Kia AD

Home » PHEV-EREV … เปิด สมรภูมิใหม่ ศึก จีน – ญี่ปุ่น

Kia AD

Suzuki AD

Blog Buster บทความ

PHEV-EREV … เปิด สมรภูมิใหม่ ศึก จีน – ญี่ปุ่น

ช่วง 2-3 ปีที่ผานมา ค่ายจีน สามารถยึดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้สำเร็จในไทย ด้วยแบรนด์ที่มีมากมายหลากหลาย รวมถึงรถที่มีหใ้เลือกในราคาที่เหมาะสม รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ได้รับความนิยม และตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี

ในปีนี้ (2025) สงครามยานยนต์ ระหว่างจีน และญี่ปุ่น จะเปลี่ยนแนวรุกไป หลังจาก ปี 2024 ที่ผ่านมา ทางค่ายญี่ปุ่นหลายแบรนด์ สร้างแนวต้านในตลาดไฮบริด แม้ว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะยังเฟื่องฟู แต่แนวต้านนี้ ทำให้ค่ายญี่ปุ่น ต่างลืมตาอ้าปากได้ และได้เข้าใจว่า กลุ่มคนไทย ยังมีความต้องการรถไฮบริดอยู่ ซึ่งไม่ยุ่งยากต่อการใช้งาน

ทำให้ค่ายจีน บางเจ้า เริ่มบุกพุ่งมาตลาดไฮบริด เข้ามาบ้าง และ ในปีนี้ เราน่าจะเห็นพวกเขาในตลาดนี้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาด กลุ่ม PHEV หรือ Plug in Hybrid Electric Vehicle รวมถึง EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ซึ่งเราจะได้เห็นกันต่อจากนี้

ย้อนร้อยไฮบริด จีนในปี 2024

ถ้าย้อนรอย ไปยังรถยนต์ไฮบริด จากค่ายรถยนต์จีน ในปี 2024 ก็มีหลายรุ่นเข้ามาทำตลาดเหมือนกัน

ค่ายแรกที่เข้ามาทำตลาดนี้ แต่กว่าจะเริ่มเห็นรถบนถนน ก็ราวๆไตรมาส 3 ก็คือ BYD Sealion 6 รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ แนะนำ เทคโนโลยี Dmi หรือ Dual Mode intelligent ระบบขับเคลื่อนไฮบริดของ ทางBYD กลายเป็นรถรุ่นแรก ที่เข้ามาทำตลาด ใกลุ่ม PHEV และได้รับความสนใจ เนื่องจากค่ายญี่ปุ่น ยังไม่ทำตลาดกลุ่มนี้ หลังจากการจากไปของ Mitsubishi Outlander ที่เคยเข้ามาประกอบขายในประเทศไทย

หลังจากนั้นในไตรมาส 3 ทางค่ายรถยนต์ MG ก็เข้ามาตอบโจทย์ นำเสนอ รถยนต์ไฮบริด MG 3 Hybrid+ เจ้า 5 แระตูคนเมือง เน้นทำตลาดคนรุ่นใหม่ ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริดใหม่ล่าสุด มอบความประหยัดในการขับขี่ และขับใช้งานด้วยน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งได้ราวๆ เกือบ 1,000 กิโลเมตร

ส่วนทาง GWM แนะนำ กระบะ ไฮบริด Poer Sahar เข้ามาทำตลาด กลายเป็นกระบะไฮบริดรุ่นแรก ที่นำเสนอในประเทศไทย

PHEV / ไฮบริด มีลุ้นขายปีนี้

มาในปีนี้ 2025 หลายค่ายจีน ดูมีแวว ที่จะเลุกไล่ ตลาดไฮบริดมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ PHEV

รุ่นแรกที่มีแนวโน้มว่า จะเข้ามาขายไทยอย่างแน่นอน คือ BYD Shark 6 หลังจากโชว์ตัวในงาน Motor Expo 2024 ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากลูกค้าไม่น้อย

