ทุกวันนี้รถยนต์นั่งขนาดเล็กกลายเป็นทีนิยมของคนจำนวนมากที่มองหารถยนต์ใหม่สักคัน พวกมันมีราคาถูกกว่า , ประหยัดกว่า และยังตอบสนองในการใช้งานได้ตามต้องการเหมือนรถยนต์ทั่วๆไป ที่ใช้ในการเดินทาง ทว่าทุกครั้งที่มีใครสักคนจะซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็กสักคัน พวกเขาจะต้องมีคำถามเกี่ยวกับเครื่องยนต์ว่ามันจะสามารถตอบสนองในการขับขี่ตามต้องการหรือไม่
ประเด็นเรื่องขนาดเครื่องยนต์ เป็นที่ถกเถียงกันมายาวนาน และตอบรับการรับรู้ของคนจำนวนมากว่า ขนาดเครื่องยนต์ทีมีขนาดเล็กกว่า ย่อมมีกำลังน้อยกว่า และอาจจะหมายถึงสมรรถนะในการขับขี่ด้อยกว่าเสมอ นั่นทำให้รถยนต์อีโค่คาร์ในปัจจุบัน ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2-1.3 ลิตร กลายเป็นไก่รองบ่อนในการเลือกซื้อหาของคนจำนวนมาก แม้ว่าเจ้ารถยนต์ขนาดเล็กเหล่านี้จะสามารถตอบสนองโจทย์ในการใช้งานได้ดี จนบางรุ่นอาจจะทำได้ดีเกินหน้าเกินราคาขายของมันด้วยซ้ำไป
เข้าใจขนาดเครื่องยนต์มีผลอย่างไร
ปัจจุบันขนาดเครื่องยนต์ในรถยนต์ทั่วโลก ถูกปรับลดขนาดลงมาอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสรักษาสิ่งแวดล้อม การลดขนาดเครื่องยนต์เป็นสิ่งที่วิศวกรรมจำนวนมากคิดและดำเนินตามแนวนโยบายบริษัทที่ต้องการลดการปล่อยมลภาวะจากปลายท่อเสียให้น้อยที่สุด และทำนุบำรุงสิ่งแวดล้อมไว้เผื่อลูกหลานของเราในอนาคต
ขนาดเครื่องยนต์อาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์โดยเฉพาะเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ เนื่องจากขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า จะตอบสนองต่อการจุดระเบิดที่รุนแรงกว่าจากขนาดของลูกสูบที่โตกว่า ส่งให้ปริมาตรอากาศในกระบอกสูบเพิ่มขึ้น การสั่งจ่ายน้ำมันจากหัวฉีดน้ำมันก็มีปริมาตรมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักที่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า จะมีกำลังสุทธิจากเครื่องยนต์โดยอาศัยการจุดระเบิดเผาไหม้มากกว่า
แต่ในปัจจุบันนอกจากการวางแนวทางการจุดระเบิดที่มีขนาดใหญ่กว่าแล้ว ศักยภาพของเครื่องยนต์มากมายถูกพัฒนาให้ตอบสนองในการขับขี่ได้มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยีต่างที่คุณอาจจะต้องมาดูกันอย่างใกล้ชิด อาทิ ระบบวาล์วแปรผัน ซึ่งปัจจุบันในเครื่องยนต์บางรุ่นติดตั้งมาให้ทั้งในฝั่งไอดี (อากาศก่อนการเผาไหม้) และฝั่งไอเสีย (อากาศหลังจากการเผาไหม้) รวมถึงเทคโนโลยีของการจ่ายน้ำมันก็มีพัฒนาการมากขึ้น อย่างการแนะนำระบบไดเรคอินเจคชั่น เข้ามาในเครื่องยนต์หลายรุ่น อันเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาศักยภาพโดยตรงกับเครื่องยนต์
รวมถึงเครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นมีความก้าวหน้ามากขึ้น อาทิ การแนะนำระบบการทำงานแบบเครื่องยนต์ 3 สูบ เข้ามาตอบโจทย์ในการขับขี่ รวมถึงอาจจะมีการแนะนำระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ , ระบบแยกส่วนการทำงาน ซึ่งทั้งหมดคุณควรจะเรียนรู้จากรถที่คุณกำลังสนใจ
เครื่องพันห้า … บล็อกนี้ที่คนวางใจ
ในตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เข้าสู่ยุค 2000 ซึ่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กเริ่มก้าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง การตอบสนองด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กก็เริ่มปฐมบทขึ้นมาตั้งแต่ในคราวนั้น
การแนะนำเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เข้ามาในรถยนต์ประเภท Sub Compact Car ถือเป็นเครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในช่วงปี 2000 จนถึง ปี 2010 ก่อนที่จะมีการผลักดันโครงการรถยนต์อีโค่คาร์ ส่งรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์เล็กกว่าออกมา
