กระแสความนิยมของระบบส่งกำลังในวันนี้เราต่างเห็นว่า รถยนต์หลายรุ่นต่างนิยมติดตั้งระบบเกียร์ CVT (Continous Variable Transmission) มาตอบโจทย์จำนวน ระบบเกียร์ยุคใหม่ไร้รอยต่อขับสบาย อาจดูเหมือนเป็นอนาคตที่น่าสนใจ หากอนาคตโลกกลับพลิกผันอีกครั้ง
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ระบบเกียร์คลัทช์คู่ถุฏแนะนำเข้าสู่ตลาด และไม่นานก็โดนเขี่ยทิ้งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการไม่ตอบโจทย์การขับขี่ ประกอบกับลูกค้าไม่เข้าใจกลายเป็นปัญหาเรือรังในรถยนต์บางแบรนด์ จนต้องกลับไปซบอกระบบเกียร์ออโต้ดั้งเดิม และหลายเจ้าหันไปใช้ระบบเกียร์ CVT
ระบบเกียร์ออโต้คลัทช์คู่ หรือ Dual Clutch Transmission ไม่ใช่ของใหม่ในวงการยานยนต์ มันได้รับความนิยมมาพักใหญ่ในบรรดารถสปอร์ตสมรรถนะสูง ด้วยการออกแบบให้มีชุดคลัทช์ 2 ชุด พร้อมทำงานสับหว่างกันไปมา เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ ส่งผลให้การเปลี่ยนเป็นอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และยังตอบโจทย์สมรรถนะการขับขี่ได้ดี จนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเล็งเห็นเรื่องนี้เป็นแง่มุมการตลาด
ช่วงสิบปีทีผ่านมาเกียร์คลัทช์คู่ถูกแนะนำแทนที่ระบบเกียร์ออโต้เดิมในรถหลายรุ่น ด้วยความหวังว่าจะถูกใจลูกค้ามากกว่า โดยเฉพาะแบรนด์ Volkswagen ถือเป็นแฟนตัวยงเกียร์คลัทช์คู่ พวกเขามีระบบเกียร์ DSG คลองตลาดมายาวนาน มันถูกใจลูกค้ามองหาสมรรถนะ เช่นเดียวกับหลายแบรนด์เล็งเห็นประโยชน์นำมาติดตั้งในรถใหม่ๆ ทว่ามันกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าระบบ CVT ที่คลอดออกมาในเวลาไล่เรียกัน
ความเสื่อมถอยของ CVT กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันในวงการวิศวกรรมยานยนต์ต่างประเทศว่า ในที่สุดแล้ว หลังปี 2020 อาจเป็นยุคแจ้งเกิดเกียร์ DCT หรือไม่
ประเด็นที่กำลังกล่าวขวัญถึงในเวลานี้ มาจากพฤติกรรมลูกค้าที่เริ่มเรียนรู้ว่าเกียร์ CVT ไม่ให้อารมณ์การขับขี่ แม้นว่าจะขับสบายประหยัดน้ำมันก็ตามที แถมยังมีประเด็นความเสื่อมสภาพของระบบสายพานในระยะยาวด้วย
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเครื่องยนต์จากขนาดใหญ่มาเป็นเครื่องบล็อกเล็กเทอร์โบชาร์จ แรงบิดหนาๆ อาจทำให้เกียร์สายพานไม่ทานทนเท่าเกียร์ประเภทเฟืองขบ จนเราเริ่มเห็นรถที่มาพร้อมเครื่องเทอร์โบและเกียร์ DCT มากขึ้น โดยเฉพาะจาก นิสสัน
นาย Andy Palmer CEO ของ Aston Martin ให้สัมภาษณ์กับ Car And Driver อย่างน่าสนใจ ในฐานะที่เคยอยู่บริษัทซัพพลายมาก่อน จะมามีตำแหน่งวันนี้ว่า เกียร์ DCT เกิดจากการพยายามรวมเอาความเหมือนที่แตกต่างระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกมาไว้ด้วยกัน คนอเมริกา ชอบเกียร์ออโต้, คนยุโรปนิยมเกียร์ธรรมดา ส่วนทางญี่ปุ่นเน้นขับสบายแบบ CVT ผลคือ DCT จึงกำเนิดขึ้นมา
ระบบเกียร์ชนิดนี้ค่อนข้างมีความซับซ้อนกว่าเกียร์ออโต้ทั่วไป มีน้ำหนักมากกว่าและในมุมบริษัทสร้างรถยนต์มาขาย มันมีต้นทุนมากกว่า เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ได้รับความนิยมนัก