BYD Shark 6 น่าจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แน่นอน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ส่วนที่น่าสนใจของรถคันนี้ คือ มันจะเป็นกระบะไฮบริดเสียบปลั้กรุ่นแรกที่จะวางจำหน่ายในไทย ด้วย เทคโนโลยีใหม่ DMO

โดยใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ ผสานกับการขับเคลื่อนไฮบริดคล้ายกับ DMi แต่ปรับปรุงให้เหมาะสมต่อการขับขี่มากขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางลุย

แต่ขวากหนาม ของรถรุ่นนี้คือมัน อาจจะต้องจ่ายภาษีแพง เนื่องจากใช้ช่วงล่างอิสระทั้งหน้าและหลัง คล้าย Ford Ranger Raptor รวมถึงการที่มันเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ อาจจะทำให้ลูกค้าชาวไทย มองผ่าน เนื่องจาก คนไทย คุ้นกับกระบะดีเซลมากกว่า หากท้ายสุด ราคาก็จะเป็นตัวตัดสินอยู่ดี

ทางด้านแบรนด์หรูของ BYD ก็มีแนวโน้มเช่นกัน ในการนำเสนอ Denza D9 Dmi เนื่องจากรถกลุ่มนี้เป็นรถเดินทาง และมีการแข่งขันในหมวด MPV ไฟฟ้าค่อนข้าง สูง ทางค่ายอาจจะนำเสนอเทคโนโลยี DMi เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองต่อลูกค้าสายลังเล ในเวลาต้องขับรถทางไกล

ดังนั้นทาง Denza D9 Dmi น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ แม้ว่า ตัวไฟฟ้าล้วนจะขายไปได้ด้วยดีก็ตามที

ทางด้านแบรนด์ Deepal เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เผยว่า ปีนี้ (2025) จะวางขายรถยนต์เทคโนโลยี EREV ในไทย และรถคันที่พวกเขาพูดถึง น่าจะเป็น Deepal S05 รถอเนกประสงค์ Compact ที่เปิดตัวขายในจีนไปหมาดๆ เมื่อปีที่ผ่านมา

DeepalS05 เป็นรถยนต์อีกรุ่นที่จะเข้าทำตลาดในไทย โดยจะเป็นรถที่มีระบบขับเคลื่อน EREV

ตัวรถมีทั้งรุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน EV และ ยังมีรุ่น EREV ที่มาพร้อเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้า ให้กำลัง 78 แรงม้า ปั่นไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังขับสูงสุด 218 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 7.9 วินาที

ตัวรถ พกแบตเตอร์รี่ขนาด 27.28 กิโลวัตต์ สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน 200 ก.ม.​และมีการเปิดเผยว่า สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและน้ำมันไกลถึง 1,200 กิโลเมตร

รถรุ่นนี้เข้าใจว่า จะมีจำหน่าย ทั้ง EV และ EREV รุ่นที่ขายไทย อาจจะเป็นตัวแรกที่ประกอบในโรงงานบ้านเรา ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและใกล้แล้วเสร็จ

ทางด้าน MG ปีนี้ ที่น่าจะมาแน่ ก็คือ MG ZS ใหม่ ซึ่งจะใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกับ MG 3 แม้ว่าจะไม่ใช่ PHEV แต่ก็ถือ เป็นรถรุ่นที่น่าสนใจ เช่นกัน หลังจากระบบดังกล่าวพิสูจน์แล้ว จากรุ่นก่อนหน้าในปีนี้ก็คาดว่าจะเข้ามาขายในไทย แน่นอน

ในปีนี้ จะเป็นปีที่เราน่าจะได้เริ่มเห็นค่ายจีน ทำตลาดไฮบริดมากขึ้น หลังจากกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มไม่ปังเหมือนก่อน แต่ จีนก็น่าจะยังยึดตลาดหลักรถยนต์ไฟฟ้า และมองตลาดไฮบริดคือการชิงพื้นที่กับญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.