Home » ประชัน 3 คอมแพ็ค   SUV น้องใหม่ ใครเจ๋งอะไร มาดูกันเลย
บทความ เปรียบเทียบรถใหม่

ประชัน 3 คอมแพ็ค   SUV น้องใหม่ ใครเจ๋งอะไร มาดูกันเลย

ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ดูจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอดปี 2017 ภายในงาน   Motor Expo 2016   นับว่าเป็นการเผยรถยนต์ใหม่หลายรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กใหม่ๆ ที่กำลังจับใจลูกค้า มีมากถึง 3 รุ่น และบางคนอาจจะสนใจพวกมันอยู่ เราจะพาไปเจาลึกกันว่ารุ่นไหน เด่นอะไรกันบ้าง

 

Subaru XV  ใหม่ เน้นปลอดภัย สูงสุด

คันแรกพูดกันมาว่า จะมาตั้งแต่ต้นปี ในที่สุดก็เผยโฉมออกมาขายในไทย สำหรับรถยนต์   Subaru XV   ใหม่ กลับมาเอาใจคนชอบรถอเนกประสงค์อีกครั้ง

งวดนี้ซูบารุ ชูจุดขายในเรื่องของความปลอดภัยเป็นพิเศษตั้งแต่ไส้ในโครงสร้างตัวถังของรถ ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ แนะนำ  Subaru  Global Platform  วางจำหน่ายในประเทศไทย เป็นครั้งแรก และการปรับปรุงโครงสร้างหลักที่มีความแข็งแรงมากขึ้น หมายถึงความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนมากขึ้น ตลอดจนเรื่องออพชั่นความปลอดภัย ทางซูบารุยังจัดเต็มถุงลมนิรภัย 7 จุด ทั้งคัน เพิ่มความมั่นใจในยามขับขี่มากขึ้น

Subaru XV 2018

รวมถึงจากการเปิด   Subaru XV   เวอร์ชั่นที่มี   Eyesight  ระบบช่วยในการขับขี่ในประเทศสิงคโปร เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา เราเชื่อว่าในอนาคตน่าจะมีการติดตั้งหรือแนะนำระบบความปลอดภัยดังกล่าวเข้ามาใน Subaru XV   ใหม่ด้วย

ด้านเครื่องยนต์ ยังคงขุมพลัง 4 สูบ  Boxer   ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังวังชาไม่ต่างจากเดิมในรุ่นก่อน แต่ภายในเครื่องยนต์มีการปรับปรุงสมรรถะในการขับขี่ พอสมควร หันมาใช้ระบบฉีดน้ำมันแบบ   Direct Injection  ตลอดจนยังติดตั้งระบบเกียร์ CVT 7 สปีด เพิ่มการตอบสนองดีขึ้น 

Subaru XV 2018

ส่วนภายในห้องโดยสาร มีการปรับปรุงความทันสมัยยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้  จนครบครันดูดีมากพอสมควร ทั้งเรื่องฟังชั่นการใช้งาน และความสวยงาม อาทิการแนะนำเบรกมือไฟฟ้า ,เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส และจอแดสงข้อมูลสีทั้งหมดภายในรถเป็นต้น

แถมงวดนี้ราคาจำหน่าย ก็ยังออกมาไม่แรงเหมือนเดิม ตัวท๊อปรุ่นใหม่จบที่ 1,259,000 บาท ถ้านับว่ารุ่นก่อนราคาขายสูงสุดที่ 1,350,000 บาท ถือว่า ถูกว่าพอสมควร

Subaru XV 2018

MG ZS 1.5

 

ถึงจะไม่ใช่คู่แข่งสายตรง แต่ก็เป็นรถที่กระแสมาดี มาแรงพอสมควรไม่น้อยกับรถยนต์   MG ZS  ใหม่ ที่มาพร้อมด้วยความโดดเด่นทางด้านเทคโนโลยี จนคนหันมาสนใจแบรนด์อังกฤษทุนจีนค่ายนี้

MG ZS  โดดเด่นมากในแง่การนำเสนอแนวทางการออกแบบตัวรถใหม่ ดูดีพรีเมี่ยมมากขึ้น และมีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในหมู่รถยนต์อเนกประสงค์เล็กเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ที่มีในปัจจุบัน

MG ZS

MG ZS

จุดขายของ   MG ZS  หลักๆ คือ  ระบบเชื่อมต่อทางไกล   Telematic System   สร้างให้รถยนต์อเนกประสงค์คันนี้เชื่อมต่อกับโลกอยู่ตลาอดเวลา ด้วยระบบ I Smart   สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากขึ้น อัพเกรดจากระบบ  inkanet  เดิม เปลี่ยนไปคนละโลก ด้วยแอพพลิเคชั่นมือถือ สามารถตรวจสอบสถานะของตัวรถ และค้นหาตำแหน่งรถได้

