หลังจากโชว์ตัวไปในงานแสดงเมื่อสิ้นปีทีผ่านมา ในที่สุด ทางเอ็มจี ก็เตรียมเปิดตัวรถยนต์ MG IM 6 อย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์โชว์ที่จะถึงนี้ และพร้อมขายเป็นครั้งแรกในไทย
วันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดรถรุ่นนี้กันอย่างถึงกึ๋น ก่อนการเปิดตัว ว่ามันน่าสนใจอย่างไร และมีอะไร ที่เป็นจุดเด่นในรถคันนี้กันบ้าง
งานดีไซน์ที่ล้ำสมัย
อย่างแรก ,ที่เป็นจุดขาย และมันไม่เหมือนกับรถรุ่นอื่นของแบรนด์ คือ การให้งานออกแบบที่ยกระดับไปอีกขั้น
ตัวรถคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ และงานศิลปะขั้นสูงจากทางฝั่งยุโรป นำเสนอเส้นสายที่ประดุจออกมาจากงานศิลป์
ไฟหน้า ออกแบบให้มีความปราดเปรียว มาพร้อมไฟ DRL แบบ L Shape และเด่นด้วยตำแหน่งไฟหรี่และไฟเลี้ยว 4 ดวง ไฟสูงและไฟต่ำอยู่ในโคมโปรดเจคเตอร์ รุ่นที่ขายในไทย มาพร้อมกับ ไฟตัดหมอก
ทำให้เสียเรื่องหลักอากาศพลศาสตร์ไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีค่าสัมประสิทธิเสียดทานต่ำ 0.242 Cd
ทางด้านข้าง ติดตั้งล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 และ 21 นิ้ว ตามรลำดับ ระหว่างรุ่นเริ่มต้น และ รุ่น ขับเคลื่อนสี่ล้อ มาพร้อมมือจับเปิดประตูไฟฟ้า ให้ กระจกบานข้าง 2 ชั้น พร้อม กระจก Privacy Glass สำหรับการโดยสารตอนหลัง
รถคันนี้ออกแบให้มีทรวดทรงสปอร์ต มาในแนว Coupe SUV นำเสนอความลงตัวและความแตกต่าง ด้วขช่วงท้าายที่ออกแบบมาให้เอกลักษณ์ มองละม้ายค้ลายเส้นจาก Highend Premium SUV ทางฝั่งอังกฤษ
แนะนำมาพร้อมไฟท้าย Horizon ที่มีเส้นสายที่ว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากเส้นขอบฟ้า
ถ้าสังเกต เส้นสายงานออกแบบ ทั้งหมดจะดูคลีนๆ สะอาดตา ในทุกมิติ โดยมี ให้เลือกทั้งหมด 5 สีภายนอก ซึ่ง มาจากสีของงานศิลปะชั้นสูง ทางฝั่งยุโรป
ห้องโดยสาร Minimal
ทางด้านในห้องโดยสาร MG IM6 นำเสอนความมินิมอลในการใช้งาน เริ่มจจากงานออกแบบเรียบง่าย วางจอภาพ สไคัญไว้ 2 จอ ได้แก่ จอขนาด 26.3 นิ้ว เป็นจอ ที่เชื่อมต่อ ระหว่าง จอสำหรับขับขี่ และจอเพื่อเชื่อมต่อความบันเทิง
จออีกอันจะฝังไว้ในคอนโซลกลาง เป็นจอขนาด 11.9 นิ้ว ใช้ในการควบคุมฟังชั่นออพชั่นต่างๆ ตัวรถ ทั้งหมด ใช้หน่วยประมวลผล Qaulcomm Snap dragon 8295 ใช้งานสะดวกลื่นติดมือ
ไฮไลท์สำคัญของภายในห้องโดยสารอีกอย่างคือเบาะนั่ง มาพร้อมกับ เบาะนั่งทรงขนมปัง ที่เรียกว่า PoPo Sofa ทางไอเอ็ม กล่าวว่า นี่คือเบาะนี่งที่สบายที่สุดในการโดยสาร โดยให้มาทั้งตอนหน้าและตอนหลัง รวมถึงยังใส่ในในรายละเอียด เช่น ที่ปรับเข็มขัดนิรภัย สูง-ต่ำ
ไม่เพียงเท่านี้ยังตอบสนองกับ การใช้งาน ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ , ที่จุดของใต้ห้องสัมภาระหลัง ขนาด 69 ลิตร และ พื้นที่เก้บของใต้ฝากระโปรง 32 ลิตร
ท่านั่งตอนหลัง ค่อนข้างทำออกมาได้ ดีมีขนาดใหญ่ ตอบสนองต่อการโดยสารทางไกล และมีพื้นที่เหนือหัว อยู่พอประมาณ
รวมถึง ยังมีลูกเล่นที่เรียกว่า IM Mag สำหรับอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพิ่มความสามารถในการใช้งาน สามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้ที่หลัง
