นิสสัน น่าจะเรียกว่า เป็นแบรนด์รถยนต์ที่อยู่ในตลาดประเทศไทยมายาวนาน ในระยะหลัง ทุกครั้งที่พูดถึง นิสสัน จะต้องมีคอมเม้นท์สายแซะ คอยมาพูดวลีต่างนานา อยู่เสมอ

การแสดงความคิดเห้น อาจเป็นความคิดส่วนบุคคล ทุกคนย่อมมีสิทธิและความคิดในการแสดงออก ที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าคุยกันอย่างตรงไปตรงมา นิสสัน ได้ก่อร่างสร้างหลายอย่าง เป็นมาตรฐานในยุคใหม่ยานยนต์ปัจจุบัน เพียงแต่คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาสนุกกับโซเชี่ยล อาจไม่คิดมาก่อนว่า มันเริ่มต้น จาก นิสสัน

ถ้าเอาในช่วง 10กว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมเริ่มเข้ามาทำงาน วงการนี้ นิสสัน ได้สร้างหลายสิ่งหลายอย่างใหม่ๆ ไม่น้อยหน้าแบรนด์อื่นๆ วันนี้ผมจะจับ 3-4 เรื่อง มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ว่าพวกเขาเคยฝากลงานชิ้นโบว์แดงอะไรไว้บ้าง

ผู้นำ ตลาดอีโค่คาร์

ย้อนไปในตอนโครงการอีโค่คาร์ หรือ รถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงาน เกิดขึ้น นิสสั เป็นค่ายแรกที่นำเสนอรถยนต์แบบนี้ แก่ลูกค้าชาวไทย ผ่าน รถยนต์ Nissan March เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2553

มาร์ช กลายเป็นรถ 5 ประตูขนาดเล็กที่ออกมาทำตลาดเมืองไทย ราคาขายก็ค่อนข้างจะมิตรภาพกับ คนที่มองหารถราคาถูกใช้งานกันแดดดกันฝนขับไปทำงาน

และเผลอๆ นิสสัน จะเป็นเจ้าแรกๆ ที่แนะนำ เครืองยนต์ 3 สูบแถวเรียง เข้าสู่ตลาดประเทศไทย ผ่านเครื่องยนต์ HR12DE ที่เล่าลือกันว่า ก็คือ เครื่องยนต์ HR 16 4 สูบ แล้วไปตัดสูบออก 1 สูบ เพื่อให้ปล่อยไอเสียน้อยลง จนเป็นขุมพลังหลักในอีโค่คาร์ของแบรนด์

การมาของ “มาร์ช” นับว่า เป็นยุคเฟื่องฟูของนิสสัน เนื่องจากมาก่อนใครจนเป็นที่จดจำมาจนบัดนี้ นิสสันได้สร้างประวัติศาสตร์สำคัญหน้าใหม่ แก่ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ยุคนั้น ซึ่งจะว่าไป ก็คือกลุ่มคนอย่างผม ที่เพิ่งจะเรียนจบไม่นานในตอนนั้น ทำงานเงินเดือนหลักไม่ถึงหมื่น เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จะซื้อรถก็ได้แต่แหงนมองรถราคาเริ่มต้น 5 แสนกว่าบาท

เมื่อมีรถราคา เริ่ม 3 แสนปลาย เกียร์ออโต้ 4 แสนบาทกลาง ก็ย่อมสนอกสนใจเป็นธรรมดา

ตำนานนิสสัน มาร์ชอยู่ยงขายมานาน จนในที่สุด งานเลี้ยงก็มีวันเลิกลา ทุกคนคิดว่า มาร์ช น่าจะมีรุ่นใหม่มาต่อยอด แต่กลายเป็น นิสสัน เลือกอัลมีร่า 4 ประตู ทำตลาดแทน ทั้งที่ลูกค้าคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ ชอบรถ 5 ประตู

จนกลายเป็นว่า อีโค่คาร์ 5 ประตู เจน สองที่ขายดีตกไปเป็นของ ฮอนด้า ที่แก้เกม ด้วย Honda City Hatchback เช่นเดียวกับ Suzuki Swift และมาสด้า 2 ที่ควงกันมา กินส่วนแบ่งตลาดนี้ไป

