Home » ทำไม Mazda2 ดีเซล จึง เป็น อีโค่คาร์ดีเซล คันแรก และคันเดียวในคลาส
Blog Buster

ทำไม Mazda2 ดีเซล จึง เป็น อีโค่คาร์ดีเซล คันแรก และคันเดียวในคลาส

ตั้งแต่ รถยนต์อีโค่คาร์ วางจำหน่ายออกสู่ตลาด เชื่อว่าหลายคนจะคุ้นชินกับ บรรดารถยนต์นั่งขนาดเล็กตะมุตะมิ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซืนขนาดเล็ก 1.2 ลิตร จนกระทั่งในโครงการเฟส 2 มาสด้า ได้เข้าร่วมโครงการนี้ และ ช๊อควงการด้วย มาสด้า2 ดีเซล

มาสด้า2 ดีเซล เป็นรถยนต์อีโค่คาร์รุ่นแรก ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ออกสู่ตลาดในฐานะรถรุ่นท๊อป ที่ออกมาตอบโจทย์คนมองหารถยนต์นั่งขนาดเล็กสุดประหยัด ต้องการสมรรถนะในการขับขี่

ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว มาจนวันนี้ Mazda 2 ดีเซล เป็นรถที่พิสูจน์ในเรื่องดังกล่าวมาอย่างดี ด้วยเครื่องยนต์ Mazda Skyactiv-D ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับสูงสุด 105 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และแม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ราวๆปี 2015 ก็ยังไม่มีอีโค่คาร์ค่ายอื่นออกเครื่องยนต์ดีเซลมาลบเหลี่ยมมาสด้า เรียกว่า เป็นรถไร้คู่แข่งทางตรงตัวจริง ในวันนี้

สาเหตุที่ อีโค่คาร์ดีเซล ไม่เกิดขึ้นในรถยนต์รุ่นอื่น มีหลายปัจจัยที่น่าสนใจ แม้ว่าตั้งแต่จุดเริ่มต้น โครงการอีโค่คาร์ระยะแรก ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเปิดช่องให้เครื่องยนต์ดีเซลเข้าทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กได้ จนมรีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เป็นการเปิดช่องให้แบรนด์รถยุโรปบางแบรนด์ ที่มีเครื่องยนต์ดังกล่าว ขณะที่ตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นไม่เป็นที่นิยมนัก

เมื่อไม่มีใครทำได้ในตอนร่างโครงการ อีโค่คาร์ 2 ทางภาครัฐ จึงปรับเพดานเพิ่มขนาดเครื่องยนต์อีก 100 ซีซี ทำให้ มาสด้า สบช่องในการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซล บล็อกเล็กเข้าสู่ตลาดประเทศไทย พร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ด้วย เป็นการเปิดตลาดเซกเม้นท์ ใหม่ที่ไม่เคยมาก่อน

ในอีกด้าน ต้องยอมรับว่า ตอนที่มาสด้า เปิดตัว มาสด้า 2 เป็นจังหวะที่ตลาดรถยนต์นั่งเก๋งดีเซล ในตลาดทั่วไป หรือที่นักการตลาด เรียกว่า Mass Market เสื่อมความนิยม พอดี

เดิมที เครื่องยนต์ดีเซล แนะนำในรถยนต์เก๋ง จากอเมริกา ในสองแบรนด์ชั้นนำ คือ Ford Focus TDCi และ Chevrolet Cruze 2.0 Diesel

ด้าน Ford ยกเลิกไลน์อัพดีเซล ตั้งแต่แนะนำ Ford Focus รุ่นปี 2012 แทนที่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ในระดับบน ส่วนทางด้าานเชฟวี่ แม้ว่าจะลากยาวเครื่องดีเซลมาได้ และในตอนนั้นที่มีประเด้นเรื่องเครื่อง 1.8 ลิตร เบนซิน ก็ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับเครื่องยนต์ดีเซล

แต่ราคาที่ต้อวบอกว่าค่อนข้างเอาเรื่อ งและมีให้เลือกเพียงรุ่นท๊อปเท่านั้น ทำให้หลายคนมองข้ามมันไป และ ทำให้ภาพลักษณ์ เก๋งดีเซล ถูกมองว่า เป็นรถยนต์ค่อนข้างแพง แถม เสียงเครื่องยนต์ดัง คนไทยส่วนใหญ่ไม่ถูกใจสิ่งนี้นัก

การเสื่อมความนิยมของตลาดเก๋งดีเซล ประกอบกับ ส่วนสำคัญว่า รถยนต์อีโค่คาร์ ต้องมีราคาถูกจับต้องง่าย ช่วง 2015 ราคาอีโค่คาร์ยังไม่มาไกลเท่าในวันนี้

ตอนเปิดตัว ทางมาสด้า เริ่มจำหน่ายในรุ่น XD เคาะราคา 675,000 บาท และมีราคาตัวท๊อป 790,000 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงมากในปัจจุบัน และ ทำให้สัดส่วนการขายมาสด้า 2 ส่วนใหญ่ จะไปเทกับบรรดาเครื่องยนต์ 1.3 ลิตรมากกว่า กลายเป็นตลาดเดินยาก และชี้ให้เห็นว่า ราคาจำหน่าย มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าค่อนข้างมาพอสมควร

เมื่อมาสด้า ถูกมองจากเืพ่อนร่วมชาติทำให้ นี่เป็นหนึ่งในเงื่อนไข ที่อีโค่คาร์ดีเซล ไม่มีรุ่นอื่นๆ ตามมาก เนื่องจากทำราคาขายยาก ลูกค้ามองราคาแพงเกินไป

ประกอบกับ เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ไม่ใช่เทคโนโลยีที่นิยมในรถยนต์ญี่ปุ่นมากนัก นอกจากมาสด้าก็มีเพียง ฮอนด้า ที่พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก 1.5 ลิตร วางจำหน่ายใน Honda Amaze แต่เนื่องจากการพัฒนาช่วงแรกแนะนำเพียงเกียร์ธรรมดา และ Honda Amaze เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุอานามมาก จึงไม่นำเข้ามาขายในไทย

ส่วนในตอนนี้ สาเหตุที่ไม่มีอีโค่คาร์ดีเซลออกมาอีก เนื่องจากความเข้มงวดทางด้านไอเสียของประเทศไทย เอื้อต่อเทคโนโลยีแบบใหม่ อย่างไฮลริดมากกว่า หลายค่ายจึงเบนเข็มไปไฮบริดที่ตอบสนองลูกค้าดีกว่าในราคาที่เหมาะสม และ ดูทันสมัยมากขึ้น ทั้งยังทำเรื่องประหยัดดีกว่าเครื่องสันดาปเพียวๆด้วย

มาถึงตรวนี้ คงพอเห็นภาพว่า ทำไม Mazda 2 ดีเซล จึงเป็นอีโค่คาร์ดีเซล รุ่นเดียวตั้งแต่วันแรกมาจนถึงบัดนี้ และ อาจจะต้องจากรึกว่า มันเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเดียวที่เคยเข้ามาขายไทย

ประเด็นสำคัญ คือ มาสด้า มาถูกที่ถูกเวลา แม้ว่าจะขายไม่ดี ไม่เคยถอดใจ ที่จะยกเลิกไลน์อัพนี้ เลือกนักสู้ ฮิโรชิม่า ทำให้ mazda 2 ดีเซล ยืนหยักมาได้ จนพิสูจน์แล้วว่า เป็นหนึ่งเดียว อีโค่คาร์ดีเซล

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.