ตั้งแต่เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ เราต้องยอมรับว่าเจ้ารถอเนกประสงค์ ยอดนิยมของคนไทย Honda CR-V ใหม่ เป็นรถที่หลายคนใครให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแนะนำรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเข้าสู่ตลาดบ้านเรา ทำให้รถรุ่นนี้ยิ่งทวีความน่าสนใจในการคบหาอย่างมาก
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจ และคิดไม่ตกในการเลือกซื้อรถยนต์ Honda CR-V ใหม่ คงต้องยอมรับว่า รถยนต์อเนกประสงค์ Honda CR-V รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ตัดสินใจยากมากๆ เนื่องจาก เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร แม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์รุ่นเดิม แต่ก็มีสมรรถนะที่น่าสนใจไม่น้อย 173 แรงม้า จากตัวเครื่องยนต์ ในความรู้สึกโดยไม่ต้องขับก็ประกาศชัดในเรื่องสมรรถนะในการขับขี่อยู่แล้ว
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเอง อาจจะไม่แรงเท่าแต่กำลังแรงบิดก็ไม่น้อย 350 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที และ 160 แรงม้า จากเครื่องยนต์ ก็เรียกว่าเป็นขุมพลังหน่วยก้านดีอีกบล็อกหนึ่ง แถมเครื่องดีเซลยังได้ชุดเกียร์ 9 สปีด อีกตะหาก
คำถามที่หลายคนคงใครครุ่นคิดตอนนี้ คงไม่พ้นว่า … จะเลือกซื้อเครื่องยนต์อะไรดีกว่ากัน
การวางไลน์อัพสินค้าที่เหมือนกัน ด้วยเครื่องยนต์แต่ละรุ่นมีทั้งรุ่น เริ่มต้น (รุ่น E) และ มีรุ่นท๊อป (รุ่น EL) ซึ่งทั้งคู่ต่างมีรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน โดยในการเปรียบเทียบ เนื่องจากทางกระผมเพิ่งทดสอบในรุ่น EL ทั้ง เบนซินและดีเซล จึงจะขอใช้เงื่อไขในการเปรียบเทียบเป็นรุ่น EL ทั้ง คู่เพื่อให้เห็นภาพความคุ้มค่ามากขึ้น
ภาพรวมออพชั่น ต่างกันอะไรบ้าง …
ตั้งแต่ได้ Honda CR-V ใหม่มาขับทดสอบ ทำรีวิว หลายคนต่างตั้งคำถามเข้ามาไถ่ถามเรื่องความคุ้มค่าของรถยนต์ Honda CR-V ระหว่างรุ่นดีเซลและเบนซิน
ด้วยในโลกโซเชี่ยลวันนี้มีคนพยายามตอบคำถามความคุ้มค่าในรถยนต์ โดยอาศัยข้อมูลจากทางเทคนิค และรายละเอียดออพชั่นในโบว์ชัวร์ มาตอบคำถามความคุ้มค่า ทั้งที่ไม่เคยขับ หรือไม่ได้ลองขับรถ ซึ่งจะบอกได้มากกว่าการวิจารณ์ตามสเป็ค
ตอนรับรุ่น 2.4 เบนซินมาขับ เมื่อมองรถภายนอก ผมมองว่า Honda CR-V ใหม่ ทำให้มันมีความสปอร์ตหรูหรามากขึ้น และยังแถมความบึกบึนเอาไว้ในตัว ส่วนที่ไม่เคยชอบเลยคือด้านท้ายรถที่คล้ายกับ Honda BR-V ราวกับลอกกันมาระหว่างที่ทีมออกแบบแวะทานอาหารที่โรอาหารเอเซี่ยนฮอนด้า
ตัวล้อเป็นสีทูโทนขอบ 18 นิ้ว คุนที่ขับให้ยาง Toyo Tire Proxes R45 ตอบโจทย์การขับขี่ รุ่นนี้มีดีตรงที่ตัวรถสูงขึ้นถึง 38 มม. เพียงพอสำหรับเดินทางสมบุกสมบันมากขึ้น ได้ประตูท้ายไฟฟ้าเข้ามาตอบโจทย์
อ่านไหม ?? อ่านรีวิว Honda CR-V 2017 ฉบับเต็ม
