เวลาเราจะซื้อรถยนต์สักคันมาขับ คุณมองอะไร การออกแบบ การใช้งาน แต่สำหรับคนไทย ผมเชื่อว่า หลายคนคงมองมาที่เครื่องยนต์ในรถที่จะต้องอยู่คู่กับเราไปจนกว่าเราจะเลิกใช้รถคันนั้น
ทุกวันนี้รถใหม่มากมาย ไม่ได้พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ตลอดเวลาอย่างที่เราเข้าใจ ขุมพลังบางรุ่นอาจใช้มานานหลายปีก็จริง มีการพัฒนาบ้างบางประการให้ทันยุคสมัย หากมันยังอาศัยพื้นฐานเก่าของตัวเครื่องยนต์เป็นสำคัญ ด้วยความสามารถตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างดี และความคุ้นเคยดังกล่าวก็นำมาซึ่งกำไร แถมไร้ปัญหาในการใช้งาน มันเป็นเรื่องดีต่อทั้งคนซื้อ และผู้ผลิต วันนี้เราจะพาชมเครื่องยนต์เก่าสุดเก๋า ที่ยังใช้มาถึงวันนี้
1. Isuzu Dmax 3.0
ใต้ร่างกระบะยกสูงและขาลุยขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ แบรนด์รถยนต์ยอดนิยมคนไทย Isuzu พวกมันมาพร้อมขุมพลังดีเซล 3.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร รุ่นเดียวในตลาดที่ยังคงเหลืออยู่เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า กำลัง 177 แรงม้า ให้ความสามารถในการขับขี่เป็นที่น่าพอใจ เหมาะกับเดินทางไกล ถ้าคุณไม่คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตในเมืองบ่อยนัก
เครื่องยนต์บล็อกนี้ มีรหัส 4JJ-TCX มันเป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาต่อมาจากเครื่องยนต์ 4JJ-TC ที่เริ่มขายมาตั้งแต่ปี 2004 หลังจากบริษัทตัดสินใจแนะนำระบบ DDi -TEQ คอมมอนเรลออกสู่ตลาดประเทศไทย และเป็นพื้นฐานมาจวบจนปัจจุบัน
พื้นฐานเครื่องยนต์บล็อกนี้มีความสามารถในการขับขี่มากในต้นยุค 2000 ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ได้ทั้งความแรงและความทนทานตามชื่อเสียงของ Isuzu การปรับปรุงมาสู่รหัส “TCX” ยังคงใช้พื้นฐานเดิมด้วยช่วงชัก-กระบอกสูบมิติเดิม เพิ่มระบบเทอร์โบชาร์จ VGS ช่วยพัฒนาศักยภาพในการขับขี่ จนมีกำลัง 163 PS แรงบิด 360 นิวตันเมตร (333 นิวตันเมตรในรุ่นเกียร์ธรรมดา)
หลังจากปี 2011 กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 177 PS ให้แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร โดยปรับลดกำลังอัดเครื่องยนต์จาก 17.5:1 เหลือ 17.3 :1 และในปี 2015 ที่ผ่านมา ทาง Isuzu ปรับลดกำลังอัดเครื่องยนต์ลงเหลือ 16.5 :1 เพื่อความประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยไอเสีย แต่เครื่องยนต์ก็ยังมีกำลังเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ดังนั้นถ้านับพื้นฐานเครื่องยนต์บล็อกนี้ตั้งแต่เริ่มขายในปี 2004 จนถึงปัจจุบัน 2019 ก็นับว่า ยาวนานกว่า 15 ปี
2. Honda Civic 1.8
ตั้งแต่ Honda Civic ก้าวขึ้นมาสู่ยุคใหม่หลังแนะนำ Honda Civic FD ออกสู่ตลาดในปี 2006 เจ้ารถคันนี้ก็มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรรุ่นใหม่ รหัส R18 และจากวันนั้นจนวันนี้ เครื่องยนต์ขนาด 1800 ซีซีของฮอนด้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักอย่างที่หลายคนคิด