เครื่องยนต์พันห้าถือเป็นขุมพลังคู่บุญคนใช้รถยนต์นั่งขนาดเล็กมานานเนื่องจากการรับรู้ตั้งแต่แรกเริ่ม และเครื่องยนต์พันห้า ก็ตอบสนองในการขับขี่ได้ดี ทั้งในเมืองและนอกเมือง จนมันฆ่าเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ตายสนิทเรียบไม่เหลือซากให้เห็น เว้นรถยนต์ Nissan Sylphy ที่วันนี้เป็นหนึ่งในรถเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรที่ยังเหลือรอดในฐานรถใหม่
การวางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เมื่อ 10 ปี ที่แล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นความกล้าหาญอย่างมาก เนื่องจากเครื่องยนต์ในยุคนั้นไม่ได้พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีมากมายเท่าปัจจุบัน แม้ว่าสำหรับเราๆ ท่าน มันก็แค่เครื่องยนต์ที่ขอแค่เพียงให้สตาร์ทติดขับเดินทางได้ก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้าลงลึกไปอีกเชิงวิศวกรรมเครื่องยนต์สมัยใหม่มีการพัฒนามากขึ้นเยอะแยะมากมาย จนถ้าจะให้ทีมวิศวกรเครื่องยนต์มานั่งเล่ากันจริงๆ ก้น่าจะเรียกว่าต้องเล่ากันสามวันแปดวัน ก็ยังไม่หมด
การเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรในยุคก่อน ทำให้คนค่อนข้างเชื่อใจมากในวันนี้ เนื่องจากเครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันมีความสามารถในการขับขี่เพียงพอต่อการใช้งาน โดยเฉพาะวิธีชีวิตคนเมืองที่ไม่ได้ใช้ความเร็วมากมายนัก เนื่องจากการจราจรคับคั่งหนาแน่น ส่วนในยามเดินทางออกนอกเมืองก็สามารถทำความเร็วได้ในระดับที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะยามขับชิว หรือเร่งรีบ
เครื่อง 1.2 ลิตร บล็อกใหม่เน้นประหยัด..
ในช่วงปี 2010 เมื่อ Nissan เปิดตัวรถยนต์ Nissan March รุ่นปัจจุบันออกมาวางจำหน่าย เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ก็กลายเป็นเพื่อนคู่ซี้มิตรคู่ใจรถยนต์อีโค่คาร์มาตั้งแต่นั้น ทั้งที่ข้อกำหนดของภาครัฐบาลอนุญาตให้เครื่องยนต์เบนซินในโครงการอีโค่คาร์มีขนาดใหญ่สุดได้ 1.3 ลิตร แต่เมื่อผู้นำเปิดประเด็นด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรก็ทำให้รถยนต์อีโค่คาร์หลายรุ่นที่ตามออกมา เช่น Mitsubishi Mirage, Honda Brio หันมาใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตรทั้งหมด บ้างก็ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ 3 สูบ บ้างก็อาจจะใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละค่าย
มีเพียง Suzuki ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.25 ลิตร ใน Suzuki Swift แต่ทั้งหมดก็ถูกกังขาว่า เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ไม่มีทางสู้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรได้เลย
ภาพลักษณฺที่ออกมาเน้นความประหยัดชูตัวเลขอัตราประหยัดมาตั้งแต่ไก่โห่ ทำให้ภาพทางด้านสมรรถนะในการขับขี่ถูกทอนลงเลือนหายไป จนคนจำนวนมากคิดเอาเหมาว่า เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร อย่างไรเสียก็ไม่มีทางจะสู้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และทำให้หลายคนยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อจะเลือกเอาเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่มีขนาดใหญ่กว่าและเชื่อว่าจะตอบสนองในการขับขี่ได้ดีกว่า