ในห้องโดยสารได้ออพชั่นที่จำเป็น เช่นหน้าจอ TFT เพิ่มความทันสมัยตัวรถ ,แอร์ออโต้ แยกอิสระ 2 โซน,เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง 4 ทิศทาง , ฝั่งคนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ตอบความคุ้มค่ามากขึ้น ด้วยเบาะ 3แถว 7 ที่นั่ง เครื่องเสียง Advance Touch
รุ่นเบนซิน แม้ว่าจะยกเครื่องยนต์และเกียร์แทบทั้งหมดมาจากรุ่นก่อนหน้านี้ แต่รุ่นนี้ทาง Honda กลับไม่ใส่ Paddle Shift มาให้ ผมแซวทีมงานฮอนด้าตอนไปรับรถรุ่นดีเซล ว่าทำไมไม่มีมาให้ .. คำตอบสั้นและเข้าใจง่าย “แรงเครื่องเหลือเฟือ”
พอรับรุ่นดีเซลมาขับ ทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมดในภายนอก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแตกต่าง อย่างเดียวที่บอกว่ารถคันนี้เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล คือ 1.เสียงเครื่องยนต์หลังคุณสตาร์ทเครื่อง และ 2 .ตราด้านท้ายรถที่เปลี่ยนจาก i-vtec ไปเป็น i-dtec
เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสารเจ้า Honda CR-V รุ่นดีเซล ให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป นั่นก็เพราคันเกียร์ที่เคยสถิตอยู่ที่คอนโซลตรงกลางหายไป แล้วเป็นระบบเกียร์ปุ่มมาแทน
ความรู้สึกตอนขับแรกๆ ก็ประหลาดๆ ไม่น้อย “เกียร์ปุ่ม” จะทำให้เหวอ!! ในช่วงแรกๆ แต่พอปรับตัวสัก 2-3 วัน จะเริ่มคุ้นชิ้น แต่อย่าใช้คนอื่นขยับรถเยวนะ เขาจะต้องมาถามว่า “เกียร์อยู่ไหน”
ที่ผมยังไม่ได้ลองเรื่องระบบเกียร์ปุ่ม คือการจอดรถขวาง ซึ่งชีวิตคนไทยต้องมีโอกาสอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เอาไว้จะหาคำตอบมาให้
ภาพรวมรายละเอียดในห้องโดยสาร เหมือนกับรุ่นเบนซินทุกประการ โดยนอกจากเกียร์ปุ่มสุดแนวแล้ว เจ้ารุ่นดีเซลยังให้ระบบ Paddle Shift มาด้วย และมีมาให้ตั้งแต่รุ่น E ขณะที่คิดย้อนถึงรุ่นเบนซินไม่มีมาให้ก็บอกเลยพาลเอาเซ็ง !!
สมรรถนะ ต่างกันขนาดไหน
เมื่อเริ่มลองขับทดสอบ สิ่งที่ผมชอบนำมาใช้วัดความคุ้มค่า สำหรับผม คือ สมรรถนะ , ความประหยัด และออพชั่น
เรื่องออพชั่น อย่างที่ผมเกริ่นไปเบื้องต้นว่า เจ้า Honda CR-V Diesel มีออพชั่นเหมือนกับรุ่นเบนซินทุกประการ เว้น เพียงเกียร์ปุ่ม และ Paddle Shift ที่ทอนออกไปในรุ่นเบนซิน
ทำให้การตัดสินความคุ้มค่าเหลือเพียงเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ และความประหยัด
ตารางเปรียบเทียบสมรรถนะเครื่องยนต์ Honda CR-V 2.4 EL และ Honda CR-V 1.6 DT EL
Honda CR-V 2.4 EL | Honda CR-V 1.6 DT EL | |
น้ำหนักเปล่าตัวรถ (กก.) | 1,670 | 1,742 |
เครื่องยนต์ | เบนซิน4 สูบแถวเรียง ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮด แคมชาร์ฟท พร้อมระบบวาล์แปรผัน i Vtec | ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮด แคมชาร์ฟท พร้อมระบบเทอร์โบ 2 จังหวะ (ทวินเทอร์โบ) |
