดโรงงานผลิตในไทย ที่เป็นข่าวใหญ่โตในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แท้จริงแล้วก็เป็นแค่การปิดเพื่อรวมไลน์ผลิตรถยนต์ไปไว้ในโรงงานอีกแห่งที่มีอยู่แล้ว เพื่อความสะดวกและลดต้นทุนในการบริหารงานด้านการผลิต และเป็นไปได้ว่าตัวโรงงานที่ถูกปิดตัวไป อาจจะมีการปรับปรุงโครงสร้างใหม่อีกครั้ง เพื่อรองรับแผนการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆในอนาคตของแบรนด์เพิ่มเติม เมื่อทางบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาด้านการเงินให้กลับมาอยู่ในภาวะสภาพคล่องที่ดีกว่าตอนนี้ในภายหลังก็เป็นได้