การเรียกใช้ฟังชั่นภายใน ผ่านการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรก ถือเป็นไฮไลท์เด็ดที่ทำให้คนสนใจมากขึ้น ด้วยการตอบโจทย์สิ่งที่สังคมต้องการ แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีระบบสั่งการด้วยเสียงมาแล้วในรถหลายรุ่นก็ตาม

MG ZS

ส่วนภายในห้องโดยสารทูโทนก็ออกแบบมาไม่ได้ขี้เหร่อะไร เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นในตลาด ฟังชั่นใช้งานครบจบความต้องการ แถมห้องโดยสารก็ค่อนข้างมีขนาดใหญ่ในระดับหนึ่ง

เรื่องเดียวที่ยังถกเถียงกันในหมู่คนที่สนใจคือเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กับชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด หลายคนตะขิดตะขวงใจ ว่ามันจะขับได้ดีหรือไม่ อืดหรือเปล่า 

แต่ถ้ามองข้ามเรื่องสมรรถนะไปได้   MG ZS   เป็นรถสุดคุ้มในราคาไม่เกิน 8 แสนบาท ณ วันนี้

อ่านรีวิว MG ZS 1.5  ได้ที่นี่ 

Toyota C-HR

“กว่าจะมาแทบตลาดวาย” เป็นสโลแกนที่สาวกชอบแซวค่ายโตโยต้าเสมอ มา และในปีนี้ ทาง  Toyota   เข้ามาลงตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กด้วยรถยนต์   Toyota C-HR  ใหม่  เสียที

แม้ว่าต่างประเทศจะเปิดตัวทำตลาดมานานปีเศษ แต่สสำหรับประเทศไทยรถรุ่นนี้เพิ่งเข้ามาอวดโฉมเว้าวอนน่าเป็นเจ้าของตั้งแต่ช่วง   Motor Expo  2017 ที่ผ่านมา

Toyota C-HR

เทียบกับรถอเนกประสงค์หน้าใหม่ที่ออกมาในช่วงปลายปี 2017 เจ้า   Toyota C-HR  ควงทีเด็ดด้วยแนวทางการออกแบบแปลกแตกต่างมีสไตล์สปอร์ตเป็นตัวของตัวเอง ตามแนวทาง   Coupe – High Rider ทำให้รถดูเป็นได้ทั้งรถอเนกประสงค์ และในบางอารมณ์ยังดูสปอร์ตโดนใจอีกด้วย

แนวทางการออกแบบดังกล่าวยังส่งถึงภายในห้องโดยสาร ด้วยการออกแบบตัวรถที่สปอร์ตทั้งคัน จริงๆ แต่ด้วยทรงที่ออกไปในทางคูเป้ ที่นั่งตอนหลังจึงดูแคบ เมื่อประกอบกับการวางกระจกข้างค่อนข้างสูง ทำให้ผู้โดยสารอาจจะรู้สึกอึดอัดเมื่อไปนั่งตอนหลังอยู่บ้าง

Toyota C-HR

 

อย่างไรก็ดีการออกแบบไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทางโตโยต้าเตรียมมาในเจ้า   Toyota C-HR   ยังมาพร้อมออพชั่นต่างๆ แน่นขนัดมากมาย อาทิ ระบบ Toyota Safety Sense   ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน มีทั้งระบบป้องกันการหลุดเลน , ระบบเตือนการชนทางด้านหน้า  และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันตามสภาวะการจราจร

รวมถึงสำหรับคนที่อยากได้อะไรล้ำสมัย ยังมีระบบ   Toyota T Connect   ระบบเชื่อมต่อทางไกล   Telematic   มาตอบโจทย์ด้วย โดยทำงานร่วมกับศูนย์ให้บริการข้อมูล 24 ชั่วโมง

Toyota C-HR

Toyota C-HR

และท้ายสุดสำหรับคนที่ชอบความล้ำจริงๆ ก็ยังมีรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร ให้เลือกเพิ่มความประหยัดในการขับขี่และรักษาสิ่งแวดล้อม

ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นออพชั่นที่มีในรุ่นท็อปออพชั่น สนนราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,159,000 บาท   เป็นค่าตัว

 

เมื่อเหลียวมองรถอเนกประสงค์ใหม่ทั้ง 3 รุ่น เราจะเห็นว่า มีความแตกต่างกันในการนำเสนอ หนึ่งเน้นความปลอดภัยความมั่นใจในการขับขี่ ,อีกหนึ่งเน้นความทันสมัยตอบโจทย์ในการใช้ชีวิต และคันสุดท้ายเน้นความมีสไตล์ทันสมัย และลงตัวต่อการใช้งานในทุกมิติ

มันไม่สำคัญว่า รถคันไหนจะเป็นอย่างไร แต่สำคัญที่สุดที่ควรตระหนักทุกครั้งที่ซื้อรถ คันไหนเหมาะกับการใช้ชีวิตของเราและเงินในกระเป๋าที่มี 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.