ขนาดเครื่องยนต์ (ลิตร) | 2.4 | 1.6 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า) | 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที | 160 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) | 224 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที | 350 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที |
รูปแบบเกียร์ | CVT | เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด |
ความประหยัดในเมือง (จากการทดสอบ) | 7.3 ก.ม./ลิตร | 9.58 ก.ม./ลิตร |
ความประหยัดนอกเมือง (จากการทดสอบ) | 8.4 ก.ม./ลิตร | 13.72 ก.ม./ลิตร |
ความประหยัดโหมดเฉลี่ย จำลอง (จากการทดสอบ) | 11.83 ก.ม./ลิตร | 16.69 ก.ม./ลิตร |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. (ดีที่สุด) | 11.946 วินาที | 11.103 วินาที |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. (ดีที่สุด) | 7.7 วินาที | 8.2 วินาที |
อัตราเร่ง 0-160 ก.ม./ช.ม. (ดีที่สุด) | 31.2 วินาที | 33.0 วินาที |
ความเร็วสูงสุดบนพื้นราบ | 194 ก.ม./ช.ม. | 196 ก.ม./ช.ม. |
Power to Weight Ratio | 0.047 | 0.0417 |
Power Loading (น้ำหนักต่อแรงม้า) | 9.65 กิโลกรัม/แรงม้า | 10.88 กิโลกรัม/แรงม้า |
หมายเหตุ, การทดสอบทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ,อัตราเร่งวัดจาก GPS ,ระยะทางทำความเร็วสูงสุด 3.5 กิโลเมตร ในสภาพถนนลาดยาง
หมายเหตุ 2 : การทดสอบอัตราประหยัดไม่ใช้ Econ Mode และ Idling Stop น้ำมันเบนซินใช้ E10 ออกเทน 91
จากที่ลองขับ Honda CR-V ทั้งเบนซินและดีเซล กำลังเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน กลับให้สมรรนถะที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันอย่างมาก
เครื่องยนต์เบนซิน ถึงจะดูแรงกว่าและน่าจะมีสมรรถนะในการขับขี่มากกว่าวจจัยที่สำคัญ คือชุดเกียร์ CVT ของ Honda CR-V รุ่นใหม่ มีการปรับอัตราทดเกียร์จากเดิม 5.047 ขึ้นมาเป็น 5.363 ข่าวดีคือมันออกตัวดีขึ้น ลดอาการเกียร์กระเด้าให้ความนุ่มนวล ตอบสนองต่อผู้ขับขี่ได้ อยากทำอะไรจัดให้ แต่อย่าหวังอัตราประหยัดมากนักทว่าก็ปกตินะของรถระดับ1.6-1.7 ตัน
แม้ว่าเครื่องยนต์จะสมรรถนะสูงเพียงใด แต่เมื่อในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเราก็มีนิสัยไ
กลับกันในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ถ้ามองแรงบิดแรงม้า ที่ใกล้เคียงมันสมควรจะต้องทำได้ดีกว่าแน่นอน แต่จากที่ทดสอบสมรรนถะ คุณคงจะเห็นแล้วว่า อัตราเร่งที่ดีที่สุดของรถทั้งเบนซินและดีเซลกลับแตกต่างกันไม่มากนัก แถมรุ่นดีเซล ในช่วงเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม กลับช้ากว่าเล็กน้อย เนื่องจากตามรายละเอียดทางเทคนิคของเครื่องดีเซล แรงบิดสูงสุดจะมาที่รอบต่ำกว่า
