ในอีกมุมหนึ่งยานพาหนะ 4 ล้อ เปรียบเสมือนเครื่องบอกสถานะทางการเงิน โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 10 รถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

รถยนต์ที่มีมากมายหลายแบบ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างกันออกไป บ้างก็มีไว้เพื่อขนบรรทุกสัมภาระ หรือเป็นรถยนต์นั่งที่เน้นความโอ่โถงกว้างขวาง ส่วนอีกด้านหนึ่งมันก็เปรียบได้กับเครื่องประดับที่ไว้โชว์สถานะการเงินของผู้ครอบครอง ซึ่งเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 10 อันดับรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกตลอดกาล

10.Ferrari Sergio Pininfarina – 95 ล้านบาท

แน่นอนว่ารถที่อยู่ใน 10 อันดับแรก ต้องเป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาจำนวนจำกัดแน่ๆ โดยเจ้า Ferrari Sergio Pininfarina ม้าสัญชาติอิตาลีคันนี้มาราคา 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 95 ล้านบาท) มีผลิตแค่ 6 คัน ขายหมดไปในปี 2015

ทั้งนี้ เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นของ Ferrari 458 italia บล็อกเบนซิน V8 ขนาด 4.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 562 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที

9.Aston Martin Valkyrie – 100 ล้านบาท

แบรนด์แอสตัน มาร์ติน ติดอันดับที่ 9 ด้วยรถไฮเปอร์คาร์ทรงรถสนาม Aston Martin Valkyrie ที่มีจุดเด่นเรื่องขุมพลังเบนซินไฮบริด โดยในตอนแรกผู้ผลิตยังไม่ได้ตั้งราคาขายเป็นทางการ แต่ก็ตกลงปลงใจเปิดราคาเอาฤกษ์เอาชัยไว้ที่ 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1 ร้อยล้านบาท)

หัวใจที่ใช้ขับเคลื่อนรถสุดแรงคันนี้ เป็นหน้าที่ของเครื่องเบนซิน V12 ขนาด 6.5 ลิตร ทำงานคู่กับระบบไฮบริด ให้กำลัง 1,160 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดวิ่งเกิน 320 กม./ชม. ได้แบบไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้ จำนวนรถที่ผลิตทั้งสิ้น 150 คัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีรุ่นพิเศษ AMR ตามมาภายหลังอีก 25 คัน

8.Bugatti Chiron Sport – 104 ล้านบาท

สุดยอดรถแรงจาดแดนน้ำหอมที่พูดไปใครๆ ก็รู้จัก อย่าง Bugatti Chiron Sport เปิดราคามาที่ 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 104 ล้านบาท) ภายในงาน Geneva Motor Show 2018 กระตุ้นต่อมกระสันของเหล่าเศรษฐีผู้คลั่งใคล้ความเร็วให้รีบจองกันเป็นแถบๆ

พื้นฐานความระห่ำบนถนนของ Chiron Sport เป็นหน้าที่ของเครื่องเบนซินเทอร์โบ 4 ลูก แบบ W16 ขนาด 8.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิด 1,600 นิวตันเมตร แต่มีน้ำหนักเบากว่า Chiron ปกติอยู่ 18 กก. ด้วยการใช้ชิ้นส่วนประกอบเป็นคาร์บอนไฟเบอร์

7.Bugatti Veyron Vivere By Mansory – 107 ล้านบาท

Bugatti Veyron Vivere รุ่นพิเศษที่ถูกตกแต่งโดยสำนักจูนรถแรงชื่อดัง Mansory มีจำนวนจำกัดสำหรับคนเงินเต็มกระเป๋าที่ยอมจ่าย เพราะมันถูกผลิตขึ้นมาเพียง 2 คันเท่านั้น ภายนอกมีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งกับสีตัวถังขาวนวล ขณะเดียวกัน ห้องโดยสารภายในก็เน้นโทนสีดำ รวมถึงใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาตกแต่งเหมือนกับภายนอก

สำหรับขุมพลังมีการปรับจูนเครื่องเบนซิน W16 ให้ปั่นแรงม้าออกมา 1,200 ตัว จนสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 408 กม./ชม. แล่นฉิวราวกับเครื่องยามจะเท็คออฟ

6.W Motors Lykan Hypersport – 107 ล้านบาท

ใครว่าผู้ผลิตรถจากดินแดนทะเลทรายอย่างดูไบจะทำรถแรงไม่ได้ นี่เลย W Motors Lykan Hypersport ที่เปิดตัวเมื่อปี 2013 มีความเด่นด้วยโคมไฟหน้า LED ที่ทำจากไทเทเนียม พร้อมด้วยการใส่เพชร 15 กะรัต จำนวน 420 เม็ด ในโคมไฟแต่ละข้าง ภายในมีหน้าจอโฮโลกราฟฟิคตรงกลางสร้างความทันสมัยยิ่งกว่าใคร

