ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในตลาดรถขนาดเล็ก “อีโค่คาร์” การผลักดันของภาครัฐที่ต้องการให้ประชาชนใช้รถดีราคาถูก รักษาสิ่งแวดล้อม กำลังทำให้ “เกียร์ธรรมดา” ถูกตอนหายไปจากตลาด และนั่นหมายถึงโอกาสที่จะมีรถราคาถูกออพชั่นดีให้คนไทยได้ใช้ก็น้อยลงตามไปด้วย
รถยนต์อีโค่คาร์ เป็นรถที่เกิดภายใต้แนวคิดการรักษาสิ่งแวดล้อม เข้มงวดประเด็นสำคัญในเรื่องการปล่อยไอเสีย ให้เหลือเพียง 100 กรัมต่อกิโลเมตร รวมถึงยังต้องประหยัดน้ำมัน ขั้นต่ำ 23 กิโลเมตรต่อลิตรด้วย ความเข้มงวดดังกล่าวไม่ต่างจากภูมิภาคยุโรป ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเทคโนโลยีที่บริษัทู้ผลิตจ้องนำมาใช้ และทำให้ผ่านตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ของภาครัฐ
ตั้งแต่เปิดรถยนต์อีโค่คาร์ 2 ออกมา เราได้เห็นว่า บริษัทผู้ผลิตหลายรายเริ่มตัดสินใจครั้งสำคัญ ตอนระบบเกียร์ธรรมดาออกไปด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้เมื่อไล่เรียงรถยนต์อีโค่คาร์รุ่นใหม่ ในโครงการระยะที่ 2 กลับขาดรถที่มีระบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งเดิมทีเป็นตัวชูโรงรถกลุ่มนี้ทั้งในแง่ราคาขาย และสนองความต้องการใช้งานของคนบางกลุ่มตามต่างจังหวัด ที่ไม่ได้ต้องการความสะดวกสบายเท่าไรนัก
เกียร์ธรรมดา ถูกตอนออกไปจากรถหลายรุ่นในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งว่า มันขับยากและขับไม่สบายเท่าเกียร์อัตโนมัติ นับเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทุกวันนี้รถเกียร์ธรรมดาห่างหายไปจากตลาดรถเก๋ง ทั้งที่เดิมทีมีขายเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ถึงจะมียอดขายไม่มากเท่ารถเกียร์ออโต้ก็ตาม
ด้วยทั้งปัจจัยราคาขายที่ทิ้งห่างกันไม่มากเท่าไร ประกอบกับ การจัดวางออพชั่นรุ่นเกียร์ธรรมดาของรถยนต์หลายค่าย ถูกตีความในเชิงการตลาด ว่ามันเป็นรถรุ่นเริ่มต้น ไม่มีออพชั่นทีเด็ดมาให้มากมายนัก ส่วนใหญ่เพียงพอใช้งาน ถ้าอยากได้ของดี ออพชั่นไฮเอนด์ ต้องซื้อรถรุ่นกลางขึ้นไป โดยมากก็จะจัดเกียร์ออโต้มาให้เลือกสรร ส่งผลให้ยอดขายรถเก๋งเกียร์ธรรมดาตกฮวบ
ยิ่งกับอีโค่คาร์ หลายคนซื้อรถแบบนี้เน้นใช้งานในเมือง เจอรถติดสาหัสแสนระทมใช้ จะขับเกียร์ธรรมดา ก็เมื่อยเท้าซ้าย โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายรถแบบนี้ วัยรุ่น -เด็กจบใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน บางคนต้องขับรถครั้งแรกๆในชีวิต ขับเกียร์ะรรมดาไม่เป็น แถมยังไงเสียต้องใช้ชีวิตในเมืองมากกว่าขับออกต่างจังหวัด ยิ่งตอนการมีอยู่ของเกียร์ธรรมดาออกไป
