พูดถึงรถกระบะที่เราคุ้นเคยกันดี เราอาจจะเห็นว่าแบรนด์รถยนต์ชั้นนำต่างๆ มากมาย ต่างหันมาทำรถกระบะกันยกใหญ่ แต่เมื่อมองแบรนด์ “Honda” คนจำนวนไม่น้อยกลับคิดว่าพวกเขามีแต่รถนั่ง ทั้งที่ทางฮอนด้าก็มีรถกระบะเช่นกัน
น้อยคนนักจะเคยได้ยินชื่อเสียงของรถกระบะฮอนด้าตัวจริงที่วางขายในอเมริกาในนาม Honda Ridgeline ที่ขายมาตั้งแต่ปี 2005 จวบจนปัจจุบัน
กระบะจากฮอนด้าคันนี้เป็นผลผลิตความต้องการรถกระบะในอเมริก่ ที่ถือเป็นตลาดอันดับหนึ่งรถกลุ่มนี้ จุดประสงค์ของฮอนด้าไม่ได้สร้างกระบะมาเพื่อตอบสนองในการใช้งานในเชิงพาณิชย์ หากพวกเขาต้องการเข้าถึงลูกกลุ่มใหม่ๆที่มองหารถที่จะตอบโจทย์ในการใช้งานหลากหลายเหมาะกับชีวิตส่วนตัวในวันว่าง ที่อาจจะต้องเดินทางไปทำกอจกรรมกลางแจ้งในวันหยุด
จุดเริ่มต้นของ Honda Ridgeline เกิดขึ้นจากความตั้งใจจริงที่อยากจะเข้าถึงลูกค้าในปี 2004 Honda ได้เริ่มวางแผนพัฒนารถรุ่นใหม่ ที่จะกลายมาเป็นกระบะคันนี้
โครงการพัฒนาดังกล่าวนำโดย แกรี่ ฟลินท์ หัวหน้าทีมวิศวกร honda R&D ที่ออกมาศึกษาความต้องการของลูกค้า ก่อนกลับไปพัฒนาในรั่วบริษัท จนในปี 2004 ทางฮอนด้าก็ได้ฤกษ์อวดโฉมหน้าตาว่าที่กระบะผ่านรถต้นแบบที่ใช้ชื่อว่า Honda SUT Concept ในงานแสดงรถยนต์ภูมิภาคอเมริกาเหนือ ต้นปี2004 และในปีถัดมาพวกเขาก็แนะนำรถยนต์ Honda Ridgeline วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ด้วยความที่ฮอนด้าไม่เคยผลิตกระบะมาก่อน เรื่องราวการพัฒนาว่าที่กระบะ Honda Ridgeline กลายเป็นเรื่องโจษจันของฮอนด้าในความกล้าที่จะสร้างรถกระบะที่แตกต่างจากค่ายอื่น
ประการแรก ฮอนด้าใช้เวลาในการสร้างกระบะใหม่ที่รวดเร็ว ถ้านับตั้งแต่เริ่มตั้งไข่โครงการในราวๆปี 2003 ออกรถต้นแบบมาจนเปิดตัวเวอร์ช่นจำหน่ายจริง Honda Ridge Line ใช้เวลาในการพัฒนาน้อยมาก เมื่อเทียบกับกระบะอื่นๆที่ใช้เวลานานกว่า
เรื่องต่อมาหลายคนมองว่าความอ่อนประสบการณ์ทางด้านกระบะของฮอนด้า ทำให้พวกเขากล้าที่จะนำเอาความคิดที่แตกต่างมาสู่รถกระบะอย่างแม้จริง
ยกตัวอย่างเช่นการพัฒนาแพลทฟอร์มของ Honda Ridge Line ฮอนด้าได้ติดตั้งชิ้นส่วนเสริมแรงโครงสร้างเพื่อให้แซสซีตัวรถมีความแข็งแรงมากขึ้น ด้วยการใช้เหล็ก High Tensile Steel เข้ามาประกบกับชิ้นส่วนแชสซีเดิม
