มีรถสักคันทั้งที่เราก็คงอยากให้รถที่เราใช้อยู่กับเรานานๆ แม้ว่ารถยนต์อาจจะมีวาระอายุการใช้งาน แต่เชื่อไหมครับว่า ปัญหาของการเสื่อสภาพรถยนต์ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการขับขี่ของพวกเรานั่นเอง และวันนี้ถ้าคุณสามารถปรับปรุงตัวเองไม่ทำสิ่งที่เราบอกทั้ง 7 ประการต่อไปนี้ เชื่อเถอะว่า รถคุณจะไม่พังเร็วจนเกินไป และอาจจะใช้งานได้นานขึ้นด้วยครับ
1.คิกดาวน์บ่อยครั้ง ทุกวันนี้รถยนต์สวนใหญ่ที่เราใช้เป็นรถเกียร์ออโต้ และเรามักจะต้องอาศัยจังหวะการคิดดาวน์ในการเร่งแซง ทว่าน้อยคนนักจะรู้ว่าการทำแบบนี้บ่อยครั้งมีผลร้านตามมากับระบบเกียร์และเครื่องยนต์
การคิดดาวน์ คือกการที่ชุดเกียร์ถอยอัตราทดตำแหน่งเกียร์ให้สูงขึ้นเพื่อใช้รอบเครื่องยนตืในการทำกำลังมากขึ้น จะได้เร่งแซงไปเร็วๆ การคิดดาวน์อาศัยการควบคุมอย่างแม่นยำจากระบบคอมพิวเตอร์ก็จริง แต่มันก็มีผลร้ายตามมาหากคุณคิกดาวน์บ่อยๆ ชุดคลัทช์ในเกียร์ถือว่ามีบทยาทสำคัญยามคุณเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ มันย่อมเสื่อได้เร็วขึ้น นี่ไม่นับในส่วนของเครื่องยนต์ที่อาจจะมีการสึกหรอไวขึ้นเนื่องจากใช้รอบสูงในการขับขี่
2.ขับเลียเบรก เบรกเป็นเครื่องห้ามล้อเดียวในยุคนี้ และเด็กรุ่นใหม่ทุกคนถูกสอนให้เลีย แตะเบรกทุกครั้งที่ต้องการลดความเร็ว จนทำให้เบรกต้องทำงานหนักบ่อยครั้ง มากขึ้น ด้วยวิถีของการขับรถเกียร์อัตโนมัติ
แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเบรกไม่ใช่สิ่งเดียวที่สามารถชะลอความเร็วรถได้ เพียงแค่ถอนคันเร่งรถก็จะลดความเร็วลงช้าๆ ไม่จำเป็นเลยที่ต้องเลียเบรกตลอดเวลา และรู้ไหมครับว่า ถ้าคุณใช้เบรกบ่อยครั้ง จากการเลียเบรก หรือแตะเบรกต่อเนื่องแล้ว ผ้าเบรกจะหมดไวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก แต่เราอยากจะบอกว่ามันสามารถทำให้คุณเสี่ยงอุบัติเหตุได้เช่นกัน
3.ออกตัวล้อฟรีบ่อยครั้ง เรื่องนี้อยากเตือนไว้เลยสำหรับวัยรุ่นทั้งหลาย ว่า บรรดารถที่เราใช้กันไม่ได้ออกแบบมาใช้ออกตัวล้อฟรีอย่างที่เข้าใจ รถแข่งคือรถแข่ง นะครับ การออกตัวล้อฟรี ดูแล้วก็เท่ห์ดี ไม่น้อยใช่ไหม ทว่าในความจริงของการออกตัวล้อฟรี เอี๊ยดลั่น คุณกำลังทำร้าย 3 สิ่งในรถ คือ 1.ยางรถยนต์จะสึกอย่างรวดเร็วจากการเสียดสีอย่างรุนแรง 2.เพลาขับอาจจะขาดหรือรูด เนื่องจากรับแรงบิดจากเครื่องยนต์มากเกินไป ทำให้เสื่อสภาพเร็ว และ 3.ลูกปืนล้ออาจจะแตกหรือพังเร็วเนื่องจากแรงบิดที่รุนแรงของการออกตัวล้อฟรีของคุณ นี่ผมยังไม่พูดถึงพวกชุดคลัทช์และเกียร์นะ พวกมันไม่ได้ออกแบบมาให้ซิ่งอย่างที่เข้าใจ
