วันนี้เราพาทุกท่านมาพบกับ 10 อันดับรถไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลที่สุด ซึ่งนี่คือปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคถามหาอยู่เสมอเมื่อต้องการซื้อรถไฟฟ้า โดยเราจะมาอัพเดทกันว่ามาตรฐานรถไฟฟ้ายุคนี้มีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าไหร่กัน
เราเชื่อว่าหลายคนที่ติดตามอ่านเว็บไซต์ของเรา ส่วนหนึ่งจะต้องมีคนชื่นชอบรถไฟฟ้าอันเป็นตัวแทนใหม่ของการเดินทางในยุคหน้า ซึ่งตอนนี้ปริมาณรถไฟฟ้าที่มีจำหน่ายในปัจจุบันยังมีอยู่น้อย อีกทั้งยังจำกัดอยู่เพียงไม่กี่ประเทศในโลกเท่านั้นที่มีจุดชาร์ทไฟไว้ให้บริการ โดยมากเป็นประเทศแถบซีกโลกตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และส่วนหนึ่งของเอเชียอย่างญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามเราจะมาอัพเดทให้ทุกท่านรู้ว่า ตอนนี้รถไฟฟ้ารุ่นใดบ้างที่วิ่งได้ระยะไกลมากที่สุด แถมมันยังมีขายให้ซื้อหากันในหลายประเทศ
1. Tesla Model S
สุดยอดรถไฟฟ้าที่ปฎิวัติวงการยานยนต์ไปตลอดกาล เพราะวันที่มันถูกเผยโฉมพร้อมจำหน่ายเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ ด้วยรูปลักษณ์ทรงซีดานขนาดกลางอันหรูหรา แถมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติอย่าง AutoPilot เป็นตัวชูโรงให้แก่เทสล่าค่ายรถน้องใหม่ โดยรถรุ่นนี้จะมีรุ่นย่อยอยู่ 3 รุ่น ได้แก่ 75D วิ่งได้ไกล 416 กม. รุ่น 100D วิ่งได้ 540 กม. และรุ่นแรงสุด P100D วิ่งได้ 506 กม. ซึ่งทำให้ Model S เป็นรถไฟฟ้าที่คว้าแชมป์การวิ่งได้ไกลที่สุดไปครอง
2.Tesla Model 3
จากความสำเร็จของ Tesla Model S ซีดานพลังถ่านตัวหรูกับ Tesla Model X เอสยูวีไฟฟ้าคันโตที่มีเอกลักษณ์ ทางผู้ผลิตจึงได้เข็นรถซีดานขนาดคอมแพ็ครุ่นใหม่ Tesla Model 3 รถไฟฟ้าที่สามารถกวาดยอดจองไปหลายแสนคัน แต่ปัจจุบันบริษัทสามารถผลิตรถส่งมอบถึงลูกค้ามากสุดต่อสัปดาห์ได้เพียง 2,000 คันเท่านั้น สำหรับลูกค้านอกสหรัฐฯ ทั้งยุโรป และเอเชียคงต้องรอคิวการเป็นเจ้าของออกไปอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม Model 3 มีจุดเด่นตรงที่มีออปชั่นเหมือนกับรถรุ่นพี่ครบทุกประการ ทว่าวิ่งได้ระยะน้อยกว่าที่ 354-498 กม.
3.Tesla Model X
เอสยูวีคือชนิดรถยนต์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีหยุดหย่อน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเทสล่าจึงต้องส่ง Tesla Model X เอสยูวีใส่ถ่านคันโตอันมีจุดเด่นที่ประตูปีกนกออกมาขาย แน่นอนว่ามันยังเด่นในเรื่องห้องโดยสารอันหรูหรา แถมกว้างขวางพอให้นั่งได้ถึง 6 คนแบบสบายๆ อีกทั้งระบบความปลอดภัยก็จัดเต็มไม่แพ้ Model S ที่ออกมาก่อนหน้าอีกด้วย สำหรับระยะทางที่ทำได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจะขึ้นอยุ่กับรุ่นย่อย 3 รุ่น ซึ่งทำระยะทางได้ 381-465-474 กม.
