kra-ba-pickup (5)
บทความ เปรียบเทียบรถใหม่

Bust In Fight : ประชัน กระบะขับสองยกสูง .. ใครน่าซื้อน่าคบ 

Ford

ในรายงานล่าสุดของเว็บไซต์   Headlightmag.com  , Ford Ranger  เป็นรถยนต์ที่อยู่ในอันดับที่ 3 ของกระบะที่หลายคนหันมาคบหา

รุ่นขับสองยกสูง  Ford   ใช้ชื่อรุ่นว่า   Hi – Rider   เป็นรุ่นที่แยกออกมาจาก   Wildtrak   ตัวแต่งเต็มอีกที (อย่าจำสับสน) โดยมีตั้งแต่ตัวเริ่มต้นรุ่น   XLS  ราคาเริ่มต้นที่ 789,000 บาท เป็นรุ่นประหยัดคล้ายกับที่อีซูซุทำออกมา เช่นโคมไฟธรรมดา กระจังหน้าสีเทาดำ , ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว พร้อมยาง 255/70/R16   ตัวนี้เป็นเครื่องดีเซล 2.2 ลิตร แต่ว่ากลับให้กำลังเพียง 125 แรงม้าเท่านั้น ถ้าไม่ชอบกันจริงแนะนำให้ผ่านไปรุ่นกลางดีกว่า

Ford Ranger Hi-Rider XLT   คือของจริงตัวขับ 2 ยกสูงจากค่ายวงรีสีน้ำเงิน  จุดเปลี่ยนสำคัญ คือการให้ กระจังหน้าสีเงิน ,กระจกมองข้างสีเงิน,โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์  และ มือเปิดสีดำ สวมล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว พร้อมยาง 265/60/R17

ส่วนภายในออพชั่นมากกว่าด้วยลูกเล่น ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองหลังตัดแสง ระบบปรับน้ำฝนอัตโนมัติ แต่เรื่องการตบแต่งเบาะนั่งยังเป็นผ้าอยู่ เหมือนเดิม

แน่นอนรุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์บล็อกใหม่ เพิ่มกำลังมาได้ 2 ปี แล้ว ตอบโจทย์ด้วยกำลัง 160 แรงม้า ที่3,200 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที รถใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความคล่องตัวมากขึ้นในการขับขี่

 Ford Ranger   รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง   XLT   เริ่มต้นรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ ราคา 839,000 บาท ส่วนรุ่นอัตโนมัติ 6 สปีด วางจำหน่ายในราคา  879,000 บาท

 

Mitsubishi 

จะว่าเป็นกระบะที่หลายคนลืมไปก็คงไม่ผิดนัก สำหรับ   Mitsubishi  Triton  กระบะค่ายทรีไดมอนด์ที่ทำออกมาได้โดนใจคนชอบความเร็วรักความแรงอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าหน้าตามันดูจะล้ำสมัยไปหน่อยก็ตาม

ในรุ่นขับสองยกสูงของทาง   Mitsubishi  Triton Plus   ทาง ค่ายทรีไดมอนด์ เอาใจด้วยการส่งรถรุ่นเริ่มต้น ออพชั่นประหยัดออกมาคล้ายกับคู่แข่ง ในรุ่น   Mitsubishi  Triton Plus GLX 2.4 Mivec 6 MT เปิดราคาเริ่มต้นที่ 776,000 บาท แต่ต่างจากคู่แข่งด้วยสมรรถนะในการขับขี่เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับรุ่นไฮ คล้ายใน Isuzu  Dmax ต่างเพียงออพชั่นเท่านั้น

แต่ของ   Mitsubishi  เด็ดกว่าตรงที่ทางค่ายทรีไดมอนด์ให้ตัวเครื่อง 2.4  Mivec  181  แรงม้า มาเลย หรือว่าง่ายๆ งบน้อยก็ยังได้เครื่องแรงตั้งแต่เกิดสมความเป็นมิตซูบิชิ

ออพชั่นต่างๆของ   Mitsubishi  Triton Plus  มีความน่าสนใจ จนต้องขอไปลองขับหน่อย 

แน่นอนรายละเอียดรุ่นโลว์นั่นต่างมาก เริ่มจากกระจังหน้า , กันชน อะไรต่างๆ เป็นสีดำไม่ใช่สีเดียวกับตัวรถ ส่วนตัวยังไม่เคยรถตัวเป็นๆ เช่นกัน แต่เข้าใจว่าอาจจะหน้าตาเหมือนตัวกระบะตอนเดียว ที่ไม่ใช่โครมเมี่ยมและกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ รวมถึง โคมไฟหน้า และไฟหน้า เป็นเพียงฮาโลเจนธรรมดา มาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว 

ด้านในห้องโดยสารเป็นผ้าไฮเกรด กุญแจเป็นกุญแจธรรมดาไม่มีอะไรมากมายหวือหวา กุญแจก็ยังเป็นแบบเสียบธรรมดา ให้ใช้งาน  แต่ที่น่าสนใจคือเครื่องเสียงใน  Triton Plus ทุกรุ่นเป็นแบบ   DVD   เรียบร้อยแล้ว

แน่นอนออพชั่นเริ่มต้น มักเป็นตัวผ่านเฉยๆ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ซื้อรถระดับนี้ต้องการรถที่ดูดีมีสไตล์และดูเหมือนขับเคลื่อนสี่ล้อมากที่สุด

ถ้าพูดถึงความเหมือน   Mitsubishi  Triton Plus  ทำได้เหมือนมากที่สุดในบรรดากระบะขับ 2 ยกสูง ด้วยพอคุณขึ้นไปเล่นตัวเกรด   GLS- LTD   คุณจะได้ไฟหน้าซีนอนมา , กระจังหน้าโครเมี่ยม,Day Time Running Light และไฟตัดหมอกหน้า รวมถึงยังสวมล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว พร้อมยาง  245/65/R17  ลายเดียวกับตัวขับสี่ด้วย  

เครื่องยนต์ของ   Mitsubishi  Triton  ถือว่าแรงที่สุดในกลุ่มนี้

ภายในห้องโดยสารสู่ความพรีเมี่ยมมากขึ้น ด้วยพวงมาลัย 4 ก้าน เบาะนั่งเป็นหนังสังเคราะห์ผสมหนังแท้ ระบบปรับอากาศเปลี่ยนเป็นแบบอัตโนมัติ แต่ไม่สามารถแยกซ้าย-ขวา อิสระได้เหมือนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ และเบาะนั่งคนขับยังคงเป็นแบบปรับอัตโนมือเท่านั้น 

กุญแจรุ่น  GLS  LTD   เปลี่ยนจากกุญแจธรรมดามาเป็น   KOS   รวมถึง  มีปุ่มปรับระดับไฟหน้ามาให้แล้วด้วย และท้ายสุดถ้าเลือกซื้อ  Mitsubishi  Triton Plus  รุ่นเกียร์ออโต้ เจ้ากระบะคันนี้ก็ติดตั้งระบบ   Cruise Control  มาด้วย

Mitsubishi  Triton Plus   รุ่นเริ่มต้น GLX  มีให้เลือกเพียงตัวเกียร์ธรรมดา เปิดราคาที่ 776,000 บาท  ส่วนตัว   GLS   LTD   เปิดราคาตัว เกียร์ธรรมดา  6 สปีด ที่ 826,000 บาท และ ตัวเกียร์อัตโนมัติขายในราคา 871,000 บาท

อ่านหน้าต่อไป >>>

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.