แถมคันเร่งของเครื่องดีเซล มีอาการหน่วงตอบสนองช่วงเสี้ยววินาที ราวๆ 1 วินาที ก่อนออกตัว ทำให้อัตราเร่งที่น่าจะดีกว่านี้ กลับได้เกือบเท่าเครื่องเบนซินและช้ากว่า
ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน เมื่อไร้ระบบ Paddle Shift แล้ว ชุดเกียร์ CVT ก็โชว์ตัวตนตัวเองออกมาอย่างเต็มที เกียร์จะไม่ตัดขึ้นให้เองเหมือนในรถ Honda Civic ใหม่ แต่จะลากอย่างงั้นจนกว่า คนขับจะพอใจ ทำให้อัตราเร่งของรถไม่ดีเท่าที่ควรเช่นกัน
เมื่อสมรรนถะใกล้เคียงกันมาก เราจึงต้องมาดูคำตัดสินสุดท้าย ที่น้ำหนักรถ เราจะเห็นได้ว่า เจ้า Honda CR-V รุ่นเบนซิน มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นดีเซลถึง 72 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อเทียบแรงม้าที่ได้จากเครื่องยนต์เบนซิน อย่างไรเสียก็ต้องมีอัตราเร่งที่ดีกว่า ไม่ว่า จะน้ำหนักต่อแรงม้า หรืออัตราสัดส่วนกำลังต่อน้ำหนัก
และในความเป็นจริง เครื่องเบนซินก็ขับได้ดีกว่า แต่ขาดอรรถรสในการขับขี่ เพราะไม่มี Paddle Shift เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำแล้วไม่มีพวงเครื่องปรุงมาให้
ขณะที่เครื่องดีเซลเมื่อขับจริงบนถนน จะมีบางจังหวะที่ต้องรอรอบเทอร์โบ เช่น ชุดเกียร์คงค้างที่เกียร์สูงและไม่ตบเกียร์ต่ำ ทำให้ออกตัว หรือชิงจังหวะไม่ได้ เหยียบแล้วรถไม่วิ่งไม่พุ่ง ตามที่ควรจะเป็น จังหวะแบบนี้จะพบได้ถ้าขับในเมือง
กลับกันยามขับนอกเมืองเครื่องดีเซลคือสิ่งที่คนขับรถต้องการ กำลังแรงบิดเหลือเฟือ มากพอจะไปช่องไหนก็ได้บนถนนที่ต้องการ เครื่องจะเร่งดีในช่วงความเร็วปกติ จนถึง 160 ก.ม./ช.ม.
หาการให้เกียร์ 9 สปีด ก็ไม่ได้ความว่าชุดเกียร์จะเข้าอัตราทด 9 สปีดให้คุณทุกครั้ง แต่จะคงไว้จนกว่า ความเร็วรอบเครื่องจะได้ที่ตามที่กำหนด เท่าที่ผมลองขับดูอยู่หลายวัน คุณต้องทำความเร็วเกิน 133 ก.ม./ช.ม. จึงจะมีสิทธิได้ใช้เกียร์ 9 ในโหมด D
ตารางเปรียบเทียบรอบเครื่องยนต์ Honda CR-V 2.4 EL และ Honda CR-V 1.6 DT EL
ความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง | รอบเครื่องยนต์ที่ใช้ (รอบต่อนาที) | |
Honda CR-V 2.4 EL | Honda CR-V 1.6 DT EL | |
100 ก.ม./ช.ม. | 1500 | 1600 (เกียร์ 8) |
110 ก.ม./ช.ม. | 1700 | 1800 (เกียร์ 8) |
120 ก.ม./ช.ม. | 1900 | 2000 (เกียร์ 8) |
และเมื่อนำรอบเครื่องยนต์ที่ขับขี่ มาเปรียบเทียบกัน ในภาวการณ์ใช้งานจริง คุณจะเห็นว่า รอบเครื่องยนต์ไม่ต่างกันมาก และดีเซลดูจะสูงกว่า อยู่ 100 รอบต่อนาทีทั้งหมด นั่นเพราะ รถยังไม่มีโอกาสได้ใช้เกียร์ 9 ซึ่งจะทำให้ประหยัดมากกว่านี้อีก ทว่าดูจากรอบเครื่องยนต์ ถ้าใช้เกียร์ 9 แล้ว รอบเครื่องยนต์จะต่ำมาก อาจจะต่ำเกินไปด้วยซ้ำ