Nissan juke ผู้เปิดตลาด B-SUV

B-SUV ออกวางขายในยุคที่ซิตี้คาร์ เก๋งเครื่อง 1500 ซีซี ครองเมือง ใครเลยจะคิดว่าเป็น นิสสัน ที่ตัดสินใจอยากทำอะไรใหม่ๆ อย่างการนำเสนอ รถอเนกประสงค์ B-SUV เข้าตลาด ด้วยการเปิดตัววางจำหน่าย Nissan juke อเนกประสงค์หน้าตาประหลาดที่มาพร้อม รูปทรงไม่รักก็เกลียด

จนกลายเป็นรถขายดีอย่างงงๆ รถเปิดขายครั้งแรกในช่วงปลายปี พ.ศ. 2556 หรือ ปี 2013 และจะเริ่มส่งมอบรถในปี 2014 ก่อนที่ทางฟอร์ด จะเปิดตัว Ford Ecosport ตามมาในปี 2014

แต่เนื่องจากรถรุ่นดังกล่าวใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ราคาขาย จึงเริ่มต้นอยู่ที่ 8 แสนบาท ต้นๆ และรุ่นท๊อปจบที่ 8 แสนบาทกลางๆ แถมมาพร้อมทรงไม่รักก็เกลียด เป็นรถที่ขายดีไซน์ขนานแท้ (ก่อนยุคนี้ตจะมี Toyota C-HR มาสืบตำนานรถแนวนี้) ทำให้รถรุ่นนี้ค่อนข้างจะตอบโจทย์กลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม ทั้งที่จริงมันเป็นรถที่ขับดี ด้วยช่วงล่างที่เซทมาในแบบ Buggy แถมเครื่องยนต์ก็ไม่ขี้เหร่ นิสสันลงทุนมากกับเครื่องในเจ้านี่ ด้วยการส่งเครืองยนต์ 1.6 จากประเทศไทย ไปโรงงานที่อินโดนีเซีย เพื่อให้ได้สเป็คเฉพาะบ้านเรา แล้วนำเข้าโดยสิทธิ เขตเสรีการค้าอาเซียน

ก่อนที่ตลาดนี้ จะมาเจอค่าย MG มากวาดลูกค้า ไป ด้วย MG ZS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ ราคามิตรภาพกับกระเป๋าสตางค์มากกว่า

แม้ว่าในช่วงโควิด นิสสัน จะกลับมาทวงบัลลังค์ ด้วย Nissan kick e-Power และ นำเสนอระบบขับเคลื่อนใหม่ อีพาวเวอร์เข้าทำตลาด แต่ด้วยคุ่แข่งที่มากหน้าหลายตามากขึ้น ก็เลยเดินเกมเหนื่อยสักหน่อย

ลุย C-SUV ด้วย 5+2 และไฮบริด

หลังจากความสำเร็จของ Juke นิสสัน ก็ไม่รอช้า เข้ามาลุย Crossover C-SUV กันต่อใน Nissan X-Trail

แม้ว่าจะไม่ได้ถึงขนาดเปิดเซกเม้นท์นี้โดยตรง เพราะ Honda CR-V ขายมานาน จนเป็นปู่โสมเฝ้าตลาดรถกลุ่มนี้ ใครจะซื้อก็ต้องนึกถึงฮอนด้าขึ้นมาทันที

แต่นิสสัน ท้าทายตลาดด้วยการนำเสนอ รูปแบบรถ 5+2 ที่นั่ง ครั้งแรกในบรรดาค่ายรถญี่ปุ่น แม้ว่า Chevrolet Captiva ค่ายอเมริกา จะมีแนวทางนี้มาระยะใหญ่

การมาของ Nissan X-Trail จัดการ ทำรถ C-SUV 7 ที่นั่งออกมาขาย ในรูปแบบ 5+2 โดยเน้นใช้งาน 5 คน และ สามารถเดินทางได้ อีก 2 คน ถ้าจำเป็น มีเบาะ 3 แถว ที่กลายเป็นจุดขายได้

แต่ใดๆ เลย นิสสัน ท้าทายครั้งที่ 2 ในตลาดกลุ่มนี้ ด้วยรถยนต์ Nissan X-Trail Hybrid แม้ว่า การติดตั้งแบตเตอร์รี่จะทำให้ต้องทอนที่นั่ง จาก 7 เหลือเพียง 5 ที่นั่ง