เนื่องจากความเข้าใจในเรื่องขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า ย่อมจะทำให้รถมีสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า อาจจะพูดว่าคนไทยยังติดภาพของความบ้าพลังในการขับขี่อยู่ก็คงไม่ผิดนัก ทั้งที่ปัจจุบันขับเกิน 120 ก.ม./ช.ม. ใบสั่งก็จ่าหน้าใส่ซองส่งถึงบ้านกันแล้ว …
เปรียบประชันสมรรถนะ เครื่องยนต์ 1.2 VS 1.5
พูดไปคงไม่เห้นภาพ งานนี้เห็นทีเราคงต้องอัญเชิญเครื่องทั้ง 2 มาตั้งคู่กันเพื่อดูสมรรถนะในการขับขี่ว่ามันแตกต่างกันมากแค่ไหน
แน่นอนว่าปัจจุบัน มีเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร และ 1.5 ลิตร หลายรุ่นวางจำหน่ายในตลาดไทย แต่ถ้าพูดถึงค่ายรถยนต์ที่มีทั้งรถอีโค่คาร์และซิตี้คาร์เครื่อง 1.5 ลิตร ในรั่วเดียวกัน ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน ต่างกันเพียงขนาดเครื่องยนต์เท่านั้น Honda เป็นบริษัทเดียวที่น่าจะตอบโจทย์นี้ได้
เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง รหัส L12A เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถยนต์ Honda Brio และ Honda Brio Amaze สองคู่ขวัญรุ่นเล็กชาวฮอนด้า
ในอีกด้านประชันด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1.5 ลิตร ยกมาจาก Honda Jazz และ Honda City เครื่องยนต์ L15A7
ทั้งคู่มีระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC เหมือนกัน แถมยังเป็นเครื่องยนต์แบบแคมชาฟร์ทเดียวเหมือนกัน แถมยังใช้ชุดเกียร์ที่มีอัตราทดเดียวกัน แตกต่างเพียงอัตราทดเฟืองท้ายที่แตกต่างกันเท่านั้น
ตารางเปรียบเทียบรายละเอียดเครื่องยนต์ 1.2 VS 1.5 ลิตร
เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร | เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร | |
ปริมาตรความจุจริง (ซีซี) | 1,198 | 1,497 |
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) | 90 / 6,000 รอบต่อนาที | 117 / 6,000 รอบต่อนาที |
กำลังแรงบิด (นิวตันเมตร) | 110 / 4,800 รอบต่อนาที | 146 / 4,700 รอบต่อนาที |
ขนาด กระบอกสูบ (มม.) | 73.0 | 73.0 |
ความยาวช่วงชักกระบอกสูบ (มม.) | 71.6 | 89.4 |
กำลังอัดในกระบอกสูบ | 10.2 : 1 | 10.3 :1 |
น้ำหนักเปล่าตัวรถ (กก) | 951 (Honda Brio V CVT) |
1,071 ( Honda City S CVT) |
อัตรากำลังต่อน้ำหนัก | 0.0429 | 0.0496 |
*หมายเหตุ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร หมายถึง เครื่องยนต์ L12A ,เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร หมายถึง เครื่อง L15A
จากการเปรียบเทียบเราจะเห็นได้ชัดว่า เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร อาจะมีสมรรถนะในการขับขี่มากกว่า เนื่องจากมีกำลังและแรงบิดมากกว่า แต่ถ้ามาดูความแตกต่างให้ดีจะเห็นว่ามีกำลังมากกว่าเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เพียง 27 แรงม้า และทำแรงบิดมากกว่าเพียง 36 นิวตันเมตร
ในเรื่องการวิศวกรรมเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัวมีความเหมือนกัน เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่มีพื้นฐานบล็อกเครื่องยนต์เดียวกัน ต่างเพียงช่วงชักเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จะมีช่วงยาวกว่าเท่านั้น และด้วยกำลังที่มากกว่า ทำให้อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักด้อยกว่า แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
เห็นภาพในแง่ของเครื่องยนต์แบบเดียวกันขนาดต่างกันไปแล้ว แต่ว่าในอีโค่คาร์เราไม่ได้มีพียงเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบ 4 สูบเท่านั้น ผมจึงขอยกเครื่องยนต์ L15A7 มาประชันเครื่องยนต์ของเจ้าตลาดอีโค่คาร์ Nissan โดยใช้โจทย์ว่า ที่รถมีขนาดใกล้เคียงกัน ซึ่ง Nissan มี Nissan Note ที่มีขนาดพอๆกับ Honda Jazz
