Home » GWM (Thailand)  สถานการณ์ เป็นอย่างไร ยังไหวไหม ท่ามกลางตลาดดุยุคนี้
Blog Buster บทความ

GWM (Thailand)  สถานการณ์ เป็นอย่างไร ยังไหวไหม ท่ามกลางตลาดดุยุคนี้

ตั้งแต่ ลูกค้ารู้จักแบรนด์รถยนต์ยุคใหม่จากเมืองจีนเป็นต้นมา แบรนด์ GWM ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์จากจีนที่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา

GWM อาจจะตกเป็นข่าวในแง่ความสั่นคลอนของแบรนด์จากหลาย มิติ ทั้งการลาออกของผู้บริหารรายเดิมที่ปลุกปั้นแบรนด์มาตั้งแต่เริ่มต้นจนวันที่เติบใหญ่ หรือการที่ พาร์ทเนอร์ สโตร์ รายสำคัญ ตัดสินใจเปลีย่นใจเลิกขายไปบ้าง ทำให้หลายคน อาจรู้สึกว่า ท้ายที่สุดแล้ว แบรนด์จีนรายนี้จะมีชะตาอย่างไรในไทย

ถ้าย้อนอดีตของ GWM ในไทย ทางแบรนด์ เปิดตัวในตลาดประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2021 แต่เริ่มมีข่าวว่าเข้ามาดำเนินกิจการในไทย ตั้งแต่ราวๆ ปี 2020

ถ้าหากนับว่าเป็นค่ายรถยานยนต์จากจีน ที่เปิดตัวยอมรับ อย่างเปิดอกว่า เป็นแบรนด์จีน ที่เข้ามาดำเนินการโดยบริษัทแม่จากเมืองจีน ก็ต้องยอมรับว่า นี่คือค่ายรถยนต์รายแรก

จากดั้งเดิม ที่มาในแบบการผ่าานตัวแทน, การร่วมลงทุน หรือบ้างก็มีที่วางตัว โดยใช้ชื่อจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในอดีต ทำตลาด เพื่อหลีกเลี่ยง การรับรู้ของคนไทยต่อสินค้าจีน

การก้าวมาของ GWM ได้สร้างความแตกต่างในหลายมิติ กับคนไทยต่อสินค้ารถยนต์จากจีน จนเรียกว่า ถ้าไม่มี GWM ในวันนั้น รถจีนจากแบรนด์อื่นๆ ก็คงไม่ขายดีเท่าวันนี้ เป็นแบรนด์ที่เปิดโลกใบใหม่ให้กับลูกค้าชาวไทย

โดยเฉพาะการดำเนินนโยบาย xEV Leadership ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่แนะนำรถยนต์อย่าง GWM Haval H6 HEV เข้าทำตลาด ไปจนถึงการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ามหาชนรุ่นแรก จนนำไปสู่การเปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้า อย่าง GWM ORA Good CAT จนได้รับความนิยมอยู่พักใหญ่ และยังเป็นรถไฟฟ้า ที่คุ้มค่าในสายตาของใครหลายคนอยู่ในปัจจุบัน

พวกเขายังเสนอแนวคิดใหม่ ๆ อาทิ รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กที่สามารถวิ่งได้ไกล มีระยะทางไฟฟ้า ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก

หรือ จะล่าสุด การนำเสนอแนวทางใหม่รถไฮบริดลุยได้ในตระกูล GWM TANK 300 / TANK 500 ไปจนถึง กระบะไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย GWM POER SAHAR

กลยุทธ์ ทางด้านการขาย ก็เป็นอีกด้านที่สร้างความแตกต่างให้ลูกค้าชาวไทย ด้วยแนวทางการเลิกวิ่งเร่หาเซลล์และข้อเสนอที่ดีที่สุด ผ่านแนวทาง One Price Policy ด้วยข้อเสนอเดียวกัน ราคาเดียวกัน จากทุกโชว์รูมทั่วประเทศ ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุดต่อลูกค้าที่สนใจสินค้า 

นอกจากนี้ ยังเป็นแนวธรกิจยุคใหม่ ไม่สร้างภาระให้กับทางตัวแทนจำหน่าย ที่เข้ามาเป็น พาร์ทเนอร์สโตร์ กับทาง  GWM 

รวมถึง ยังพยายามในการพัฒนา บริการหลังการขาย ด้วยระบบ GWM Smart Service ใช้งานเทคโนโลยีอัจฉริยะ และการเชื่อมต่อ เพื่อทำให้ลูกค้าสะดวกในการเข้ารับบริการด้วย

แต่ทุกอย่างที่พูดมานั้น อาจทำให้ หลายคนตะขิดตะขวงใจ เมื่อได้ยินถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ในระยะหลัง ทั้งที่ความจริงแล้ว GWM น่าจะเรียกว่า เป็นหนึ่งในค่ายจีนที่มั่นคงที่สุดแบรนด์หนึ่งในวันนี้