4.Chevrolet Bolt EV
ผู้ผลิตสัญชาติอเมริกาไม่ยอมแพ้บริษัทสตาร์ทอัพร่วมชาติ เพราะพวกเขาก็มีดีในการพัฒนารถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน เห็นได้จาก Chevrolet Bolt EV รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูพลังไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับจุดเด่นเรื่องราคาที่มีการช่วยเหลือจากรัฐฯ จนมีราคาเริ่มต้นเพียง 9 แสนกว่าบาทเท่านั้น ขณะเดียวกันระยะทางที่วิ่งก็ได้ยังนับว่าเป็นข้อดี เพราะมันวิ่งได้ถึง 383 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ที่ตลาดยุโรป Bolt EV ได้เปลี่ยนตรายี่ห้อกับชื่อเป็น Opel ampera-e พร้อมกวาดยอดขายไปอย่างท่วมท้นจนผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้า
5.Nissan Leaf
หากว่ากันแล้ว Nissan Leaf จัดว่าเป็นรถไฟฟ้าคันแรกที่ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการรุ่นแรกของโลก โดยผู้ผลิตจากแดนปลาดิบได้สร้างสรรค์รถคันนี้ตอนที่รถไฟฟ้ายังเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันจนไม่มีใครนึกถึง ทว่าตอนนี้ Leaf ก้าวเข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่สอง พร้อมกับหวังว่าจะครองแชมป์รถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกต่อจากรุ่นแรกให้ได้ แน่นอนว่ารุ่นใหมท่ล่าสุดมีความสวยงามและมีระดับเพิ่มขึ้น อีกทั้งการขับขี่ ห้องโดยสาร สมรรถนะ และระยะทางที่วิ่งได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกต่างหาก โดย Nissan Leaf วิ่งได้เฉลี่ย 243 กม.
6.Volkswagen e-Golf
หลายคนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ VW Golf รถแฮทช์แบ็ครุ่นยอดนิยมจากเมืองเบียร์ที่ปัจจุบันก้าวเข้าสู่เจนฯ 7 ย่ำ 8 ซึ่งทางผู้ผลิตก็ได้รังสรรค์ e-Golf รถไฟฟ้ารุ่นพิเศษเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานทั่วไป แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่ต่างอะไรจากรถรุ่นปกตินัก แต่มันก็สามารถวิ่งได้ระยะสูงสุดต่อการชาร์ทที่ 201 กม.
7.Hyundai Ioniq EV
นี่คือรถไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีคันที่สองซึ่งถูกนำเข้ามาจำหน่ายในไทย ด้วยราคา 1,749,000 บาท กับระยะทางที่วิ่งได้เฉลี่ย 199 กม. (ผู้ผลิตบอกวิ่งได้ 280 กม.) เมื่อดูผ่านๆ อาจมองว่าไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ด้วยชื่อชั้นของรถเกาหลีที่มีความทนทานใช้งานได้นานไม่แพ้กับรถญี่ปุ่น เจ้า Ioniq EV ก็จัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กับรถไฟฟ้าคันอื่นที่มีขายอยู่ตอนนี้เลยทีเดียว
8.Ford Focus EV
หลายคนอาจร้องยี้ทันทีเมื่อพูดถึง Ford Focus เนื่องจากเสียงเลื่องลือเรื่องความทนทานกับศูนย์บริการ ถึงอย่างนั้น Focus EV เองที่มีขายอยู่ในสหรัฐฯ ก็นับว่าพัฒนาการที่สำคัญของฟอร์ด ที่พยายามจะส่งรถไฟฟ้าออกมาขายแก่ผู้บริโภคทั่วไป ติดอย่างเดียวอยู่ที่ว่าเม็ดเงินกับระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์ทหนึ่งครั้งน้อยไปหน่อย คือเฉลี่ยอยู่ที่ 185 กม.
9.BMW i3
รถแบรนด์หรูจากเยอรมันอย่าง BMW ได้รุกตลาดรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเมื่อหลายปีก่อน ด้วยการส่ง BMW i3 ทั้งเวอร์ชั่นไฟฟ้า และรุ่นเพิ่มระยะทางวิ่งด้วยการเพิ่มเครื่องยนต์ไว้สำหรับปั่นไฟเข้าแบตเตอรี แน่นอนว่าเรื่องมิติรูปลักษณ์นั้นมันเป็นทรงแฮทช์แบ็คขนาดเล็ก อันมีจุดเด่นตรงที่มีการใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นโครงสร้างรถ อย่างไรก็ตามระยะทางที่วิ่งได้ถือว่าน้อยไปหน่อย คือเฉลี่ยอยู่ราว 183 กม. เท่านั้น
10.Kia Soul EV
Kia Soul EV คือรถไฟฟ้าคันแรกที่มีการนำเข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่รูปลักษณ์สุดแนวไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้นห้องโดยสารถือว่ากว้างขวางใหญ่โตนั่งสบาย แต่ด้วยการชาร์ทไฟจนเต็ม 1 ครั้งมันสามารถวิ่งได้เฉลี่ยเพียง 178 กม. เท่านั้น ยังห่างไกลจากที่ระบุไว้ในโบร์ชัวที่ 280 กม. และที่สำคัญคือราคาจำหน่ายในบ้านเราสูงถึง 2,297,000 บาท จึงทำให้ตอนนี่เรายังไม่เคยเห็น Soul EV วิ่งบนถนนเมืองไทยเลยสักคัน
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com