Kia AD

Home » หนึ่งในความฝันของผู้ชาย คือการได้ขับ Porsche ครบทุกรุ่น
Porsche

Kia AD

Bust on talk บทความ

หนึ่งในความฝันของผู้ชาย คือการได้ขับ Porsche ครบทุกรุ่น

ฝันของลูกผู้ชายเชื่อว่าน่าจะมีหลายอย่าง หนึ่งในนั้น คือการควบรถสปอร์ตสุดแพงๆปโก้หรู แบรนดืในฝันของหลายคน ก็น่าจะมี Porsche ติดอันดับเข้ามาบ้าง

ปอร์เช่ ซุปเปอร์สปอร์ตสมรรถนะสูงจากเยอรมนี ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพิ่งจะจัดงาน Porsche World Roadshow 2019 แม้ว่าจะผ่านมากว่าเดือนได้ แต่ผมก้ยังตื่นเต้นที่ได้ลงไปสัมเจ้าชายกบทุกรึ่น ตั้งแต่ธรรมดา ยันราคาระดับสิบล้าน ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์

Porsche
Porsche

งานนี้ปอร์เช่ขนทัพรถหรูทุกรุ่นทุกเซ็กเม้นท์ มาให้ผู้ที่สนใจได้ทดลองขับจริง ไม่ว่าจะเป็น 911 GT3, 911 Targa 4 GTS, 911 Turbo Coupe, Panamera Turbo Sport Turismo, Panamera GTS, Cayenne Turbo, 718 Boxster GTS, 718 Cayman GTS รวมทั้ง Macan และ Macan S พร้อมเปิดตัว The New Porsche 911 Carrera S (992) ที่มาพร้อมขุมพลังBoxers 6 สูบ 3.0ลิตร ทวินเทอร์โบ 450 แรงม้า  และแรงบิดมหาศาล 530 นิวตันเมตร ในราคา 12,150,000 บาท และรุ่น 4S ราคา 12.85 ล้านบาท

บอกเลยว่าครบเครื่องจนไม่มีงาานไหนที่มีเจ้ากบมาให้ลองมากเท่านี้เลยก็อาจจะกล่าวได้

Porsche

กิจกรรมนี้ ต้องบอกก่อนเวลาทั้งหมดขับในสนาม แบ่งออกเป็น 5 สถานี

เริ่มต้นที่ Seating Position การปูพื้นฐานตั้งแต่การจัดท่านั่งสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถจัดองศาของร่างกายให้เอื้อต่อการควบคุมรถสมรรถนะสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถสปอร์ตอย่างปอร์เช่ ที่แทบทุกรุ่นมีแรงม้าทะลุ 400 ตัวแทบทุกคัน ท่านั่งจึงเป็นเบสิคพื้นฐานที่สำคัญของการเริ่มต้นที่จะทำให้เราควบคุมฝูงม้าพยศอย่างปอร์เช่ได้อย่างช่ำชอง

Porsche

ต่อมาเป็น Handling test ที่มีรถให้ทดลองขับขี่ทุกเซ็กเม้นท์  เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสัมผัสประสบการณ์ การควบคุมรถเมื่อเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทั้งโค้งแคบความเร็วต่ำและในโค้งความเร็วสูง สเต็จนี้มีรถทุกเซ็กเม้นต์ตั้งแต่รถเอนกประสงค์อย่าง Macan , Panamera Turbo Sport Turismo ,718 cayman GTS และสุดยอดสปอร์ตขุมพลัง N/A อย่าง 911 GT3 ที่มาพร้อมขุมพลัง 4.0 ลิตร 500 แรงม้า จัดว่าเป็นสปอร์ตตัวพ่อของค่ายเลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่หลงรักขุมพลังที่ไม่ต้องพึ่งหอยพิษ