ตลอดจนตัวรถยังใช้แนวคิดแบบรถเก๋งจากฮอนด้าเข้ามาผนวกในการวิศวกรรมตัวรถ เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ยังถูกวางขวางเหมือนที่เราคุ้นเคยกันดีกับรถยนต์จากฮอนด้า แล้วจัดการเสริมสมรรถนะด้วยระบบขับเคลื่อน 4ล้อ Variable torque Management Four Wheel Drive หรือ VTM-4 ไปจนถึงการให้ระบบช่วงล่างอิสระ 4ล้อ ทั้งระบบแมคเฟอร์สันสตรททางด้านหน้า และ มัลติลิงค์ Trailing Arm ทางด้านหลัง
ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าถูกใจ แต่ก็ยังไม่เท่ากับการให้ฟังชั่นการใช้งานที่ดีเยี่ยม เช่นประตูท้ายที่สามารถเปิดลงและเปิดออกทางด้านข้างได้ด้วยในบานเดียว ที่เก็บของใต้ฝาท้าย และกระบะท้ายที่มีความยาว พอจะใส่มอเตอร์ไซค์วิบาก มีไฟเรืองแสงในกระบะ ช่วยในการมองเห็นยามกลางคืน ,ระบบตรวจสอบลมยาง และอื่นๆ อีกมากที่กระบะในยุคก่อนไม่เคยคิดจะให้ลูกค้ามา และด้วยแนวความคิดดังกล่าวทำให้บริษัทรถกระบะยางราย ปรับปรุงรถรุ่นใหม่จนมีเทคโนโลยีที่เหนือชั้นมากขึ้น
ในปี 2016 Honda Ridgeline ใหม่กลับมาอีกครั้งด้วยแนวคิดเดิม ในการทำกระบะในวันนี้ให้แตกต่าง งวดนี้ทางฮอนด้าเริ่มต้นด้วยงานโครงสร้างที่หันมาให้เหล็ก Ultra High Tensile ที่ค่าความแข็งถึง 1,300-1,500 เมกะปาสคาล รวมถึงยังปรับโครงสร้างตัวรถใหม่ให้มีความลงตัวมากขึ้น แนะนำโครงสร้างใหม่ล่าสุดแบบ 3 Spine เข้ามา
ด้วยกระแสความต้องการจากรุ่นเดิมที่เรียกร้องให้ฮอนด้าทำรุ่นขับเคลื่อนสองล้อวางขายดูบ้าง เนื่องจากบางคนไม่ได้ต้องการรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้กระบะ Honda Ridgeline เป็นกระบะรุ่นแรกในตลาดที่ขับเคลื่อนสองล้อหน้า และยังคงมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกเหมือนเคย
แต่จุดเด่นใน Honda Ridgeline อยู่ที่การแนะนำระบบช่วยขับขี่ประเภท Active Safety เข้ามาวางจำหน่นในกระบะในแพคเกจ Honda Sensing ไม่ว่าจะระบบเตือนการหลุดเลน,ระบบตั้งความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และระบบเตือนการชนและป้องกันการชนทางด้านหน้า จนถือว่าเป็นกระบะแรกๆที่ใหเความสำคัญกับระบบช่วยเหลือในการขับขี่
น่าเสียดายที่ Honda Ridgeline ปัจจุบันยังวางจำหน่ายเพียงในประเทศสหรัฐอเมริกา และทางฮอนด้าไม่มีแผนในการนำมันออกจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ที่มีความต้องการกระบะ ซึ่งเราก็หวังได้แต่เพียงว่าวันหน้าฮอนด้าจะมองตลาดรถยนต์อื่นที่ไม่ต้องการรถกลุ่มนี้ แล้วนำมันมาขายให้สาวกได้ปลื้มปริ่ม “กระบะฮอนด้า”
ภาพรถยนต์ Honda Ridgeline รุ่นปี 2018
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”305″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]