ตารางเปรียบเทียบรายละเอียดเครื่องยนต์ 1.2 VS 1.5 ลิตร
เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร | เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร | |
แบบเครื่องยนต์ | 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว | 4 สูบแถวเรียง SOHC 16 วาล์ว |
ระบบวาล์แปรผัน | CVTC | i-VTEC |
ปริมาตรความจุจริง (ซีซี) | 1,198 | 1,497 |
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) | 78 / 6,000 รอบต่อนาที | 117 / 6,000 รอบต่อนาที |
กำลังแรงบิด (นิวตันเมตร) | 106 / 4,400 รอบต่อนาที | 146 / 4,700 รอบต่อนาที |
ขนาด กระบอกสูบ (มม.) | 78.0 | 73.0 |
ความยาวช่วงชักกระบอกสูบ (มม.) | 83.6 | 89.4 |
กำลังอัดในกระบอกสูบ | 10.2 : 1 | 10.3 :1 |
น้ำหนักเปล่าตัวรถ (กก) | 1,061 (Nissan Note SV CVT) |
1,086 ( Honda Jazz SV+ CVT) |
อัตรากำลังต่อน้ำหนัก | 0.0333 | 0.0489 |
อัตราทดเกียร์ CVT | 4.006-0.550 | 2.526- 0.408 |
อัตราทดเฟืองท้าย | 3.753 | 4.992 |
*หมายเหตุ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร หมายถึง เครื่องยนต์ HR 12DE ของนิสสัน ,เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร หมายถึง เครื่อง L15A ของฮอนด้า
เมื่อมาดูรายละเอียดทางเทคนิคแล้ว เราจะพบว่า ยังไงเสียเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ก็ยังค่อนข้างจะดูมีภาษีมากกว่า เนื่องจากกำลังมากกว่า แถมการลดจำนวนสูบลงเป็นเครื่องยนต์แบบ 3 สูบกลับทำให้กำลังน้อยลง และมีแรงบิดน้อยลงกว่าเครื่อง 4 สูบอย่างเห็นได้ชัด แต่ช่วงกำลังแรงบิดก็มาเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน
ต้องบอกก่อนว่า พื้นฐานของเครื่องยนต์ HR12DE นั้น ค่อนข้างแตกต่างจากทางฮอนด้า เนื่องจาก Nissan ใช้วิธีการนำเครื่องยนต์ HR16DE เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเดิม ไปหั่นสูบให้หายไป 1 สูบ ทำให้ช่วงชักค่อนข้างยาวเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ของฮอนด้า
ลองสมรรถนะจากการใช้งานจริง
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสลองมีเจ้ารถยนต์ซิตี้คาร์และอีโค่คาร์มากมายหลายรุ่น และแน่นอนว่า Honda Jazz เป็นหนึ่งในรถที่ผ่านมือมาแล้ว แม้ว่าจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ ออกมา แต่เรื่องเครื่องเครากลับเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแต่อย่างใด
ในช่วง ปี พ.ศ. 2558 ตอนที่ขับ Honda Jazz ใหม่ มันเป็นรถที่มาพร้อมความตื่นเต้นในการขับขี่ แต่ทุกคนรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เครื่องยนต์ใหม่เสียทีเดียวของรถคันนี้ เนื่องจากในต่างประเทศมีเครื่องยนต์เดียวกัน ที่สามารถทำกำลังได้ถึง 132 แรงม้า แต่ในบ้านเราทำได้เพียง 117 แรงม้าเท่านั้น
กลับมาประเด็นที่เราพูดถึงเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ต้องยอมรับว่าเครื่องยนต์บล็อกขนาด 1.5 มีดีในเรื่องการออกตัวที่ให้ความรู้สึกในเรื่องกำลังที่ค่อนข้างดี อันที่จริงแล้ว เครื่องยนต์จะออกตัวดีไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับอัตราทดของชุดเกียร์ด้วยว่า ทางทีมวิศวกรทดมาอย่างไร
ในแง่ของ Honda Jazz อัตราทดเกียร์ให้มาค่อนข้างสูงรถจึงค่อนข้างออกตัวดี และเร่งดี ตามอรรถภาพ จนสามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ด้วยเวลาเฉลี่ยจากการทดสอบ 12.48 วินาที และในอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. ได้อัตราเฉลี่ย 6.0 วินาที
ส่วนทางด้านความประหยัดใน Bonn Test Mode ทำอัตราประหยัดได้ 11.5 ก.ม./ลิตร