Porsche

เริ่มต้นคันแรกกันที่ Porsche Macan S รถเอนกประสงค์ที่ได้ลองขับคันแรกในสถานี Handling รูปร่างค่อนข้างเสียเปรียบกว่ารถในกลุ่ม เพราะเป็นรถเอนกประสงค์ที่มีความสูงมากกว่าเพื่อน แต่หลังจากที่ได้ลองขับขี่แล้ว ต้องบอกเลยว่ามันขี่ง่ายและเกาะถนนหนึบหนับกว่าที่คิดไว้ ลืมเรื่องความสูงของรถไปได้เลย เพราะเราสามารถสนุกกับโค้งทุกรูปแบบได้อย่างเต็มที่ ขุมพลัง V6 3.0ลิตร ให้กำลังขับ 354 แรงม้า ขับสี่ AWD ถือว่าเหลือเฟือและเป็นมิตรกับมือใหม่มากที่สุด และราคาเป็นเจ้าของง่ายมากที่สุดด้วยเพียง 6,100,000 บาท

ถัดมาเป็นสปอร์ต 4 ประตูออกแนวผู้บริหารนั่งอย่าง Porsche Panamera GTS ขุมพลัง V8 3.9 ลิตร (3,996 ซีซี) 460 แรงม้า 620 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ภายในโออ่าเหมือนนั่งในรถซีดานขนาดใหญ่ ความสะดวกสบายเน้นไปที่ผู้นั่งโดยสารด้านหลังมากกว่า แต่สำหรับตำแหน่งคนขับหลังพวงมาลัยแล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้จะเป็นรถ 4 ประตูที่เน้นบุคลิคไปทางผู้ใหญ่หน่อย Panamera ยังมอบความสนุกในแบบฉบับของวัยรุ่นให้ได้ดี ไม่แตกต่างกับรถสปอร์ต 2 ประตูมากเท่าใดนัก แต่ช่วงล่างจะนุ่มนวลและสุขุมกว่า เอาเป็นว่าเป็นรถที่ขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ ไปเที่ยว หรือจะเฮ้วอย่างมีระดับก็ทำได้หมดตามบัญชา

Porsche

ขยับมาอีกคัน 718 cayman GTS รถสปอร์ตคูเป้ที่ทุกคนใผ่ฝัน กับเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบ 365 แรงม้า 430 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง เกียร์ PDK ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึงระดับ 290 กม./ชม. แต่สำหรับการทดลองในสนาม เราสามารถกดไปถึงระดับ 160 กม./ชม.ภายในระยะเวลาค่อนข้างสั้น ช่วงล่างหนึบแน่นดีกว่าทุกคันที่ผ่านมา เพราะนี้เป็นรถสปอร์ตที่ให้บาล้านซ์ดีมาก ระบบ PSM (Porsche Stabillity Management) เข้ามามีบทบาทในการความคุมเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเราเริ่มสนุกและขับเร็วขึ้นกว่าหลายรุ่นก่อนหน้านี้นั่นเอง แม้ว่าแรงม้าอาจจะไม่มาก แต่เนื่องจากน้ำหนักรถที่ค่อนข้างเบา ทำให้อัตราเร่งดีเกินคาด วงเลี้ยวคมและได้ดั่งใจ ตอบสนองได้ตามสั่ง แต่ความนุ่มนวลในแบบรถใช้งานทั่วไปก็หายลงไปด้วย กับราคาที่เร้าใจ 9,571,700 บาท

Porsche

และปิดท้ายสถานี Handling ด้วยสุดยอดรถสปอร์ตของค่ายอย่าง Porsche 911 GT3 รถแข่งที่ใช้ขับบนถนน ด้วยขุมพลัง Boxers 4.0 ลิตร 500 แรงม้า ที่ 9,500 รอบฯ แรงบิด 460 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และมีน้ำหนักตัวเบาหวิวเพียง 1,430 กก.เพียงเท่านั้น นับเป็นประสบการณ์สุดพิเศษจริงๆที่ได้ควบ รถสปอร์ตหมายเลข 1 ของค่ายในครั้งนี้ ยากหาตัวจับ

