Home » “Nissan Leaf” ดัดแปลงขุมกำลัง เสริมเครื่องยนต์ 1,000cc กลายเป็นรถ “PHEV” ทำเอง
Bust tuning

“Nissan Leaf” ดัดแปลงขุมกำลัง เสริมเครื่องยนต์ 1,000cc กลายเป็นรถ “PHEV” ทำเอง

ปัญหาแบตฯรถไฟฟ้าเสื่อมเมื่อถูกใช้ไปเป็นระยะเวลานานๆ คือสิ่งที่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นในสักวัน เมื่อถึงจุดนั้นหลายคนอาจเลือกเปลี่ยนแบตฯหรือไม่ก็ขายรถทิ้งไปซื้อคันใหม่ แต่นั่นไม่ใช่กับหนุ่มเจ้าของ Nissan Leaf คันนี้ ที่เลือกดัดแปลงให้มันกลายเป็นรถยนต์ PHEV แทน

Nissan Leaf ที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้ แท้จริงแล้วเป็นรถมือสองที่ Derek Young ซื้อมา โดยหวังไว้ว่าจะให้มันเป็นยานพาหนะหลักที่เขาใช้ในการเดินทางไปทำงาน แต่กลายเป็นว่า เจ้ารถคันนี้ ดันมีปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เนื่องจากมันมีอายุการใช้งานมาแล้วเกือบ 10 ปีด้วยกัน ซึ่งปัญหานั้นก็หนักมาก จนมันสามารถวิ่งได้เพียงแค่ราวๆ 40 กิโลเมตรเท่านั้น ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

แต่แทนที่ Young จะตัดสินใจเปลี่ยนแบตเตอรี่ของรถใหม่ หรือไม่ก็ขายรถทิ้งไปซื้อคันใหม่ เจ้าตัวกลับปิ้งไอเดียบรรเจิด ด้วยการนึกสนุก นำเอาเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,000cc ของรถซุปเปอร์ไบค์ Kawasaki ZX-10R รุ่นปี 2008 มาเป็นขุมกำลังใหม่ให้กับเจ้ารถคันนี้แทน โดยที่ขุมกำลังเดิม ก็ยังคงอยู่กับรถเช่นเดิม

แน่นอน แม้งานนี่อาจจะเหมือนกับเป็นงานช้าง เพราะอย่างที่เราได้ระบุไว้ว่า ในขณะที่เครื่องยนต์ลูกใหม่ที่ใส่เข้ามา ต้องสามารถใช้ขับเคลื่อนตัวรถได้ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ที่เป็นของเดิมติดรถ ก็ต้องสามารถทำงานร่วมกันได้ด้วย แต่เนื่องจากตัว Young นั้น มีดีกรีเป็นนวิศวกรเครื่องกลอยู่แล้ว ดังนั้นด้วย “Engineering Sense” ของเขา จึงทำให้โปรเจ็กท์นี้ได้ผลลัพท์ออกมาที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

เพราะแม้หากมองจากภายนอก ตัวรถอาจไม่ได้ดูเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก แต่ถ้าเปิดฝาประตูท้ายขึ้นมา เราก็จะพบกับเครื่องยนต์ลูกที่ว่า ถูกยึดเข้ากับตัวรถไว้อย่างดี ด้วยการยึดลงไปบนชุดแพหลังของ Lexus IS350 ซึ่งถูกนำมาดัดแปลงใหม่ ให้เข้ากับตัวรถ ไม่เว้นแม้แต่ชุดเพลาขับก็ถูกปรับระยะความยาวใหม่ เพราะเฟืองท้ายต้องเปลี่ยนไปเพื่อให้รับกับชุดโซ่ขับเคลื่อนที่โยงมาจากชุดล่างของเครื่องยนต์อีกที

นั่นจึงหมายความว่า ระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ลูกนี้ ยังคงติดตั้งอยู่ที่เดิม และยังคงเป็นชุดเกียร์ 6 สปีด เหมือนเดิม ระบบคลัทช์ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ซึ่งตัวหนุ่มเจ้าของรถ ก็ได้ทำการโยงทั้งสายเกียร์และสายคลัทช์ไปไว้ที่คอนโซลกลาง ในตำแหน่งเดียวกับที่คันเกียร์รถยนต์ปกติมักจะติดตั้งเอาไว้กัน และเนื่องจากมันคือเกียร์ของรถมอเตอร์ไซค์ นั่นจึงหมายความว่าลักษณะการเข้าเกียร์จะเป็นแบบ Sequencial Shift ไม่ใช่ H-Pattern

หลังจบความวุ่นวายในเรื่องการติดตั้งเครื่องยนนต์ และระบบขับเคลื่อนไปแล้ว นาย Young ก็ได้เก็บงานรถต่อ ด้วยการติดตั้งแผ่นอครีลิคกั้นห้องเครื่อง(ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นห้องเก็บสัมภาระ)ไม่ให้ความร้อนจากเครื่องยนต์เข้ามาสู่ภายในห้องโดยสาร

และเพื่อไม่ให้ความร้อนของเครื่องยนต์อบอวนอยู่ด้านท้าย เจ้าตัวจึงได้ทำการถอดกระจกบานท้ายทางด้านขวาทิ้งไป แล้วติดตั้งสคูปดักลมขนาดใหญ่งานพิมพ์ 3 มิติ เข้าไปแทน เพื่อให้มันดักลมเข้าไปเป่าหม้อน้ำ และระบายอากาศออกทางฝาท้ายรถ ซึ่งถูกเจาะให้เป็นรูขนาดใหญ่ 2 ช่อง และมีการปิดตะแกรงกั้นเอาไว้อีกทีเพื่อกันเศษหิน หรือผู้ไม่หวังดีปาของชิ้นใหญ่ใส่ทางด้านหลังรถเข้าไปในห้องเครื่อง

ส่วนสิ่งสุดท้ายที่ถูกเปลี่ยนในเชิงกลไกก็คือ ชุดระบบเบรกหน้า ที่เปลี่ยนไปใช้จานเบรกของ Ford Mustang และตัวคาลิปเปอร์เบรกก็ใช้ของ Nissan 370Z

ส่วนลักษณะการทำงานในเบื้องต้นของรถคันนี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ดี มันก็จะสามารถทำงานได้เหมือนกับรถยนต์ PHEV ทุกประการ เพราะมันสามารถวิ่งได้ทั้งในโหมดไฟฟ้า 100% ซึ่งเป็นระบบดั้งเดิมของตัวรถ และหากพ้นเขตชุมชนไปแล้ว นาย Young ก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยวิธีไหน ระหว่างการใช้ไดสตาร์ทตามปกติ หรือจะปล่อยรถไหล แล้วเข้าเกียร์ เพื่อกระตุกสตาร์ทเครื่องยนต์ก็ได้

ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์ติดขึ้นมาแล้ว เจ้าของรถนายนี้ ก็สามารถเลือกได้เลย ว่าจะให้มันช่วยขับเคลื่อนรถร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในอัตราส่วนความเร็วรอบเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 1:1 และกลายเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือจะให้เครื่องยนต์ทำงานเพียงอย่างเดียวไปเลย เพื่อเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังไว้ทำเพาเวอร์สไลด์เล่นก็ได้

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย หากมีใครมีเวลา และมีทักษะมากพอที่จะทำ….ลองดูกันมั้ยล่ะครับ ?

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.