4.ออกตัวรุนแรงตอนเครื่องเย็น สิ่งที่คนทั่วไปมักไม่รู้คือเครื่องยนต์สมควรจะต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมในระหว่างการใช้งาน ซึ่งเครื่องยนตืจะพร้อใช้งานหลังตากที่คุณสตารืทเครื่องยนต์รถแล้ว 2-3 นาที หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่โดยมากไม่เกิน 5 นาที
สาเหตุที่เราต้องรอให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงานเนื่องจาก เครื่องยนต์มีการถ่ายเทความร้อนอย่างต่อเนื่อง และพวกมันต้องการเวลาสักหน่อย มันก็เหมือนคุณตื่นตอนเช้าอาจจะอยากบิดขี้เกียจนิดก่อนรีบลุกเตรียมตัวไปทำงาน คุณจำเป็นต้องให้เวลาสักหน่อย โดยอาจจะติดเครื่องยนต์รถทิ้งไว้ระหว่างที่คุณไปล็อกบ้าน อะไรแบบนี้
และที่เขาไม่แนะนำให้คุณออกตัวแรงช่วงที่เครื่องยังเย็น หรือในช่วงสตารืทใหม่ๆ เนื่องจากการใช้เครื่องยนต์รอบสูงอาจทำให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ยังไม่เซทตัวก่อให้เกิดความเสียหายกับลูกสูบได้
5.พักมือที่คันเกียร์ เคยเป็นใช่ไหมครับ เวลาขับรถแล้วชอบจับเกียร์อยู่เสมอ อาการนี้ผมเรียกว่า พักมือที่คันเกียร์ การพักมือที่คันเกียร์อาจฟังดูก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร แต่ในคันเกียร์เหล่านี้มีอุปกรณ์ที่พร้อมจะทำงานตลอดเวล โดยเฉพาะรถเกียร์ธรรมดา ซึ่งถ้ามันได้รับน้ำหนักกดบ่อยๆ อาจได้รับความเสียหายได้ โดยจะเกิดอาการเกียร์หลุดบ่อยครั้ง
6.บรรทุกน้ำหนักเกิน รถยนต์แต่ละประเภทออกแบบมาให้ใช้งานอย่างเหมาะสม และรับน้ำหนักต่างกัน คำว่ารับน้ำหนักไม่ได้หมายความถึงการบรรทุกของเท่านั้น หากยังรวมถึงเรื่องการโดยสารด้วย การบรรทุกน้ำหนักเกินทำให้ชิ้นส่วนระบบกันสะเทือนต้องทำงานหนักเกินไป และทำให้มันเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติที่สมควรจะเป็นอย่างไม่ต้องสงสัย
7.ขับรถในระดับน้ำมันต่อบ่อยครั้ง รู้ไหมครับว่าทำไมบริษัทต้องติดตั้งระบบเตือนน้ำมันอยุ่ในระดับต่ำให้คุณ มันมี 2 เหตุผลสำคัญนะครับ 1.คือเพื่อไม่ให้น้ำมันรถคุณหมดกลางทางและ 2.พยายามให้คุณไม่ขับรุที่มีระดับน้ำมันต่ำเกินไป สาเหตุที่การขับรถที่มีระดับน้ำมันต่ำบ่อยจะเสื่อมสภาพเร็ว ก็มาจากตัวปั้มเชื้อเพลิงที่อยู่ในถังน้ำมัน พวกมนมีความร้อนในตัวระหว่างการทำงาน และสมควรจะจอมในน้ำมัน ซึ่งช่วยระบายความร้อนพวกมัน หากคุณขับรถที่มีน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ ปั้มเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ
7พฤติกรรมที่ผมพูดเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้รถคุณพังอย่างรวดเร็ว ที่จริง ยังมีเรื่องแบบนี้อีกมากที่ยังอาจจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ ย่างไรเสียพยายามใช้รถให้เป็นปกติคนรถที่ใช้จะได้อยู่กับเราไปนานๆ
ช่วยเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ridebuster.com &