สำหรับฟีลลิงการขับขี่นั้น ช่วงล่างจะแข็งเป็นพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ มันส่งแรงสัมผัสมาถึงพวงมาลัยแบบหนังกลับได้อย่างคมกริบ เครื่องยนต์ค่อนข้างจะปั่นรอบขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ราวกับฝูงม้าหนุ่มกลัดมันที่คึกคะนอง เพียงแตะคันเร่งเบาๆ ก็ทำเอาหลังติดเบาะได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน ด้าน Handling นั้นตอบสนองได้สนุกมาก เพราะสั่งได้ไม่มีอาการบานให้เห็น เว้นเสียแต่ว่าท้ายปัดเพราะเปิดคันเร่งรุนแรง จนทำให้แรงม้ากว่า 500 ตัวพรั่งพรูออกมาในคราวเดียวกัน แต่ก็ยังปลอดภัยเพราะมีแทร็คชั่นคอนโทรลคอยความคุมอยู่

Porsche
Porsche

แต่หากเป็นมือเก๋าคงอยากจะปิดใจจะขาด เพราะจะได้สัมผัสถึงสมรรถนะแบบไม่มีกั๊ก แต่ก็ต้องอดเพราะอินสตรัคเตอร์ได้กำชับว่าห้ามปิดระบบ PSM ตลอดการขับขี่ เราทำได้เพียงแค่ขยี้คันเร่งฟังเสียงหวานๆของเครื่องยนต์ N/A แบบแถวนอน พร้อมรับแรงGมหาศาล จนต้องร้องว้าวออกมาอย่างไม่ต้องเขิลอาย GT3 มอบความสนุกและสมรรรถนะที่เกินกว่าความสามารถของผู้ขับขี่ได้มากจริงๆ ว่าแต่คนที่จะมาปราบมาพยศได้ คงต้องมีทักษะการขับขี่ที่สูงเอาการ พอกับค่าตัวที่เปิดมา 19.9 ล้านบาทเศษเป็นแน่นอน

ถัดมาเป็นสถานี Slalom ที่ใช้รถบาล้านซ์ดีที่สุดรุ่นหนึ่งของค่ายอย่าง Porsche Boxers ที่สมดุลการวางน้ำหนักอยู่ที่ 50/50 เพื่อให้ผู้ร่วมขับขี่ฝึกปรือการหาสมดุลย์ขณะเข้าโค้ง โดยหัวใจหลักของทักษะนี้มิใช่อยู่ที่ความเร็ว แต่อยู่ที่การควบคุมคันเร่ง และความสมูทของตัวรถในขณะที่เลี้ยวอย่างฉวัดเฉวียน โดยที่รถไม่เสียอาการนั้นเอง

Porsche

ความเร็วในสถานีนี่จึงไม่สูงมากนัก แต่ใช้ทักษะการควบคุมชั้นสูงพอตัว ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้เคล็ดลับ ทั้งการสาวพวงมาลัย การเดินคันเร่ง และการเบรคเพื่อหยุดเวลา โดยที่ไม่ชนไฟลอนหรือเลยก่อนถีงจุดเบรค โดย Porsche Boxer แม้ว่าจะมีแรงม้าเพียง 365 แรงม้า ห่างจากรุ่นพี่อย่าง 911 Turbo ที่มีกว่า 540 แรงม้า แต่เรื่องความคล่องแคล่วว่องไว ต้องยกให้รุ่นนี้เลยจริงๆ 

