ตั้งแต่เปิดแบรนด์รถยนต์ Audi โดยผู้แทนจำหน่ายในไทยรายใหม่ ก็ต้องยอมรับว่า นั่นทำให้วงการรถยนต์นั่งหรูตื่นตัว โดยเฉพาะ Audi เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่ตลาดคนไทยมานาน มีแฟนคลับมากมาย ทว่าด้วยจำนวนรุ่นรถเพียงกระหยิบมือในช่วงระยะหลังๆ ทำให้ลูกค้าไม่มีทางเลือกนัก แถมราคายังถือว่าแพงกว่าคู่แข่งอีกด้วย
การเข้ามาของ บริษัท ไมน์สเตอร์เทคนิค จำกัด ทำเอาวงการสั่นสะเทือนตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการเข้ามาของทุนจากตระกูล่ำซำ การลงทุนที่ใช้เม็ดไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบาม น่าจะเรียกความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าพอสมควร แต่หลังจากเปิดมาแล้วเฉียด 2 เดือน ทางออดี้ ประเทศไทย รู้สึกอย่างไรบ้าง
หลังขับทดสอบรถ บรรดาผู้บริหารของ Audi ประเทศไทย ได้มานั่งจับเข่าคุยถึงเรื่องราวๆ ต่างๆ ของ Audi ที่ผ่านมา ตลอดช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงต่อจากนี้ไปยันอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ทาง Audi ประเทศไทย ยอมรับว่า พวกเขารู้สึกดีใจอย่างมาก ที่การเข้ามาของบริษัท ไมน์สเตอร์เทคนิค จำกัด สามารถปลุกกระแสรถยนต์ Audi ในประเทศไทยได้อย่างดี จนในงานมอเตอร์โชว์สามารถทำยอดจองได้ 184 คัน เหนือความคาดหมายที่ตั้งเป้าเอาไว้ตอนแรก ตลอดจน รถยนต์รุ่นที่ได้รับความสนใจและขายดีนั้น ส่วนใหญ่เป็นรถระดับบน ได้แก่ Audi TT และ Audi Q7 เจ้าอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ของค่าย
กลยุทธ์ที่นำมาใช้ Right Price , Right Product กลายเป็นยุทธศาสตร์ที่จับใจลูกค้า ซึ่งทาง “เอาดิ ประเทศไทย” ยอมรับว่า อาจจะมีบางออพชั่นที่ถูกทอนออกไปเนื่องจากความต้องการทำราคาให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า แต่บางอย่างก็สามารถสั่งเพิ่มเติม (Add on) เช่นในกรณีรถยนต์ Audi Q7 ลูกค้า สามารถเลือกเพิ่ม หลังคาแก้ว , เบาะนั่งแถว 3 ได้ ถ้าต้องการ โดยจ่ายเพิ่มอีกหน่อย ซึ่งทาง Audi เรียกว่า Customize Package
ส่วนในบรรดารถที่ได้รับการสั่งจองแล้ว ทาง Audi ก็ได้ประสานกับบริษัทแม่ในการเร่งส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทยที่ชื่นชอบรถยนต์ Audi แล้วได้ ตัดสินใจมาเป็นครอบครัว Audi แล้ว ซึ่งทางบริษัทแม่ Audi AG ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ดังกล่า วแต่ทาง Audi จะเริ่มทยอยส่งมอบรถเมื่อไรกัน
อนาคตเป็นอย่างไร ??
เมื่อถามเรื่องอนาคตที่ดูสดใส Audi ค่อนข้างมั่นใจว่า ในเวลานี้ พวกเขาสามารถพลิกฟื้นแบรนด์รถยนต์เยอรมันรายนี้ให้มีอนาคตที่รุ่นโรจน์ได้
คุณ กฤษณะกร เศวตนันทน์ CEO Audi Thailand กล่าวว่า ทาง Audi ค่อนข้างให้ความสำคัญ และจริงจังกับตลาดในประเทศไทย พวกเขามองประเทศไทย เป็นเพชรบนมงกุฎที่หายไป ทำให้การประสานงานกับ Audi ค่อนข้างราบลื่น มีการทำงานร่วมกันมาตลอด ตั้งแต่เริ่มออกวางจำหน่าย
โดยภายในปีนี้ เรามีแผนจะเปิดตัวรถทั้งหมด 23 รุ่น ตอนนี้เปิดไปแล้วทั้งสิ้น 12 รุ่น ซึ่งแผนเราต่อไป คือการเข้าถึงรุ่นสายพันธ์สปอร์ต หรือ Audi Sport ทั้งในกลุ่ม S Line และในสายพันธุ์ RS ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวในปีนี้
ส่วนในเรื่องเครื่องยนต์ที่มีการถามเข้ามาว่า ทำไมเรายังไม่นำเครื่องยนต์ดีเซลของ Audi เข้ามาทำตลาดในไทยสักที
เรายอมรับว่า เราต้องการความมั่นใจว่า สินค้าของเราเมื่อนำเข้ามาวางจำหน่ายแล้ว จะไม่สร้างปัญหาในการใช้งานให้ลูกค้า จึงอาจจะใช้เวลานานกว่าแบรนด์อื่นๆ รวมถึงเราต้องเตรียมความพร้อมทางด้านการบริการหลังการขายด้วย ซึ่งกรณีดังกล่าวก็เช่นเดียวกันในรถยนต์ประเภทไฮบริด ที่อาจจะต้องศึกษาตลาดอีกสักระยะ แต่ก็ยอมรับว่า ทางบริษัทก็ยังสนใจ
จากคำบอกเล่าของ Audi ภายในปีนี้ บริษัท จะขยายโชว์รูมทั้งสิ้น 3 แห่ง โดยแห่งแรกเปิดแล้วที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ก่อนที่จะเปิดสำนักงานใหญ่ที่ถนนเลียบยทางด่วนภายในเร็วๆนี้ อีกที่จะเป็นย่านฝั่งธนบุรี เรียกว่ามาครบจัดเต็มพอสมควร
การกลับมาพลิกฟื้นแบรนด์ Audi ถือว่าเป็นเกมธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง มันกลายเป็นแบรนด์รถยนต์เยอรมันที่หลายคนสนใจ โดยเฉพาะใครที่ต้องการทำอะไรใหม่ๆ มากกว่า Mercedes Benz หรือ BMW นั่นทำให้เราอาจจะต้องจับตาดู Audi ประเทศไทย ว่า อีก 12 รุ่นที่เหลือในปีนี้ จะจับอะไรมาขายบ้าง … และพวกเขาทำให้ตลาดหรูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงด้วยความคิดใหม่ๆ