ในช่วงระยะเวลา 10 ที่ผ่านมา ในบ้านเราคนจำนวนมากเริ่มรู้จักคำว่า “รถยนต์ไฮบริด” นวัตกรรมใหม่จากบรรดาบริษัทรถยนต์ที่นำเอาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่เรารู้จักกันมายาวนานมาจับคู่แต่งงานกับชุดมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อน
แนวทางการขับเคลื่อนใหม่แบบผสมผสานจึงเกิดขึ้น และเป็นที่ประทับใจคนที่เคยมีโอกาสขับรถไฮบริด ด้วยกำลังเรี่ยวแรงสนองความต้องการในทุกช่วงการขับขี่ แถมยังประหยัดน้ำมันชนิดที่สามารถสัมผัสได้ทันทีจนลืมหน้าตาเด็กปั้ม และที่สำคัญที่สุด กุศโลบายในการใช้รถยนต์ไฮบริด ก็ไม่พ้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมที่สามารถตอบโจทยืลดการปล่อยไอเสียได้อย่างเห็นผลที่สุด และดีกว่าเครื่องยนต์ดีเซลเสียอีก
ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา Toyota ถือว่าเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฮบริด พวกเขามองอนาคตในวันข้างหน้าและเฝ้าถามตัวเองว่า รถยนต์แบบไหนที่จะตอบการใช้งานผู้บริโภคแห่งศตวรรษหน้า โลกหลังยุคปี 2000 จะเป็นเช่นไร
Toyota Prius Concept ก่อนออกมาเป็นรุ่นแรก
ด้วยคำถามเหล่านี้ ในปี 1995 ขณะที่เรากำลังชื่นชมกับรถยนต์เครื่องยนต์ธรรมดาทั่วไปทีมวิศวกรรมและนักออกแบบ Toyota กลับสร้างปรากฎการณ์ เปลี่ยนชะตาโลก ด้วยการส่งรถยนต์ต้นแบบที่มาพร้อมความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ และฉีกทุกกฎที่โลกเคยคิดด้วย Toyota Prius Concept
การปรากฏตัวของรถยนต์ต้นแบบที่ออกมาในรูปแบบรถยนต์ต้นแบบกึ่งพร้อมขายทำให้ทั่วโลกจับตาผู้นำตลาดรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นว่า Toyota กำลังคิดจะทำอะไร
แต่กว่ารถไฮบริดรุ่นแรกจะพร้อมก็เป็นระยะเวลาอีกกว่า 2 ปี ด้วยการทดสอบอย่างเข้มข้น จนมั่นใจว่าระบบไฮบริดน่าจะพร้อมออกสู่การวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ในเดือนธันวาคม ปี 1997 รถยนต์ Toyota Prius รุ่นแรกจึงได้ฤกษ์วางขายในญี่ปุ่น ก่อนภายหลังรถรุ่นนี้จะถูกส่งออกไปขายยังบางตลาดที่ทาง Toyota เห็นสมควร ได้แก่ อเมริกา,อังกฤษ,ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
เริ่มแรกเดิมที Toyota Prius ไม่ได้เป็นรถ 5 ประตู แม้ว่าในยุคนั้นจะเริ่มมีการนำเอาหลักอากาศพลศาสตร์มาใช้ในการออกแบบบ้างแล้ว รถที่ดูกลมๆมลๆ แปลกๆ รุ่นนี้ เริ่มต้นจากการออกแบบในสไตล์ซีดาน กึ่งท้ายลาด มาพร้อมเครื่องยนต์แก๊สโซลีนไฮบริดขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FXE ทางโตโยต้าพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่โดยเปลี่ยนวิธีการทำงานจากวิธีการของ Otto Cycle แบบเครื่องยนต์สันดาปภายในธรรมดาทั่วไปมาเป็นการทำงานแบบ Atkinson Cycle ซึ่งวิธีดังกล่าวช่วยให้จุดระเบิดเผาไหม้สมบูรณ์มากกว่า แต่เดิมทีมันไม่ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีกำลังไม่สู้ดีนักในรอบต่ำ ทว่ารถยนต์ไฮบริดแก้สมการนี้ได้หมดจดด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองเร็วตั้งแต่ออกตัว
ทันทีที่ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มันก็ชนะใจคนญี่ปุ่น ซิวรางวัล Japan Car Of The Year ปี 1997 และรางวัลทรงเกียรติแห่งสมาคมผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ญี่ปุ่นตัดสินในปี 1998