ต่อกันที่สถานี Moose test และ Breaking ที่จำลองสถานการณ์ฉุกเฉินที่เราต้องเลี้ยวรถเพื่อหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางด้วยความเร็วสูง รวมถึงการทดสอบการเบรกอย่างรุนแรง ด้วยรถ 911 Turbo และ 911 Targa ซึ่งสถานีนี้เราจะได้ออกตัวกันแบบรถแข่ง  (Launch Start) ที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเหยียบแป้นเบรคค้างไว้ แล้วใช้เท้าขวา Kick Down ลงไปอย่างรวดเร็ว รถจะเร่งรอบขึ้นไปในจังหวะที่ออกตัวได้ดีที่สุด จากนั้นให้ปล่อยเท้าซ้ายที่เหยียบเบรกออก รถจะทะยานออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเร่งความเร็วจาก 0-100 ภายใน 3 วินาทีด้วยวิธีการออกตัวเช่นนี้ ก่อนที่จะเบรกกันอย่างเต็มที่ ซึ่งเบรกของ Porsche นั้น สามารถสร้างแรงม้าจากการเบรถได้มากกว่าเครื่องยนต์ถึง 3 เท่า เช่น 911 TURBO มี 540 แรงม้า แต่ระบบเบรคนั้นสามารถทำได้ถึง 1,620 แรงม้ากันเลยทีเดียว จึงทำให้ระยะเบรคสั้น 100-0 เพียงแค่ 30 เมตรเท่านั้น

Porsche

หลังทดสอบเรื่องเบรคไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการนำรถออกไปขับขี่บนถนนจริง โดยจะมีรถ 2 รุ่นหลักซึ่งเป็นไฮบริดได้แก่ Panamera 4E-Hybrid Sport Turismo และ Cayenne E-Hybrid ให้สื่อมวลชนได้ทดลองสลับขับทั้งสองรุ่น ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้สมรรถนะสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเนื่องจากค่าไอเสียต่ำและประหยัดน้ำมัน โดยสำหรับ Cayenne E-Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร และมีกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ 8 สปีด เมื่อรวมพละกำลังจึงสร้างแรงม้าได้ถึง 462 แรงม้าเลยทีเดียว ซึ่งเครือ่งยนต์ไฮบริดสามารถทำอัตราการประหยัดน้ำมันได้เฉียดๆ 30 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดสำหรับรถที่มีขนาดและแรงม้าสูงขนาดนี้

Porsche

ขณะที่ Panamera 4E-Hybrid Sport Turismo มาพร้อมขุมพลัง V6 3.0 ลิตรทวินเทอร์โบ ให้กำลังขับ 330 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร และเมื่อรวมพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 136 แรงม้า ทำให้ Panamera 4E-Hybrid Sport Turismo มีแรงม้าเหลือเฟือไว้ใช้งานถึง 462 แรงม้าเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่ามันมาพร้อมความประหยัดเป็นเลิศอีกด้วย

ก่อนกลับทางปอร์เช่ไทยแลนด์ได้เซอร์ไพรซ์สื่อมวลชน ด้วยการให้จับฉลากนั่งรถปอร์เช่คู่กับอินสตรัคเตอร์นักขับจากเยอรมัน โดยรอบนี้ถูกใจสื่อมวลชนคอความเร็วกันยกใหญ่ เพราะอินสตรัคเตอร์พาเราซิ่งกันแบบไม่ยั้ง ทั้งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง การหักเลี้ยวแบบมืออาชีพ รวมถึงการดริฟท์ ที่ฝีมือการขับนั้นชั้นเซียนจริงๆ ก่อนรวมกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกลับบ้าน

Porsche

สำหรับงาน Porsche World Roadshow 2019 นี้นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในยนตกรรมชั้นยอดจากเยอรมัน ได้มีโอกาสทดลองขับขี่แล้ว ยังได้ให้ความรู้เรื่องการขับขี่รถสมรรถนะสูงอย่างปลอดภัยอีกด้วย  เพื่อเป็นการเพิ่มพูนทักษะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น เพราะอย่าลืมว่ารถยิ่งแรง คนก็ต้องมีทักษะที่สูงขึ้นตาม แล้วมาพบกับบทความและข้อมูลข่าวสารด้านยานยนต์กันได้ใหม่กับ RideBuster “เพราะความรู้…คือสิ่งสำคัญ” สวัสดีครับ

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

[ngg src=”galleries” ids=”1025″ display=”basic_thumbnail”]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.