หากก็ถือว่าน่าสนใจ ในเวลาที่เปิดตัว เนื่องจาก ตอนนั้นยังไม่มีรถ C-SUV ไฮบริดมาก่อน และระบบของนิสสันที่นำมาร่องมาก่อนใคร พร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร

แล้วมามองวันนี้สิครับ ที่ Honda CR-V e:hev ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าวิ่งเกลื่อนเมือง ถ้านิสสันคิดอยากจะกลับมาตลาดกลุ่มนี้บ้าง ผมก็ไม่แปลกใจ

กระบะเกียร์เยอะ

ทางด้านกระบะ นิสสัน ก็ฝากผลงานเอาไว้อย่างน่าสนใจ ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลง แนะนำกระบะเกียร์เยอะ รายแรกๆ ในเวลาที่มาตรฐานส่วนใหญ่เป็นเกียร์ออโต้ 6 สปีด

นิสสัน ก้าวมาสู่เกียร์ 7 สปีด รายแรกในตลาด เมื่อ 10ปี ที่แล้ว ตอนเปิด Nissan Navara รุ่นปัจจุบัน พร้อมแนะนำ เพดานเครื่องยนต์ใหม่ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ที่สามารถทำกำลังได้สูงสุด 190 แรงม้า เคยยืนอาจหาญ มีดีไม่แพ้ใคร

ปัจจุบัน นาวาร่า ยังคงมีทางเลือกเกียร์ออโต้ 7 สปีด แต่เปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ YS23 ที่มีกำลังขับสูงสุด 190 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ไม่ได้หนีจากรุ่นเดิม แต่ ซีซีน้อยลง ลดการปล่อยมลภาวะ และ นำเสนอ ระบบเทอร์โบชาร์จคู่เข้ามาแทน

ย้อนไปตอน นิสสัน มีเกียร์ออโต้ 7 สปีด รายแรก ทุกคนต่างแปลกใจไม่น้อย ที่นิสสัน เลือกทำกระบะแบบนี้ออกมา หลัง ตอน นาวาร่า รุ่นก่อน นิสสัน สร้างปรากฏการณ์เกียร์ธรรมดา 6 สปีด เป็นทางเลือกแก่ลูกค้าชาวไทย

แต่ ตำนานของ นิสสัน ก็อยู่ไม่นาน เมื่อฟอร์ดเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รุ่นใหม่ และมันมาพร้อมเกียร์ออโต้ 10 สปีด หากมองในภาพรวมกระบะ

ทว่าหากมองในกระบะญี่ปุ่นด้วยกันแม้จะในวันนี้ กระบะนิสสัน 7 เกียร์ ที่มีเครื่องเครามาจากทางฝั่งของเรโนล์ต ก็ยังขับดีน่าสนใจ หลายคนอาจจะติดเพียงว่า บอดี้นี้ที่ใช้มานานแรมปี มันเริ่มดีไซน์เอาท์แล้วในปัจจุบัน และคงอยากได้รุ่นใหม่ มาครอบครอง ก็ต้องรอดูการเดินเกมตลาดนี้ต่อไปอย่างไร

ทั้ง 4 เรื่องที่เขียนให้ทุกท่านอ่าน มันทำให้ผมนึกถึงตำนานบทใหม่ของนิสสัน ในการเปิดผนึก MPV คอมแพ็คประตูสไลด์ ขึ้นมาในไทย ผ่าน นิสสัน เซเรน่า จนยอดจองเข้ามาล้นหลามอย่างไม่น่าเชื่อ ในช่วงส่งท้ายปีที่ผ่านมา แม้รถกลุ่มนี้จะมีมานาน แต่มันไม่เคยขายโดยผู้ผลิตทางแบรนด์โดยตรง ส่วนใหญ่ จะขายโดยกลุ่มนำเข้าอิสระ

การหันมาชิมลางตลาดกลุ่มนี้ นับเป็นทิศทางที่น่าสนใจของนิสสัน ในประเทศไทย แต่มันจะเพียงพอ ต่อการคัมแบ๊ก ของค่ายนี้หรือ ไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นคำตอบ