ทางด้าน Nissan Note เพิ่งจับขับหมาดๆ ยอมรับว่า เป็นอีโค่คาร์ที่มีความน่าสนใจด้วยออพชั่นที่มาแน่นจัดเต็มจากโรงงาน
Nissan Note มีความคล้ายคลึง Honda Jazz ทั้งลักษณะทรวดทรงและขนาด รวมถึงน้ำหนักต่างกันไม่มาก แต่อย่างที่คุณเห็นทาง Nissan เซทเกียร์มีอัตราทดค่อนข้างต่ำกว่าในช่วงชุดเกียร์แรก และอัตราทดเฟืองท้าย ก็ต่ำกว่า ทำให้การออกตัวในความรู้สึกตอนขับไม่ค่อยดีนัก ด้วยส่วนหนึ่งทางด้านกำลังเครื่องยนต์ก็น้อยกว่า แต่เมื่อรถวิ่งได้ที่แล้ว จะให้ความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันนัก
จากที่ลองอัตราเร่งในเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร Nissan Note ทำเวลาอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. เฉลี่ย อยู่ที่ 17.044 วินาที และ 80-120 ก.ม./ช.ม. ทำเวลาเฉลี่ยที่ 13.8 วินาที แต่คุณก็ได้ความประหยัดน่าประทับใจ 17.11 ก.ม./ลิตร ในการทดสอบ Bonn Test Mode โดยไม่ได้ใช้ระบบ Idling Stop
เลือกเอาตามความต้องการ อยากประหยัดหรืออยากแรง !!
ผมนำข้อมูลที่มีมาเปรียบเทียบกับ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นของขนาดเครื่องยนต์ 1.2 และ 1.5 ลิตร ว่ามันมีความแตกต่างกันทางด้านไหน โดยอาศัยข้อมูลการทดสอบจริง
ตารางเปรียบเทียบข้อมูลอัตราเร่ง และการประหยัดน้ำมัน รถยนต์ Honda Jazz SV+ (RS+) และ Nissan Note SV CVT
Honda Jazz SV+ | Nissan Note SV | |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. เฉลี่ย (วินาที) | 12.48 | 17.004 |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม.เฉลี่ย (วินาที) | 6.0 | 13.8 |
อัตราประหยัด ใน Bonn Test Mode (ก.ม./ลิตร) | 11.5 | 17.11 |
จากข้อมูล ก็คงชี้ให้คุณเห็นชัดแล้วว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร นั้น มีอัตราประหยัดด้อยกว่าเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรแน่นอน แต่ก็ออกตัวดีกว่ามากถึงราวๆ เกือบ 5 วินาที รวมถึงการเร่งแซงที่มั่นใจกว่า ครึ่งหนึ่งของเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร
กลับกันเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรใน Nissan Note ถึงจะออกตัวอืดกว่า พอสมควร ออกมาในอารมณ์ไม่เร่งทันใจวัยรุ่น แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่ขนาดว่ารถอืดไปเสียทีเดียว ถึงจะเสียเปรียบทางด้านสมรรถนะในการขับขี่ แต่ว่าในเรื่องของความประหยัดกลับแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวก็ประหยัดกว่าอย่างชัดเจน
ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมดในโลก นั่นเป็นสัจธรรมของชีวิต วันนี้เราได้เห็นแล้วว่า ยังไงเสียเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ก็มีประสิทธิภาพมากกว่า ในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ และเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร มีดีกว่าทางด้านความประหยัด แต่ถามในการใช้งานจริง เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ก็เพียงพอแล้ว เพราะขับเกิน 120 ก.ม./ช.ม. จ่าจับส่งใบสั่งถึงบ้านเลย
หลายคนชอบตั้งคำถามว่าเป็นไปได้ไหมที่เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรจะดีกว่า คำตอบคือเป็นไปได้ แต่นั่นหมายถึงจะต้องมีชุดเกียร์ที่ดีกว่า อาจจะต้องมีอัตราทดมากกว่า เพื่อทดเฟืองท้ายให้สูงขึ้น จะได้ออกตัวและเร่งแซงได้ดีขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่รถสมัยนี้มีอัตราทดเกียร์อย่างกับรถสิบล้อ แต่ที่เหลือถ้าคุณชอบเล่นมวยวัดบนถนน มันก็อยู่ที่ฝีมือ ทักษะการขับขี่ และความใจถึงของคนขับ ครับ
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com