สองปีถัดมา Toyota จัดการปรับปรุงรูปโฉม Toyota Prius ให้ทันสมัยมากขึ้นตามความต้องการของลูกค้า ก่อนจะหยุดสายการผลิตในปี 2003 ด้วยยอดขายรุ่นเปิดตำนานทั้งสิ้น 33,411 คัน ทั่วโลก
การก้าวเข้ามาของคู่แข่งอย่าง Honda ทำให้ Toyota เร่งเปิดตัว Toyota Prius โฉมที่ 2 อย่างรวดเร็วในปี 2003 โดย Toyota Prius รุ่นนี้เป็นรถที่พอจะสามารถหาชมได้ในประเทศไทย เนื่องจากมีบริษัทนำเข้าอิสระนำรถรุ่นนี้เข้ามาวางจำหน่ายด้วย ปัจจุบัน Toyota Prius โฉมที่ 2 ขายในตลาดมือสองบ้านเรา อยู่ราวๆ 4-5 แสน ตามแต่สภาพ
Toyota Prius โฉมที่ 2
Toyota Prius โฉม 2 เป็นรุ่นที่สำคัญอย่างมากด้วยการแนะนำทรวดทรงท้ายลาดเป็นเอกลักษณ์ที่ Toyota Prius ใหม่ยังใช้มาจนปัจจุบัน รวมถึงยังนำเอาหลักอากาศพลศาสตร์มาสร้างความประหยัดสูงสุดในการขับขี่ ทางโตโยต้าสามารถลดค่าสัมประสิทธิเสียดทานจนเหลือ 0.26 cd และเปลี่ยนแบตเตอร์รี่จากเดิมมาสู่แบตเตอร์รี่แบบใหม่ Ni-MH หรือนิกเกิ้ลเมทัลไฮดราย
ด้านเครื่องยนต์ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นแรก Toyota ยังคงใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ติดตั้งในรุ่นนี้ ซึ่งมันมีศักยภาพในการขับขี่ทางด้านอัตราเร่งใกล้เคียงเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รวมถึงรถ Toyota Prius รุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทาง Toyota ประกาศการรับประกันระบบไฮบริดทั่วโลก ถึง 8 ปี หรือระยะทาง 160,000 กิโลเมตร
Toyota Prius โฉมที่ 2 น่าจะเรียกว่าเป็นรถรุ่นสร้างชื่อให้ Toyota อย่างมาก เนื่องจากมันเป็นรถที่สร้างยอดขายไฮบริได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ตลอดรุ่นของมัน ทาง Toyota ขายรถยนต์ Toyota Prius ไปกว่า 1,192,000 คัน เลยทีเดียว
ในบ้านเรา ในปี 2010 รถยนต์ Toyota Camry Hybrid บุกเบิกตลาดครั้งแรก และได้รับความนิยมอย่างมาก จนทาง โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย ตัดสินใจทำตลาดรถยนต์ Toyota Prius ในระยะเวลาต่อมาทันที
สำหรับ Toyota Prius รุ่นที่ทาง Toyota นำมาขายในไทยเองนั้น เป็นโฉมที่ 3 ของ Toyota Prius
โดยรุ่นใหม่ยังคงทรวดทรง 5 ประตูเอาไว้อย่างเหนียวแน่นยังคงเน้นการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ร่วมในการออกแบบ แต่ Toyota กลับไม่ได้พัฒนาค่าสัมประสิทธิเสียดทานไปไกลมากมายนัก พวกเขาทำได้เพียง 0.25 cd เท่านั้น สำหรับรถรุ่นล้อ 17 นิ้ว
Toyota Prius เจนเนอร์เรชั่นที่ 3
แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนทั่วไปสนใจเจ้าไฮบริดใหม่เท่ากับการเปลี่ยนเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร มาประจำการแทนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ไฮบริดรุ่นเดิม ทำให้กำลังของรถภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็น 134 แรงม้า และให้แรงบิด 207 นิวตันเมตร
โดยการปรับเครื่องยนตืใหม่ทำให้สามารถลดรอบการทำงานของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี และเพิ่มกำลังแรงบิดมากขึ้น ที่สำคัญเครื่องยนต์บล็อกใหม่ยังเป็นบล็อกแรกในโลกที่ไม่มีสายพานหน้าเครื่องเพื่อขับส่วนควบต่างที่จำเป็นในการขับขี่ ขณะที่ส่วนควบของเครื่องยนต์โดยเฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้า และหน่วยแปลงไฟมีขนาดเล็กลง เบาลง ซึ่ง Toyota คาดการณ์ว่า พวกเขาทำให้มันลดลงได้ถึง 20%