ดังนั้นผมจึงฟันธงว่าเกียร์ 9 มีไว้ให้เมื่อคุณขับเร็วเท่านั้น เพื่อทุนกำลังรอบเครื่องยนต์ดีเซลอันน้อยนิด เพียง 4,000 กว่า รอบต่อนาที เมื่อใช้ความเร็วสูง นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ถึงขับได้เร็วถึง 196 ก.ม./ช.ม. คล้ายเวลาคุณปั่นจักรยานเสือหมอบ อยากไปได้เร็วใช้กำลังน้อยต้องใช้เกียร์สูงอัตราทดต่ำ
ส่วนระบบช่วงล่างทั้งคู่ต่างกันไม่มาก มีความกระด้างพอๆ กัน แต่เนื่องจากน้ำหนักตัว Honda CR-V Diesel มีมากกว่า จึงทำให้เรารู้สึกถึงความหนึบแน่นมากกว่า
อ่านไหม ?? อ่านรีวิว Honda CR-V 2017 ฉบับเต็ม
สรุป ความคุ้มค่า Honda CR-V เบนซิน – ดีเซล ใครน่าใช้กว่ากัน
หลังจากขับรถอเนกประสงค์ Honda CR-V ใหม่ทั้ง 2 รุ่น ผมยอมรับว่า มันมีดีต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น และมีจุดบอดต่างกันด้วย
Honda CR-V 2.4 ลิตร จุดบอดสำคัญ คงไม่พ้นการไร้ระบบ Paddle Shift และ ชุดเกียร์ที่ไม่ตัดขึ้นเองต่อเนื่อ งถ้าคุณไม่กระดิกเท้า แถมการเพิ่มอัตราทดเฟืองท้ายสูงขึ้น ยังทำให้เครื่องยนต์บริโภคน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม จนอัตราประหยัดทั้งในเมืองและนอกเมืองได้เลขตัวเดียว เป็นสิ่งที่อาจจะทำให้หลายคนคิด
กลับกันดีเซล มองแววเหมือนจะประหยัด แต่ถ้าคุณขับในเมืองบ่อยๆ ไม่ประหยัดแน่ เพรา ชุดเกียร์ 9 สปีด อัตราทดเกียร์ 1-2-3 เน้นชันสุง จะทดชิดกันเมื่อผ่านไปยังเกียร์ 4 ขึ้นไป หมายความว่าคุณต้องขับรถในความเร็วระดับหนึ่ง ซึ่งก็ตรงกับผลการทดสอบ
ที่บ่งชี้ว่า ขับในเมืองซดเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติเข้าช่วย คุณจะเห็นอัตราประหยัด 9.58 ก.ม./ลิตร แต่ถ้าใช้ระบบ idling Stop ขับในภาวะเดียวกัน ตัวเลข จะได้อัตราประหยัด 12.64 ก.ม./ลิตร หรือประหยัดขึ้น ร้อยละ 20.56 เลยทีเดียว
ส่วนนอกเมืองดีเซลทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงบิดค่อนข้างสูง ตอบสนองในการเร่งแซงได้ดี ซึ่งเมื่อดูอัตราประหยัดเปรียบเทียบแล้ว พบว่าอัตราประหยัดดีเซลดีกว่าถึง ร้อยละ 38.77
ได้เวลาตัดสินใจ ผมมองราคาจำหน่ายรถทั้ง 2 รุ่น
Honda CR-V 2.4 EL | ราคาจำหน่าย 1,549,000 บาท |
Honda CR-V 1.6 DT EL | ราคาจำหน่าย 1,699,000 บาท |
แล้วคำนวณราคาที่แตกต่างกัน พบว่า เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล แตกต่างกันอยู่ 150,000 บาท
หากมองที่ราคาดาวน์รถ 20%
Honda CR-V 2.4 EL | จะต้องดาวน์ที่ 309,000 บาท |
Honda CR-V 1.6 DT EL | จะต้องดาวน์ที่ 339,800บาท |
แตกต่างกัน | 30,800 บาท |
ผมนำเงินแตกต่างกัน 150,000 บาท มาคำนวณเรื่องความคุ้มค่าในการเติมน้ำมัน ดังนี้
Honda CR-V 2.4 EL | Honda CR-V 1.6 DT EL | หมายเหตุ | |
ราคาน้ำมัน (บาท/ลิตร) | 25.33 (Gasohal E10 91) | 24.54 (Regular Diesel) | ส่วนต่าง 0.79 บาท |
ความจุถังน้ำมัน | 57 ลิตร | 57 ลิตร | |
สมมติฐานน้ำมันเมื่อติดแดง | 5 ลิตร | 5 ลิตร | |
จะต้องเติมจริง | 52 ลิตร | 52 ลิตร | |
