อกอกว่าปล่อยไอเสียการลดการปล่อยไอเสีย ทำให้ปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดได้รับความนิยมมากขึ้น หนึ่งในรถที่ลูกค้าซื้อหา คือ รถไฺฮบริดเสียบปลั้ก มันมีความสามารถในการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน จนถูกใจลูกค้า
Daily Mail เว็บไซต์ข่าว อังกฤษออกมาเปิดเผยว่ารถไฮบริดเสียบปลั้ก ปล่อยไอเสียมากกว่า 3 เท่าเมื่อใช้งานจริง ผิดกับการโฆษราจากบริษัทรถยนต์ชั้นนำทั้งหลายที่บอกว่าปล่อยไอเสียน้อยกว่า
ประเด็นสำคัญอยุ่ที่การติดตั้งชุดมอเตอรืไฟฟ้าและแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่เข้าไป เพื่อให้ใช้งานการขับไฟฟ้าล้วนได้ มันเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถมากขึ้น รวมถึงข้อเท็จจริงอีกประการที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ เจ้าของรถไม่ชาร์จไฟพวกมัน ทำให้ความสามารถในการใช้ไฟฟ้าจางหายไปด้วย
การค้นพบดังกล่าว มาจากการศึกษาของอังกฤษในการเลิกใช้รถยนต์เครื่องสันดาป ตลอดจน รถไฮบริดภายในปี 2035 หรือ อีก 15 ปี ต่อจากนี้ เร็วกว่ากำหนดเดิม 5 ปี
เอวา มิเอโตะวิต หัวหน้าฝ่ายทีมดูแลระบบการคมนมคม ในคณะกรรมการติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เผยว่า รถไฮบริดเสียบปลั้กส่วนใหญ่ ให้ความสามารถการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ แต่ในการขับขี่จริง อาจได้ระยะทางในโหมดไฟฟ้าล้วนน้อยกว่า 1 ใน 3 ตามที่เคลมเอาไว้ ทำให้เสี่ยงต่อการปล่อยไอเสียมากกว่า
เอวา ยังกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้รถยนต์ไฟ้าส่วนใหญ่ มีระยะทางต่อการชาร์จประมาณ 240 ก.ม. มันเพียงพอต่อการใช้งาน และมีความสามารถในการชาร์จดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ในที่สุด รถไฮบริดเสียปลั้ก ลดบทบาทลงไป
การวิจัย โดย The Miles Consultancy เมื่อไม่นานมานี้ได้นำเอารถไฮบริดเสียบปลั้กแบรนด์เยอรมันชั้นนำ ได้แก่ BMW , Benz ,Volkswagen , และ Mitsubishi มาทดวสอบ พบว่ามีการปล่อยไอเสียมากกว่า 2.5 เท่า และอัตราประหยักมากกว่า 3เท่า
งานวิจัยคล้ายกันถูกศึกษาใน นอร์เวย์ ในปี 2018 และพบว่า รถแบบนี้ปล่อยไอเสียกว่า 2.5 เท่า จากการทดสอบ เช่นกัน
Paul Hollick ผู้เชี่ยวชาญจาก The Mils Consultant เผยว่า รถปลั้กอินบางคัน ไม่เคยถูกชาร์จ , ขับทางยาวมาก , และเจอคนมช้รถเยอะ ทำให้มันปล่อยไอเสียมากกว่า
ในกรณีนี้ยกตัวอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV รถไฮบริดเสียบปลั้ก ซึ่งได้รับความนิยมในอังกฤษ เคยถูกนักวิเคราะห์การปล่อยไอเสีย จาก Emission Annalytic ออกมาตอบโต้ว่า แท้ที่จริงบริษัทอาจปล่อยไอเสียมากกว่าที่ภาครัฐทดสอบ เนื่องจากเกณฑ์ของภาครัฐมองถึงการชาร์จไฟฟ้าพร้อมขับใช้งานจริงไปด้วย
จากเรื่องดังกล่าว โฆษกของ Mitsubishi Motor UK ออกมากล่าวเปิดเผยว่า การทดสอบของบริษัทที่เปิดเผยนั้น คือ การทดสอบ เม่อแบตเตอร์รี่ถูกชาร์จไฟฟ้าจนเต็ม เมื่อเปรียบเทียบกับรถแบบเดัยวกันที่ขับโดยเครื่องยนต์สันดาปภายใน และทางมิตซูบิิช ยอมรับว่า นั่นอาจจะไม่สะทอนถึงการใช้งานจริงของผู้ใช้
อย่างไรก็ดี จากเรื่องดังกล่าว มีการศึกษาวิธีการใช้รถในความจริง จาก Emission Analytic พบว่า ผู้ใช้กว่าร้อยละ 96 ชาร์จไฟเข้ารถของพวกเขาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 68%ที่ชารืจรถทุกวัน นี่สื่อถึงลูกค้าอาจจะยังไม่เข้าใจตัวรถ และวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง
ที่มา Paultan