ท่ามกลางวงการยานยนต์ที่ริเริ่มความพยายามทำให้รถยนต์ปลอดภัยมากขึ้นในการใช้งาน ยางนับว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก ต่อการขับขี่ และจะดีกว่าไหม ถ้ามียาง ที่ช่วยให้คุณเดินทางต่อได้แม้ว่ายางจะรั่ว ที่เรียกว่า Run Flat Tire
ในหลายปีที่ผ่านมา ยางรถยนต์ประเภทพิเศษ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตรถยนตืที่ต้องการความปลอดภัย และบริษัทยาง ที่ต้อารสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างยางแบบใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย
ต้นกำเนิดยางรถยนต์ Run Flat Tire มีมาตั้งแต่ปี 1930 แต่ไม่มีใครใครรู้มาก่อนนัก โดยผู้ผลิตยางมีความคิดสำคัญว่าจะต้องสร้างยางที่สามารถปกป้องผู้ขับขี่ได้ เมื่อเกิดเหตุยางรถยนต์เกิดระเบิด ซึ่งเป็นปกติของในยุคนั้น
แต่แล้ว ยาง มิชลิน เป็นบริษัทยางรายแรกที่พัฒนายางดังกล่าวขึ้นมา โดยได้ความคิดจากล้อเลื่อนรางรถไฟเสริมด้านข้างยางด้วยโฟมพิเศษ ทำให้แม้ลมอ่อน หรือยางเกิดความเสียหายผู้ขับขี่จะยังขับไปได้อีกสักระยะ จนกว่าจะถึงร้านยาง หรืออยู่ในสถานที่ปลอดภัย
ในปี 1958 Chysler เป็นบริษัทรถยนต์รายแรกที่ตัดสินใจจะหันไปใช้ยางแบบนี้ โดยร่วมมือกับบริษัทยางกู๊ดเยียร์ ก่อนที่ในปี 1972 บริษัทยางรถยนต์ Dunlop จะผลิตออพั่นพิเศษให้กับผู้ที่สนใจในการติดตั้งยางที่เรียกว่า Fail-Safe ลงในรถยนต์ Rover P6
แต่ว่ายางรถยนต์แบบนี้ก็ไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ มีเพียง BMW ที่ร่วมมือกับทาง Bridgestone และ Pirelli ติดตั้งยางคุณลักษณะพิเศษลงในรถค่ายตราพัดฟ้า รุ่นใหม่แทบทุกรุ่น
คุณสมบัติพิเศษของยาง Run Flat Tire ที่สำคัญ คือ การที่ยางสามารถจะขับต่อไปได้ แม้ว่ายางจะไม่มีลมยางเหลืออยู่ และนอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติพิเศษของยางที่มีแก้มข้างหน้า ทำให้เมื่อเกิดเหยียบของมีคมที่มีความสามารถในการเจาะทะลุยาง จะทำให้รถไม่เกิดอาการยางระเบิดอย่างรุนแรงจนเสียการควบคุม จนนำไปสู่อุบัติเหตุได้
เทคนิคของยางรันแฟลทนั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบ 2 ข้อ ที่สำคัญ คือ
1.ตัวยางรันแฟลท ที่มีการออกแบบแก้มข้างแบบพิเศษมีชุดโฟม หรือยางหนาเป็นพิเศษทางด้านใน เพื่อให้รองรับได้เมื่อไม่มีลมในยาง
2.ตัวชุดล้อ ชุดล้อที่จะใส่ยางประเภทนี้แล้วใช้เทคนิคจากยางรันแฟลทได้ ต้องเป็นชุดล้อแบบพิเศษ ที่สามารถทำให้ยางยังเกาะได้ หรือต้องมีบ่ายาง 2 ชั้น เพื่อให้ขอบยางไม่หลุด เมื่อยางไม่มีลมจะไม่ปลิ้นออกไป แต่จะใช้การนั่งบนบ่ายางแทน
โดยหลักการหลักของยาง Run Flat อยู่ที่กาารทำให้ขอบยางช่วงไหล่ยางมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถรับน้ำหนักแรงกดของตัวรถได้ ทำให้ยางไม่ปลิ้นหรือลอกออกไปจากล้อเมื่อรับแรงกดอยู่รุนแรง จากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างการขับขี่
เมื่อยางประเภทนี้เสียหาย จนนั่งบนบ่ายางแล้ว ทางผุ้ผลิตแนะนำให้ผู้ขับขี่ ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ช.ม. สามารถเดินทางต่อได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตร เพื่อไปยังปลายทางหรือที่หมายปลอดภัย ซึ่งนอกจากความสามารถในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว รถที่ติดตั้งยางรันแฟลทส่วนให่ จะไม่ติดตั้งยางอะไหล่สำรองมาให้ และเป็นการลดภาระกับตัวรถในอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ดี ยางรันแฟลทที่มีคุณสมบัติในการขับขี่ที่ดี หากกลับยังไม่ได้รับความนิยมมีเหตุผลมาจาก ประการแรก มันมีราคาแพงกว่ายางปกติทั่วไปที่มีขนาดและซีรีย์เดียวกันกว่า เท่าตัว สาเหตุสำคัญมาจากการออกแบบยางพิเศษที่มีบ่ายางแข็งกว่าปกติถึงร้อยละ 20-35 % ทำให้ต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษบางประการในการผลิต
ประการต่อมา ด้วยการออกแบบยางที่มีความแข็งแก้มยางกว่าปกติ ถ้าเปรียบเทียบกับยางทั่วไป เวลาขับขี่มันจะมีความแข็งกระด้างในสัมผัสพื้นถนนมากกว่า หรือมันจะทำให้รถแข็งกว่าเมื่อขับแล้วเปรียบเทียบกัน ตลอดจนยาง Runflat ยังหาซื้อค่อนข้างยาก เนื่องจากความนิยมของผู้ใช้ ทั้งที่มีความปลอดภัยมากกว่าก็ตาม และท้ายสุดจำเป็นต้องล้ออัลลอยที่มีการออกแบบเฉพาะ จึงจะสามารถใช้งานได้
ในปี 2008 Michelin ู้ผลิตยางระดับโลก เคยทำการสำรวจตลาดรถยนต์ พบว่าปัจจุบันส่วนแบ่งของยางประเภท Run Flat มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น และที่สำคัญคนที่ใช้ยาง Runflat ไม่ใช่ทุกคนที่คิดจะเปลี่ยนยาง Runflat เมื่อพวกเขาต้องเปลี่ยนยางใหม่ มีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่ยังใช้ยางเดิมแบบนี้เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง
ตลอดจนผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญต่อยางประเภท Runflat มาก มีเพีย ง BMW ที่ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่พายามติดตั้งและใส่ยางประเภทนี้มาให้ ส่วนทางด้านแบรนด์ญี่ปุ่น Honda เคยมีความพยายามจะใส่ยางประเภทนี้มาให้ ใน Honda Odyssey และ Acura RL แต่ก็เพียงรุ่นเดียวในปี 2009 และไม่เคยแนะนำอีกเลย
ยาง Runflat Tire เป็นนวัตกรรมความปลอดภัยที่ดีโดยเฉพาะถ้าคุณจำเป็นต้องขับรถเดินทางไกลบ่อยครั้ง ไปในที่ห่างไกลจากความช่วยเหลือ และไม่มีความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองได้ การซื้อยาง Runflat ติดรถเป็นความคิดที่ดีถ้าพร้อมจ่ายแพงเพื่อให้ชีวิตคุณปลอดภัยในการขับขี่ทุกเส้นทาง
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com