ค่าใช้จ่ายในการเติมแต่ละครั้ง | 1,317 บาท | 1,276 บาท | ส่วนต่าง41 บาท |
นำระยะทางนอกเมือง มาคำนวณแตกต่างที่วิ่งได้ต่อถังที่เติมจริง (52 ลิตร) ต่อถังจะวิ่งได้ | 436 กิโลเมตร | 713 กิโลเมตร | ส่วนต่าง 217 กิโลเมตร ต่อถัง |
(เบนซิน)ส่วนต่างจากราคาจำหน่าย จะเติมน้ำมันได้จำนวน (ถัง) | 113.89 ถัง ปัดเศษเป็น 114 ถัง | – | |
(เบนซิน) นำระยะทาง (กิโลเมตร)ต่อถังมาคำนวณหาความคุ้มค่า จากน้ำมันที่นำมาใช้เติมได้จากส่วนต่างจำหน่าย | 49,704 กิโลเมตร | – | คนส่วนใหญ่ขับรถเฉลี่ยปีละ 30,000 กิโลเมตร จะมีความคุ้มค่า เหมือนขับน้ำมันฟรี 1 ปี 6 เดือน |
(ดีเซล) นำระยะทางที่ประหยัดกว่า ของดีเซล มาคำนวณหาจำนวนถัง ที่จะวิ่งได้ระยะทางเท่าความคุ้มค่าของเบนซิน | – | 49,704 /713 กิโลเมตร = 69.71 ถัง | |
(ดีเซล) ต้องจ่ายเงินค่าน้ำมัน ให้เท่าความคุ้มค่าเบนซินทั้งสิ้น | – | 88,949 บาท |
หมายเหตุ ราคาจำหน่ายน้ำมัน ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2560 / สาเหตุ ที่ใช้อัตราประหยัด นอกเมืองเนื่องจากไม่มีปัจจัยสภาวะการจราจรรบกวนการทดสอบ
จากการคำนวณข้างต้น เชื่อว่า เพื่อนๆ คงจะเห็นแล้วว่า ค่าตัวที่ต่ำกว่า 150,000 บาท ของรุ่นเบนซิน เมื่อเทียบกับรุ่นดีเซล แล้ว มีความคุ้มค่ามากกว่าหรือไม่ อย่างไร
แน่นอนเงิน 150,000 บา ทไม่ใช่เงินที่น้อย แต่เมื่อคนไทยส่วนใหญ่ซื้อรถแบบเงินผ่อน ค่าเงินผ่อนต่างกันอยู่ 3 หมื่นกว่าบาท และเมื่อนำอัตราประหยัด จากการทดสอบมาคำนวณแล้ว เราพบว่า เงิน 150,000 บาท ที่ประหยัดกว่านั้น เมื่อมาเจออัตราประหยัดจริงๆ จะเทียบเท่าเติมน้ำมันฟรี 150,000 บาท ในส่วนต่างตรงนั้น แต่ความจริงคือ เราแค่ซื้อรถถูกกว่า
ส่วนดีเซลจ่ายเงินในราคาตั้งต้นแพงกว่ แต่เมื่อมาดูความคุ้มค่าจากอัตราประหยัด ก็ค่อนข้างดีกว่ามากๆ และเทียบกับ ระยะทางที่เงิน 150,000 บาท จะซื้อน้ำมันให้เครื่องเบนซินได้ เครื่องดีเซลใช้เงินซื้อน้ำมันน้อยกว่า เกือบครึ่งหนึ่ง เลยทีเดียว แต่เบนซินมีข้อได้เปรียบกว่าตรงที่สามารถใช้น้ำในได้หลากหลายกว่า
ถ้าถามผมอย่างไรเสีย Honda CR-V เครื่องดีเซลก็ดูจะน่าสนใจกว่า หากคุณมองหารถยนต์ไว้ใช้งานสักคัน ในชีวิตจริงๆ ไม่มีใครขับออกตัวเร่งปื้ดตลอดเวลา เครื่องยนต์เบนซินเกิดมาเพื่อสนองส่วนนี้ ในช่วงการใช้งานจริง ซึ่งคุณต้องการแรงบิดมากกว่าแรงม้า
และเมื่อมาดูความคุ้มค่าแล้ว ยังไงเสียง Honda CR-V ก็ชนะไปใสๆ เพียงแต่ ผมเชื่อว่า หลายคนตะขิดตะขวงใจ เรื่องส่วนต่าง 150,000 บาท ที่ไม่ว่าใครก็คิด เพราะมันหมายถึงคุณผ่อนถูกกว่า เมื่อมาคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือน ซึ่งถ้าพร้อมจ่ายค่าน้ำมัน Honda CR-V เบนซิน ก็ไม่ขี้เหร่ ในมุมมองผม ..
อ่านไหม ?? อ่านรีวิว Honda CR-V 2017 ฉบับเต็ม
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”248″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]