ในบทความ FUTURE TRENDS OF CONTINUOUS VARIABLE (CVT) WITH RESPECT TO DOUBLE CLUTCH TRANSMISSIONS (DCT) ของเว็บไซต์ interrim4automtive.com ออกมาตั้งแต่ปี 2009 ชี้ว่า ในที่สุดแล้วมีความเป็นไปได้สูงที่ระบบเกียร์ DCT จะกลับมาครองตลาด
ปัจจัยหลักสำคัญอยู่ที่จุดขายของเกียร์ DCT ที่มีภาพลักษณ์ความสปอร์ต เนื่องจากติดตั้งในรถสปอร์ตมากมายหลายรุ่น และเป็นเสียส่วนใหญ่ ตั้งแต่ BMW M , Porche ไปจนถึง Lamborghini และ Ferrari เมื่อโยนเกียร์นี้ลงไปในรถบ้าน ลูกค้าจะรู้สึกว่าพวกเขาซื้อความสปอร์ตติดปลายนวมมาด้วย ทั้งที่เครื่องยนต์อาจไม่ได้โลดโผนโจนทะยาน แบบรถสปอร์ตก็ตาม
นอกจากนี้ระบบเกียร์ DCT ประหยัดน้ำมันกว่าออโต้ปกติ 8-10% รวมถึงการไม่สูญเสียกำลังขับเกียร์ เนื่องจากเป็นการออกแบบในลักษณะชุดเฟืองตรง การตอบสนองก็ดีกว่าชัดเจน ทำให้มันมีอนาคตที่สดใส
การสำรวจของ IHS เมื่อปี 2017 ชี้ไปในทางเดียวกันว่ าเทรนด์อนาคต DCT จะมาแรง และจะตอบโจทย์ลงในรถยนต์ใหม่ๆ หลายรุ่น ด้วย ตามการสำรวจดังกล่าว เชื่อว่าการเติบโตของ เกียร์คลัทช์คู่ จะสูงถึง 7.9% และจะโตกว่า CVT เท่าตัว (CVT คาดว่าจะมีการเติบโตเพียง 3.4% เท่านั้น)
ทิศทางนี้เริ่มชัดขึ้น หลังจากมีกระแสข่าวยืนยันว่าบริษัทรถยนต์บางรายเตรียมจะสับจากเกียร์ CVT มาสู่ DCT อาทิ Honda มีแนวโน้มจะแนะนำเกียร์คลัทช์คู่สู่ตลาด อาทิ Honda แนะนำระบบ Honda i DCD ลงในรถยนต์ไฮบริดรุ่นเล็กเช่น Honda Fit Hybrid และ Honda HR-V Hybrid ระบบนี้ใช้ชุดเกียร์คลัทช์คู่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
การหันมาใช้ระบบเกียร์คลัทช์คูในตลอดหลายปี ก็เลยมีข่าวตามมาว่าในที่สุด Honda Civic Turbo ในรุ่นปรับปรุงสมรรถนะ จะมาพร้อมเกียร์คลัทช์คู่ 8 สปีดด้วย แต่ก็ยังเป็นเพียงข่าวลือเท่าน้น (Carbuzz)
อีกค่ายที่น่าติดตามก็ไม่พ้น Subaru ซึ่งปีนี้เชื่อว่าจะมีการเปิดตัว Subaru WRX ใหม่ในงานแสดงรถยนต์ที่โตเกียว แม้นว่าที่ผ่านมาบริษัทจะยึดติดกับระบบเกียร์ CVT และมีแนวโน้มจะใช้มันต่อไปในอนาคต แต่บางกระแสเชื่อว่าท้ายที่สุดซูบารุอาจเปลี่ยนใจมาใช้เกียร์คลัทช์คู่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เนื่องจากตอบโจทย์ในการขับขี่ได้ดีกว่า และเหมาะกว่ากับรถสมรรถนะสูง
นอกจากสองบริษัทที่กล่าวมาแล้วในเบื้องต้น ก็ยังมีมิตซูบิชิ เคยทำเกียร์คลัทช์คู่ออกมา เรียกว่า Twin Clutch SST และจากรถที่แนะนำออกมาในช่วงหลายปี มีแนวโน้มว่าบริษัท จะเอาของดีในอดีตมาต่อยอดอีกครั้งในอนาคต
และล่าสุด ที่ช๊อกวงการวิศวกรรมสุดๆ หนีไม่พ้นการเปิดตัวรถยนต์ Nissan juke ใหม่ รุ่นที่ 2 งวดนี้มันไม่ได้ใช้ระบบเกียร์ CVT และเป็น รถรุ่นที่ 2 ต่อจาก Qashqai i รุ่นที่ 1.3 เทอร์โบ ที่ไม่ใช้ระบบเกียร์ดังกล่าว จนหลายสื่ออตั้งคำถามถึงกระแสเกียร์ DCT ว่าจะกลับมาตามที่เคยมีการคาดการณ์จริงๆ หรือไม่ เพราะนิสสันถือหุ้นโรงงานเกียร์ CVT ระดับโลก , Jatco
ระบบเกียร์คลัทช์คู่ จะกลับมาหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไปในอนาคต ว่าจะเป็นจริงตามที่มีการศึกษาตลาดหรือเปล่า แต่วันนี้หลายสัญญาณเริ่มบ่งชี้ว่า เกียร์คลัทช์คู่กำลังกลับมาตอบโจทย์ลูกค้าอีกครั้ง