ยิ่งกว่านั้น ปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องในสร้างรุ่นย่อยเกียร์ธรรมดา มาตอบโจทย์ลูกค้า ดูจะไม่พ้นเรื่องการลดการปล่อยไอเสียของรถให้ได้ตามกฎของทางภาครัฐที่วางเอาไว้ การอาศัยเทคโนโลยีใหม่ในการวิศวกรรมเครื่องยนต์หรือชุดเกียร์ เป็นทางลัดสู่ความสำเร็จง่ายขึ้น
เทคโนโลยีในเครื่องยนต์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยไอเสีย แต่ชุดเกียร์ที่สมควรนำมาใช้ ก็มีผลไม่แพ้กัน การเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT มีข้อดีในแง่ลดแรงเสียดทานภายในชุดเกียร์ ด้วยการใช้อัตราทดแบบโซ่สายพาน มันถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์ดีขึ้น ตลอดจนมันยังช่วยให้รอบเครื่องยนต์ทำงานในรอบต่ำอย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเร่งรอบแรงๆ เพื่อรีดอัตราเร่ง เนื่องจากชุดเกียร์จะปรับการทำงานเอง
ผิดกับการขับเกียร์ธรรมดา เราต้องเร่งรอบเครื่องต่อเนื่องในระดับหนึ่งเพื่อไปอัตราทดเกียร์ถัดไป ในเชิงวิศวกรรม การเร่งเครื่องมาก ใช้รอบเครื่องยนต์สูง ทำให้ปล่อยไอเสียมากตามไปด้วย ความเข้มงวดในเรื่องการปล่อยไอเสีย จึงส่งผลสำคัญตัดตอนรถอีโค่คาร์เกียร์ธรรมดาออกไป ในทางเดียวกันลดโอกาสที่ประชาชน คนชั้นล่าง จะเข้าถึงรถใช้งานดีราคาถูกไปโดยสิ้นเชิง
ถ้ามองย้อนไป ตอนปี 2010 ที่รถอีโค่คาร์ นิสสัน มาร์ช เปิดตัวขายครั้งแรก มันมีราคาเริ่มต้นเพียง 375,000 บาท เท่านั้น เป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา เริ่มต้น แต่ผ่านมาวันนี้ 9 ปีให้หลัง รถอีโค่คาร์ Nissan Almera รุ่นเริ่มต้นมีราคา 5 แสนบาททอนพันบาท (499,000บาท) แถมยังไม่มีออพชั่นอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ต้องไปซื้อรุ่น 509,000 บาท ถึงจะมีลูกเล่นกับเขาบ้าง กลายเป็นรุ่นเริ่มต้น ราคาว้าวแต่คงไม่มีใครคิดจะไปซื้อมันจริงๆ
ถ้ามองไปยังรถอีโค่คาร์รุ่นใหม่ (ในโครงการอีโค่คาร์ 2) ที่ยังขายรุ่นเกียร์ธรรมดาในตลาดมีเพียง Mitsubishi Mirage เท่านั้นที่เป็นทางเลือก ในรุ่น GLX เคาะราคาเริ่มต้น 474,000 บาท มาเต็มของครบ มีระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์ ฟังชั่นความสบายที่น่าพอใจ แถมยังพกเครื่องเสียงขอสัมผัส 7 นิ้ว มาด้วยก็ถือว่ามีราคาถูกพอสมควร
กลับกันถ้าซื้อรถในเกรดสเป็คเดียวกัน รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT จะมีราคาขายถึง 509,000 บาท แตกต่างกัน ราว 35,000 บาท ดูแล้วก็ไม่ได้มากเท่าไร หากสำหรับบางคนในสังคม ก็นับเป็นเงินมากพอสมควรสำหรับเขา โดยเฉพาะเมื่อมองตอนผ่อนชำระค่างวด