แม้ว่าจะมีการปรับรหัสเช่นจาก R18A1 ครั้นแนะนำใน Honda Civic FD มาเป็น R18Z1 ตอนปรับโฉมในปี 2012 และยังใช้มาถึงปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงในเครื่องยนต์บล็อก 1800 ซีซี เน้นความทันยุคสมัยมากกว่าปรับเรื่องพละกำลังเพิ่มขึ้น จากข้อมูลทางเทคนิคชี้ว่าทางบริษัทมีการปรับจูนระบบ i-VTEC ให้ตอบสนองในการขับขี่ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงในเวอร์ชั่นประเทศไทยพัฒนาให้สามารถใช้พลังงานทางเลือก E85 ได้ ตั้งแต่ Honda Civic FB ช่วยตอบโจทย์เรื่องความประหยัดมากขึ้น
สำหรับอนาคตเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร มีความเป็นไปได้สูงที่ฮอนด้าอาจจะต้องเปลี่ยนไปแนะนำเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบเข้ามาประจำการแทน เนื่องจากความเข้มงวดทางด้านการปล่อยไอเสียมากขึ้น แต่ถ้านับตั้งแต่เราเห็นเครื่องรหัสนี้ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2006 ถึงวันนี้ก็ 13 ปี แล้ว แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังชอบพวกมันอยู่
3.Honda City/Jazz 1.5
ไหนๆ ก็พูดถึงฮอนด้า ก็อยากจะต่อเนื่องกันสักหน่อยกับเครื่องยนต์บล็อกเล็กสุดเจ๋งในรอบทศวรรษ แถมยังมีแนวโน้มอนาคตสดใสในโลกยุคใหม่ด้วย กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รหัส L15A
เครื่องยนต์นี้เริ่มขายครั้งแรกในปี 2002 ในรถยนต์ Honda Jazz/ Honda City ใหม่ ในตอนแรกทำออกมาขาย 2 เวอร์ชั่น คือ ระบบ i-DSI และ i-VTEC มันแตกต่างกันที่วิธีจุดระเบิดในเครื่องยนต์ ระบบ I-DSI เป็นเวอร์ชั่นเน้นประหยัดน้ำมันให้แรงบิดตอบสนองดีตั้งแต่ความเร็วต่ำ ถึงความเร็วรอบกลาง ทว่ากลายเป็นความนิยมในไทยกลับเป็นรุ่น i-VTEC เนื่องจากชื่อเสียงของระบบวาล์วแปรผันที่เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากกว่า
เครื่องยนต์ 1500 ของฮอนด้า L15A7 ออกมาขายในปี 2009 ติดตั้งใน Honda Jazz รุ่นที่ 2 ให้กำลัง 120 PS ทำแรงบิด 145 นิวตันเมตร มันติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และมีเพียงเครื่องยนต์รุ่น i-VTEC เท่านั้น มันให้กำลังเพิ่มขึ้น 10 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 2 นิวตันเมตร
จนรุ่นปัจจุบัน เครื่องบล็อกนี้ยังใช้พื้นฐาน L15 แต่เปลี่ยนรหัสเป็น L15Z5 มีการอัพเดทรายละเอียดปรับจูนเครื่องยนต์เล็กน้อย ซึ่งส่วนสำคัญอยู่ที่การจูน E85 และ นอกจากนี้จะพบว่า การตอบสนองแรงบิดสูงสุดถูกยกให้เข้าใกล้แรงม้าสูงสุด ทำให้ เวลาขับลากรอบจะสนุกสนานมากขึ้น เมื่อเทียบกับ เครื่องรหัส A7
อย่างไรก็ดี ในญี่ปุ่น Honda Fit ใช้เครื่องยนต์ Honda L15B1 ต่างจากบ้านเรา ตรงมันเป็นเครื่องยนต์พัฒนาภายใต้รหัส Earth Dream มีกำลังสูงสุด 132 PS ให้แรงบิด 155 นิวตันเมตร ขุมพลังตัวนี้นี่เองที่มาเป็นพื้นฐานให้เกิด VTEC Turbo ภายใต้รหัส L15B7 VTC Turbo หรือเครื่อง 1.5 ลิตรเทอร์โบ ที่เลื่องชื่อของฮอนด้าในยุคนี้ ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ใน Honda Civic และ Honda Accord
4. Nissan Sylphy 1.6
นิสสันซิลฟี่ เป็นรถคอมแพ็คคาร์คันเดียวที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร ในปัจจุบัน และเครื่องยนต์ของมันใช้พื้นฐานจากเครื่องยนต์ HR16DE
ตระกูลเครื่องยนต์ HR เป็นขุมพลังที่ทางนิสสันและ เรโนล์ต จับมือร่วมกันพัฒนา เครื่องยนต์รุ่นนี้โผล่มาในตลาดบ้านเราครั้งแรกในช่วงปี 2006 แนะนำในรถยนต์ Nissan Tida และ Nissan Tida Latio 4 ประตู รถรุ่นนี้ถูกวางให้ใหญ่กว่าซับคอมแพ็คคาร์ จึงวางเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เพื่อให้ความรู้สึกการตอบสนองที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า