ประการแรก, จุดเริ่มต้นของ GWM เริ่มจากการเข้าลงทุนในการซื้อโรงงาน ศูนย์การผลิตรถยนต์ของ GM เดิมที่จังหวัดระยอง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตและประกอบรถยนต์ในไทย

นั่นผิดกับหลายแบรนด์จีนในระยะหลัง ที่ใช้กระบวนการนำสินค้าเข้ามาขายก่อน จนกระทั่งภาครัฐบาลออกมาตรการสนับสนุน จึงเริ่มมาตัดสินใจในการลงทุนในประเทศไทยในภายหลัง เพื่อรับข้อเสนอของภาครัฐบาล

ประการต่อมา ,ทางเกรท วอลล์ มีการวางแผนในการลงทุนในประเทศไทย ระยะยาว โดยมีการวางกรอบการลงทุนไว้ประมาณ 23 พันล้านบาท (ไม่รวมการซื้อโรงงานประกอบ)

ส่วนที่น่าสนใจที่สุด คือ การเข้ามาของ GWM ไม่ได้เข้ามาเพียงแค่โรงงานประกอบเท่านั้น แต่ยังดำเนินงานในการลงทุนทางด้าน ซัพพลายเชนที่สำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ โดยได้นำ พาร์ทเนอร์ ยกขบวนเข้ามาตั้งโรงงานร่วมด้วย

ยกตัวอย่างเช่น โรงงานของ Svolt Energy พาทเนอร์โรงงานประกอบชุดแบตเตอร์รี่ป้อนให้กับทางโรงงานของ GWM  และยังมีพาทเนอร์ผู้ผลิตรายอื่นที่เข้ามาอีก ซึ่งเราอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน อาทิ HYCET, NOBO, MIND, Exquisite 

และทุกเจ้ามีโรงงานเป็นของตัวเองรวมทั้งสิ้น 5 โรงงาน ทำให้ GWM มี Eco System ของตัวเองในการผลิตชิ้นส่วน หรือ Local Content ในประเทศไทย อย่างจริงจัง

อย่างไรก็ดี , แม้ว่า หลายคนอาจจะเห็นเวลาสื่อประโคมข่าว เรื่องการปิดหรือยุติการวางจำหน่ายของตัวแทนจำหน่ายของ GWM หลายราย

แต่ปัจจุบัน ยังมี Partner Store อีกหลายแห่ง ที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ จากข้อมูลล่าสุดของ GWM ยังมี ดีลเลอร์เปิดดำเนินการ ถึง 68 แห่ง ทั่วประเทศไทย โดยในจำนวนนี้ เป็น ศูนย์บริการในเขตกรุงเทพ และ ปริมณฑล มากถึง 22 แห่ง

ไม่เพียงเท่านี้ ศูนย์บริการส่วนใหญ่ ที่ให้บริการในปัจจุบัน ยังเป็น ศูนย์บริการที่มาในรูปแบบ 3 S ได้แก่ Sale, Service และ Spare Part เพื่อให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าในการใช้รถด้วย

นอกจากนี้ GWM ยังมีการลงทุนอย่าต่อเนื่อง โดยเพิ่ง จะเเปิดตัวโครงการ GWM Sunergy Space นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาลานจอดรถ (Solar Carport) ณ โรงงานอัจฉริยะของ GWM จังหวัดระยอง ถือเป็นโครงการที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บริเวณที่จอดรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีกำลังการผลิตขนาด 8 เมกะวัตต์ และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละกว่า 10 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง โครงการดังกล่าว มีประโยชน์สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่

การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด– โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในภาคการผลิต ยังช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานสะอาดในภาคธุรกิจต่าง ๆ และสังคมโดยรวม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม

การผลิตพลังงานทดแทน – ระบบโซลาร์บนหลังคาลานจอดรถจะเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าช่วยผลิตพลังงานสะอาดที่สามารถนำมาใช้ในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การลดการใช้ไฟฟ้าจากระบบหลัก– การใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทนจะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากระบบไฟฟ้าหลักในพื้นที่ ๆ ช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตและประหยัดพลังงานในระยะยาว

การป้องกันความร้อนจากแสงแดด – แผงโซลาร์เซลล์จะช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดที่ตกลงบนรถยนต์ GWM ที่ผลิตออกมาและเตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าในอนาคต ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความคงทนของวัสดุอุปกรณ์ของตัวรถที่มีความเซ็นซิทีฟกับแสงและความร้อน

จากทั้งหมดนี้ เรา คงจะเห็นแล้วว่า ในบรรดา แบรนด์รถยนต์จากจีน ที่มีมากมายในตลาดปัจจุบัน GWM ถือเป็นแบรนด์ที่มีความมั่นคงในการทำตลาดประเทศไทย และมีความตั้งใจในการทำตลาดอย่างจริงจัง  

แล้วจากที่ฟังข้อมูล ที่เราเล่ามาทั้งหมด เพื่อนๆ คิดว่า GWM ในประเทศไทย เป็นอย่างไรบ้างครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.