อย่างไรก็ดี มิตซูบิชิ พิสูจน์ประการสำคัญ ว่า อีโค่คาร์เกียร์ธรรมดา ก็ปล่อยไอเสียได้ต่ำเท่าๆ กับเกียร์ออโต้ CVT แถมความประหยัดก็เท่ากันด้วย เพียงแค่เมื่อมาย่อยการทำสอบความประหยัดในเมืองและนอกเมือง จะพบว่า รถเกียร์ธรรมดา กินน้ำมันกว่าเววลาขับในเมือง กลับกันก็ประหยัดกว่าเมื่อขับนอกเมือง เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกัน
ดังนั้นในประเด็นว่าเกียร์ธรรมดาจะปล่อยไอเสียมากกว่า และประหยัดน้อยกว่า รถเกียร์ CVT จึงตกไป ,ในต่างประเทศ อาทิกลุ่มประเทศยุโรป ก็มีผลทดสอบคล้ายกัน ยกตัวอย่างเช่นใน Nissan Micra ยุโรป ที่ใช้เครื่องยนต์ IG-T100 ขุมพลังเดียวกับ HRA0 ในบ้านเรา เพียงปรับกำลังแรงบิดต่างกัน มี 160 นิวตันเมตร ในเกียร์ธรรมดา และ 144 นิวตันเมตร ในเกียร์ Xtronic CVT (บ้านเรา 100 แรงม้า 152 นิวตันเมตร)
จากข้อมูลตามใบรายละเอียดทางเทคนิคชี้ว่า อัตราปล่อยไอเสียเกียร์ธรรมดา (5สปีด)น้อยกว่า เพียง 103 กรัม/กิโลเมตร เทียบกับ CVT ปล่อยไอเสีย 107 กรัม/กิโลเมตร แถมยังให้อัตราประหยัดเฉลี่ยรวมน้อยกว่าด้วย เพียง 4.5 ลิตร/ 100 กิโลเมตร หรือ 22.22 ก.ม./ลิตร ห่างจากเกียร์ CVT ที่ทำได้ 4.7ลิตร /100 ก.ม. (21.27 ก.ม./ลิตร) หรือประหยัดต่างกัน ราวๆ 1 กิโลเมตร/ลิตร โดยประมาณ
อย่างไรก็ดี, ด้วยแนวทางการทดสอบที่อาจต่างกันกับในไทย การขับในเมืองของรถทั้งสองรุ่น จึงได้ประหยัดแตกต่างกัน กลับกันเกียร์ธรรมดาให้ความประหยัดกว่าเมื่อขับทางไกล ถึง 3.9 ลิตร /100 กิโลเมตร (25.6 ก.ม./ลิตร) ส่วน CVT ทำได้ 4.2 ลิตร /100 กิโลเมตร (23.8 ก.ม./ลิตร) ทั้งหมดนั้นสรุปได้ว่า เกียร์ธรรมดา ปล่อยไอเสียต่ำกว่า และประหยัดกว่าเมื่อขับทางไกล เพียงแค่ไม่สบายนักเวลาขับในเมือง
การห่างหายของ รถยนต์อีโค่คาร์เกียร์ธรรมดา นับเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้คนบางกลุ่มอาจะเสียโอกาสในการซื้อรถที่ดีราคาถูกไปอย่างน่าเสียดาย ด้วยบริษัทรถยนต์มองว่า เกียร์ธรรมดานั้นไม่ได้รับความนิยมจากลูกค้า และคนขับรถแบบนี้ก็หาได้น้อยมากในวันนี้
สำหรับเรามองว่าเกียร์ธรรมดา มันหัดกันได้ และไม่ยากเกินเรียนรู้ เพียงแต่สิ่งที่จะจูงใจให้คนซื้อเกียร์ธรรมดา คือ ปัจจัยทางด้านออพชั่น และราคาขายที่ถูกต้อง จงอย่าลืมว่า คนเมืองซื้อรถขับในกรุงเทพเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เมื่อเทียบกับอีก 76 จังหวัดที่เหลือ ซึ่งอาจไม่ได้ต้องการรถราคาแพงเหลือเฟ้อออพชั่น
แถมเกียร์ธรรมดา ยังต่อยอดได้กับคนเล่นรถ สายแต่งรถ อีกต่างหาก… คนกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มก้อนเหนียวแน่นสร้างยอดขายได้ จนทำให้บางแบรนด์อยู่รอดจนกลับมารุ่นเรืองใหม่ ถ้าอยากทราบว่าแบรนด์ไหน ให้ศึกษาจากสายกระบะดู