ในปี 2006 Nissan อัพเดทเครื่องยนต์ HR16DE เป็นครั้งแรก นั่นรวมถึงการปรับการเปิดปิดวาล์แปรผันระบบ C-VTC ให้ตอบสนองดีขึ้น ปี 2009 บริษัทพัฒนาเครื่องยนต์บล็อกนี้ให้ก้าวล้ำอีกครั้ง ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ลงในเครื่องยนต์ตัวนี้ พร้อมปรับจูนระบบ C-VTC อีกครั้ง ให้สามารถทำงานแบบ Atkinson cycle เวลาจอดนิ่ง ลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน ได้เป็นอย่างดี
เครื่องยนต์รุ่นนี้แนะนำออกสู่ตลาดประเทศไทยครั้งแรกใน Nissan Sylphy ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2012 และยังขายมาจนปัจุบัน จากเวลานั้นมาถึงตอนนี้ ก็ใกล้วาระ 7 ปี เข้าไปทุกที แต่ถ้านับกลับไปถึงพื้นฐานเครื่องยนต์ HR16DE ที่ออกมาขายใน Tida ตอนแรก วาระก็ 13 ปี เข้าไปแล้ว
ทว่านิสสันก็ยังเหมือนจะไม่ยอมละเลิกจาก HR16DE ง่ายๆ เพราะ พวกเขามีแผนพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นนี้ต่อไป และเตรียมแนะนำในรถรุ่นใหม่ Nissan Sylphy 2020 ที่ เปิดตัวไปแล้วในจีน
5.Toyota Corolla Altis 1.8
เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรในรถยนต์ Toyota Corolla เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีการปรับพัฒนามายาวนาน เครื่องยนต์บล็อกนี้ เริ่มแนะนำในช่วงปี 2008 พร้อม การเปิดตัวรถโฉมที่ 9 ในประเทศไทย ทีแรกใช้รหัสว่า 2ZR-FE ก่อนพัฒนาต่อเนื่องมาตามกระแสพลังงานทางเลือก E85 และ ระบบวาล์วแปรผัน ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย จึงเปลี่ยนรหัสมาเป็น 2ZR-FBE ให้กำลัง 139 แรงม้า ให้แรงบิด 173 นิวตันเมตร และติดตั้งระบบเกียร์ CVT เข้ามาตอบโจทย์
ตั้งแต่การเปลี่ยนในเวลานั้น เครื่องยนต์บล็อกนี้ก็ไม่ได้มีการปรับจูนอีกเลย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรุ่นใหม่ ในปี 2014 เครื่องยนต์และเกียร์ชุดนี้ก็ถูกนำมาติดตั้งกับรถรุ่นใหม่ แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากลูกค้า เนื่องจากเครื่องยนต์มีความทนทานและตอบสนองดีขึ้น เครื่องรุ่นปัจจุบันมีแรงม้าเพิ่มขึ้น เป็น 141 แรงม้า และให้แรงบิด 177 นิวตันเมตร ถ้านับรวมว่า เครื่องบล็อกนี้อยู่ในตลาดก็ประมาณ 11 ปี
แนวโน้มเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรของโตโยต้า ดูเหมือนมันน่าจะยังอยู่ต่อไป เนื่องจากยังได้รับความนิยม โดยจากข้อมูลใหม่รถ Toyota Corolla รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไต้หวัน ชี้ว่าทางบริษัทมีแนวโน้มจะแนะนำเครืองยนต์บล็อกนี้ต่อไป แต่อาจเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เนื่องจากทางโตโยต้าพัฒนาชุดเครื่องยนต์ Dynamic Force ขนาด 2.0 ออกมาตอบโจทย์ลูกค้า และคาดว่าจะมาแทนเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรในอนาคต
ที่กล่าวมาทั้ง 5 รุ่น เรียกว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถใหม่ที่ยังใช้เครื่องยนต์เก่าสุดเก๋าที่เราพอเห็นได้ในวันนี้ ความเก่าอาจจะดูเหมือนล้าหลัง ทว่าในทางกลับกันก็เป็นการพิสูจน์ความเหมาะสม และลงตัวในการใช้งานด้วย
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com