รถมาพร้อมหลังคากระจก ที่มาการเคลื่อนกันความร้อน 3 ชั้น ป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ห้องโดยสาร
2 รุ่น 2 ทางเลือก
ทางด้านรายละเอียดตัวรถทางเทคนิค ทา ง MG เปิดเผยว่า เตรียม จะวางจำหน่าย MG IM6 2 รุ่นย่อย ให้ลูกค้าชาวไทย ได้แก่
MG IM6 Premium 2WD
คันนี้เป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง โดยมีหน้าตาตัวถังคล้ายกัน ต่างกันที่ล้อแม็กขนาด 20 นิ้วเท่านั้น
จุดแตกต่างจริงๆอยู่ที่ สมรรถนะตัวรถ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวให้กำลังขับสูงสุด 295 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ตอบการขับขี่ ด้วยแบตเตอร์รี่ขนาด 75 Kw รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 153 Kw
เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 400 V สำหรับ คนที่มองหาความคุ้มค่า
MG IM6 Performance AWD
ทางด้านรุ่นสมรรถนะสูง Performance AWD ทาง IM6 ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 2 ตัว มอบกำลังขับสูงสุด 787 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร เคลมอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 3.48 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 240 ก.ม./ช.ม.
แบตเตอร์รี่เป็น NMC ขนาด 100 Kw รองรับการชาร์จด้วยเทคโนโลยีล่าสุด 800V รองรับการชาร์จสูงสุด 396 kw สามารถชาร์จ 10-80% ในเวลา 20 นาทีเท่านั้น จากการทดสอบการใช้งานจริงในประเทศไทย
นอกจากนี้ ในรุ่นนี้ ยังติดตั้งระบบช่วงล่างถุงลม ทำให้การตอบสนองในการขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล และสามารถปรับค่าสูง-ต่ำ ได้ด้วยตามโหมดการขับขี่ เพื่อตอบสนองความมั่นใจสูงสุด
จุดเด่น ของทั้ง 2 รุ่นคือการให้ความพรีเมี่ยมในการขับขี่ ได้แก่ ชุดยาง Pirelli scorpion มอบความมั่นใจเพิ่มเติมกับ ชุดเบรกจาก Continental รวมถึง ยังติดตั้งระบบเลี้ยว 4 ล้อมาให้ เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน และมี Crab Mode ที่สามารถออกรถเอียงๆ ได้ด้วย
ระบบขับอัตโนมัติเหนือชั้น
อีกอย่าง ที่ทาง IM6 ภูมิใจนำเสนอ คือ ระบบขับอัตโนมัติ เหนือชั้น ใช้ชิปประมวลผล NVidia Orion แบบเดียวกับที่ใช้ในรถชั้นนำหลายรุ่น
เท่าที่ได้สัมผัสในวันนี้ รถมีระบบที่น่าสนใจ เช่น ระบบถอยหลังอัตโนมัติได้สูงสุด 100 เมตร มากวก่ารุ่นอื่น ที่เคยแนะนำระบบเดียวกันอีกเท่าตัว
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้กล้อง,เรดาห์และเซนเซอร์ ทำการประมวลผล และบังคับควบคุมเสมือนการขับขี่ด้วยมือมนุษย์
ตลอดจน ยังนำเสนอระบบ Rainy Night Mode ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เวลาขับกลางคืน และมีฝนตกหนัก จนบดบังทัศนวิสัย จะใช้เซอร์ กล้อง ทำงานเพิ่มเป็นตัวช่วยในการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับได้อย่างปลอดภัย
สำหรับ MG IM6 ใหม่ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มีนาคมนี้ พร้อมประกาศราคาจำหน่าอย่างเป็นทางการ
เบื้องต้น ทางเอ็มจีระบุว่า จะราคาไม่ข้าม 2 ล้านบาท โดยล่าสุด มีการยืนยันว่า รถทั้งหมดได้ส่งลงเรือมาแล้ว จำนวน 300 คัน สำหรับรถล็อตแรก