‘รถต้นแบบ’ เปรียบเสมือนการเผยแพร่ปรัญชาการออกแบบของรถแต่ละค่ายให้ผู้คนได้รับรู้ก่อนจะได้ใช้งานจริง ทว่ารถต้นแบบบางคันก็มิได้มีโอกาสเกิดเป็นรถยนต์ที่จำหน่ายจริง แม้แนวคิด รูปลักษณ์ หรือความแปลกใหม่จะน่าสนใจไม่ซ้ำใคร แต่เอาเข้าจริงแล้วถ้าผู้ผลิตไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะขายรถคันนี้ไม่ได้ แน่นอนมันก็จะฝ่อเหมือนอย่างที่ BMW เคยอวดโฉมรถต้นแบบทรงแฮทช์แบ็ค 3 ที่นั่ง ซึ่งคนขับจะอยู่ตรงกลางในปี 1993 หรือกว่า 26 ปีมาแล้ว
เมื่อพูดถึงรถยนต์ต้นแบบพวกเราคงคุ้นเคยกันดีกับรถที่ออกแบบมาสวยงาม โฉบเฉี่ยว และล้ำอนาคต ซึ่งหลายๆ คันก็มีโอกาสได้ขึ้นสายพานการผลิตจริงให้เราได้ซื้อหามาใช้งานกัน แต่กับ BMW Z13 รถแฮทช์แบ็ครูปทรงสุดแนวในยุคปีค.ส. 1993 หรือปี พ.ศ.2536 หรือเปรียบได้กับรถไฟฟ้าคันเล็กอย่าง BMW I3 ในยุคปัจจุบัน แรกเห็นก็รู้ได้ทันทีว่ารูปทรงของมันสามารถดึงดูดใจผู้ซื้อได้แน่นอน แต่เรื่องประโยชน์ใช้สอยนี่ยังต้องบอกว่าแคบไปหน่อยเมื่อ
โดยในตอนนั้นจุดเด่นของมันอีกหลายสิ่งก็มีตั้งแต่เบาะนั่ง 3 ตัว ที่มีตำแหน่งคนขับอยู่ตรงกลางคล้ายกับรถ F1 รวมถึงการใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่เรียกว่าใหม่มากในยุคสมัยนั้นที่เกียร์อัตโนมัติส่วนใหญ่ยังเป็นแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์อันมีเพียง 3-4 สปีดเท่านั้น ขณะเดียวกันน้ำหนักตัวรถก็เบาถึง 830 กิโลกรัมเลยทีเดียว ส่วนเรื่องขุมพลังนั้นติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินวางหลังให้กำลัง 82 แรงม้า
เหตุผลของการกำเนิด BMW Z13 เกิดขึ้นจาก BMW ในตอนนั้นคิดว่าจะสร้างรถสักคันที่ใช้งานในเมืองได้แบบประหยัดน้ำมันสุดๆ ด้วยสาเหตุดังกล่าวจึงทำให้ Z13 คลอดออกมาเป็นรถทรงแฮทช์แบ็คขนาดย่อมที่ขับในเมืองได้คล่องแคล่ว โดยตอนนั้นทางผู้ผลิตคิดว่าจะนำเครื่องเบนซินสี่สูบเรียงของรถจักรยานยนต์ในเครือเช่น BMW K1100 มาติิดตั้งในรถคันจำหน่ายจริง พร้อมกับนำมันไปไว้ที่ด้านท้ายรถและส่งกำลังสู่ล้อด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ถูกพัฒนาจากฟอร์ด
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้า Z13 ยังล้ำหน้ารถยนต์ในยุคนั้นด้วยการติดตั้งระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบนำทางผ่านดาวเทียม โทรศัพท์ และแฟ็กซ์ เรียกได้ว่าเปรียบเหมือนกับ BMW i3 ในยุคปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ทว่าความฝันที่ทำตลาด Z13 เป็นอันต้องจบลง เพราะทาง BMW ได้เข้าซื้อกิจการ MINI ในปี 1994 และนั่นทำให้ Z13 กลายเป็นเพียงรถต้นแบบที่มีผลิตเพียงไม่กี่คันเท่านั้น