ขุมพลังเบนซิน 6 สูบ เทอร์โบคู่ ขนาด 3.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 780 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 960 นิวตันเมตร ที่เพียงพอต่อการสนองเท้าของเหล่าเจ้าของผู้รักความแรง

5.Lamborghini Veneno – 142 ล้านบาท

ในที่สุดรถค่ายกระทิงดุสัญชาติอิตาลีก็โผล่มาซักที โดยเจ้า Lamborghini Veneno ถูกสร้างบนพื้นฐานของ Aventador ระหว่างปี 2014-2015 เปิดราคามาที่ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 142 ล้านบาท) โดยผู้ซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะเอาตัวถังคูเป้หรือว่าเปิดประทุน

ภายใต้ฝากระโปรงหลังมีเครื่องยนต์เบนซิน V12 ขนาด 6.5 ลิตร กับม้าฝูงโต 740 ตัว แรงบิด 609 นิวตันเมตร ช่วยให้มันเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาต่ำกว่า 2.9 วินาที ทั้งนี้ Veneno เป็นแลมโบร์ฯ ที่แพงที่สุดเท่าที่บริษัทเคยผลิตมา

4.Koenigsegg CCXR Trevita – 152 ล้านบาท

มาถึงอันดับที่ 4 เป็นรถไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน Koenigsegg CCXR Trevita ที่ผู้ผลิตระบุว่าเป็นรถรุ่นที่มีราคาจับต้องได้มากที่สุด… ทว่าความจริงนั้นพวกเขาเคลือบตัวถังด้วยเพชร ทำให้ราคามันพุ่งไปสูงถึง 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 152 ล้านบาท)

กำลังงานหลักของรถสวีเดน เป็นหน้าที่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V8 ขนาด 4.8 ลิตร 1,004 แรงม้า แรงบิด 1,080 นิวตันเมตร แต่ก็น่าเสียดายที่มีผลิตออกมาเพียง 3 คันเท่านั้น

3.Mercedes-Maybach Exelero – 253 ล้านบาท

ต้นกำเนิดของการเกิด Mercedes-Maybach Exelero มีที่มาจาก Fulda บริษัทสัญชาติเยอรมันในเครือผู้ผลิตยาง Goodyear ได้ว่าจ้างให้ช่วยทดสอบยางรุ่นใหม่ โดย Exelero ถูกผลิตขึ้นจากพื้นฐานของรถ Maybach และเปิดตัวในปี 2004 เพียง 1 คันเท่านั้น

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V12 ขนาด 5.9 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 690 ตัว แรงบิด 1,020 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 350 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันคาดว่ามันมีมูลค่าเกิน 316 ล้านบาทไปแล้ว

2.Rolls-Royce Sweptail – 405 ล้านบาท

ในที่สุดก็มีแบรนด์รถหรูสุดอัมตะอย่าง Rolls-Royce Sweptail ที่เป็นรถยนต์แพงที่สุดในโลกแห่งปี 2017 ซึ่งในตอนนั้นผู้ผลิตไม่ได้เปิดเผยราคาเป็นทางการ แต่ในการประเมินราคานั้นรถหรูสองประตูคันนี้มีราคาในตลาด 405 ล้านบาท เพราะมีผลิตเพียงคันเดียวในโลก คว้าที่ 2 จาก 10 อันดับสุดยอดรถยนต์ราคาแพงตลอดกาล

1.Bugatti La Voiture Noire – 592 ล้านบาท

ราคาตั้ง 395 ล้านบาท แต่ขายจริงเพียงหนึ่งคันที่ราคา 592 บาท นี่คือรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน นั่นก็คือ Bugatti La Voiture Noire รถไฮเปอร์คาร์สุดเท่ที่ผสานความดุดันไว้กับความชดช้อยตามสไตล์บูกาติได้แบบลงตัว

หัวใจหลักของรถแพงที่สุดในโลกเป็นเครื่องเบนซินเทอร์โบ 4 ตัว แบบ W16 ขนาด 8.0 ลิตร ที่ยกมาจาก Chiron รุ่นปกติ ให้แรงม้าสูงสุด 1,479 ตัว แรงบิด 1,600 นิวตันเมตร ด้านหลังมีปลายท่อไอเสีย 6 ท่อ รวมถึงล้อลายกังหันสุดแปลกตา นี่จึงพูดได้เลยว่ามันคู่ควรกับการเป็นเบอร์หนึ่งเสียจริง

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com