ในบ้านเรา Toyota ผลิตรถยนต์ Toyota Prius วางจำหน่ายในไทยตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2010 จนถึงเดือนกันยายนปี 2015 (ข้อมูลจาก Wikipedia) ที่โรงงานบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ความสำเร็จของ Toyota Prius ในไทยสร้างการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ด้วยการทำให้คนจำนวนมากตระหนักการมาถึงของรถยนต์ไฮบริดในประเทศไทย Toyota Prius เป็นรถไฮบริดที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนภายหลังตลาดประเทศไทยมีทางเลือกรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น และคนส่วนใหญ่เรียกร้องให้ Toyota นำรถ Toyota Prius ขายอีกครั้ง
บ้านเราอาจจะไม่มี Toyota Prius รุ่นใหม่ มาวางจำหน่าย แต่ในปี 2015 Toyota เปิดตัวรถยนต์ Toyota Prius Hybrid ใหม่ โฉมที่ 4 โดยเป็นรถที่มาพร้อมการวิศวกรรมใหม่ล่าสุด Toyota TNGA Platform
Toyota Prius โฉมที่ 4 เปิดตัวในญี่ปุ้นเมื่องาน Tokyo Motor Show 2015
การเปลี่ยนแปลงรุ่นนี้มีมากกว่ารุ่นโฉมที่ 3 อย่างชัดเจน ด้วยเส้นสายที่เปลี่ยนจากความภูมิฐานมาสุ่ความสปอร์ตทันสมัย และไม่ใช้เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงทางภายนอกเท่านั้น หากยังรวมถึงภายในห้องโดยสารที่ดูดีมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าสร้างความทันสมัยให้น่าสนใจอย่างยิ่ง
จนสาวก Toyota Prius ในต่างประเทศกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือรถยนต์ Toyota Prius สปอร์ตที่สุดเท่าที่โตโยต้าเคยผลิตมา และยังมีค่าสัมประสิทธิเสียดทานต่ำลงถึง 0.24 cd
ทางด้านเครื่องยนต์ Toyota Prius โฉม 4 ยังคงใช้เครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตรเหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับปรุงความสามารถของเครื่องยนต์ , แบตเตอร์รี่ใช้แบบลิเธียมไอออน และมอเตอร์ไฟฟ้าให้ดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม มันมีค่าการถ่ายเทความร้อนดีถึง 40% ของเครื่องยนต์ ทว่ากำลังรวมของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้ากลับลดลงเหลือเพียง 121 แรงม้า แต่อย่างที่เราพอจะเดาได้ว่ารถไฮบริดเกิดมาเพื่อความประหยัดมากกว่า ถ้าเทียบกับรุ่นแรก Toyota Prius รุ่นที่ 4 ประหยัดกว่าถึง 40 %
ตามรายงานของ EPA ระบุว่า Toyota Prius โฉมที่ 4 มีอัตราประหยัดถึง 24 ก.ม./ลิตร และมันประหยัดมากกว่านี้ในรุ่น ECO ซึ่งไม่มียางอะไหล่ และใช้แบตเตอร์รี่ที่เบากว่า
ถ้าไม่มีความคิดสุดพลึกของ Toyota ในวันนั้น คงยากที่จะตอบว่า โลกเราในวันนี้จะเป็นอย่างไร การวางแผนยานยนต์สำหรับศตวรรษที่ 21 คือแนวคิดที่ไม่เพียงจะก่อเกิดรถยนต์ Toyota Prius ใหม่ให้คนทั่วโลกรู้จักไฮบริดเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนทุกความเชื่อและแนวคิดในการขับขี่ของคน และบริษัทรถยนต์ทั่วโลกไปตลอดกาล ว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอต่อการตอบสนองในการขับขี่
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ภาพและข้อมูลบางส่วนจาก Toyota และ WikiPedia ใช้เพื่อการบรรณาธิการ
หมายเหตุภาพบางส่วนในบทความนี้เป็นของผู้เขียน ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยพละการ
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”283″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]